บทที่ 16 การบอกเลิกที่มีความสุข
จึงหนิง ออกไปจากบันเทิงเฟิงหัว แล้ว
ตอนเวลาที่จะไป ก็มีหลายคนไปส่งเธอซึ่งกลัวทำร้าย ความรู้สึกกัน แต่ส่วนมากเป็นแค่เห็นแก่หน้า
ที่จริงแล้วแม้ว่าเธอลาออกไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลาออกจาก อาชีพนี้เลย วันหลังพูดได้ว่าไม่แน่อาจจะต้องเจอกันอีก
เพิ่มเพื่อนขึ้นมาหนึ่งคนดีกว่าเพิ่มศัตรูขึ้นมาหนึ่งคนล่ะ!
หนิง ก็ไม่เปิดโปงเช่นกัน ไปถึงลานจอดรถ หลังจากวาง ของอยู่บนรถแล้ว นี่จึงขับรถไปยังมู่ชื่อกรุ๊ป
มู่เทียนหง เป็นคนหนึ่งที่รักษาคำพูด เอกสารและเช็คที่จะ โอนบริษัทเตรียมให้เสร็จมานานแล้ว
ตอนที่ จึงหนิง มาถึงมู่ชื่อกรุ๊ป มู่เทียนหง กำลังประชุมอยู่ เป็นเลขา ที่อยู่ข้างกายเขามาต้อนรับดูแลเธอ
บริษัทย่อยสามแห่ง ตามข้อเรียกร้องที่เมื่อคืนเธอบอกไว้ สองแห่งในนั้นเปลี่ยนเป็นเงินสด เหลือเพียงแค่แห่งเดียว
หนิง เซนต์ชื่ออยู่บนเอกสารอย่างรวดเร็วไม่ลังเล และ มอบทะเบียนสมรสครึ่งหนึ่งของตนเองให้แก่ฝ่ายตรงข้าม
สัญญาการแต่งงานคือเวลานั้นที่แม่ยังอยู่ ทั้งใช้ไม้แข็งและไม้อ่อนบังคับตระกูลมู่เซนต์ไว้
เวลานั้นเธอกับ มู่ยั่นเจ๋อ เพิ่งอยู่ด้วยกันไม่นาน ต่างคน ต่างอายุก็ยังน้อยมาก หมั้นไว้ไม่คู่ควรเลย ดังนั้นก็ เปลี่ยนแปลงวิธีตามโบราณแบบนี้
หลังจากเซนต์สัญญาการแต่งงานแล้วผ่านไปครึ่งเดือน แม่ก็เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตไปเลย
ตอนนี้นึกขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าเธอคาดคิดถึงอุบัติเหตุครั้งนั้น ตั้งแต่แรกแล้วหรือไม่ ดังนั้นจึงจะทำการวางแผนแบบนี้ก่อน จะจากไป
แต่น่าเสียดาย แม้แต่ความทุ่มเทของแม่ครั้งสุดท้ายก็เธอ ทำให้ผิดหวัง ตอนนี้ไม่เพียงแค่ไม่มีบ้าน แม้แต่คู่หมั้นก็ไม่มี แล้วเช่นกัน
คิดถึงตรงนี้ จึงหนิง หัวเราะเยาะตนเองหนึ่งที่
หลังจากเอกสารขั้นตอนทั้งหมดส่งมอบเสร็จแล้ว การ ประชุมของ มู่เทียนหง ก็ยังไม่ได้จบสิ้น
เลขาฉู่ ถามเธอว่าจะนั่งรอสักพักหรือไม่ รอท่านประธาน กรรมการออกมาทักทายสักหน่อยค่อยออกไป ก็ถูก จึ่งหนิง ปฏิเสธโดยมีเหตุผลฟังดูดีเลย
เธอได้รับสิ่งของที่ตนเองต้องการแล้ว คนของตระกูลมู่ไม่ จำเป็นต้องเจอกันอีก หลังจากออกจากมู่ชื่อกรุ๊ป เวลายังไม่สาย
จึงหนิง ก็ไปที่ร้านเดินไปหนึ่งรอบ พนักงานที่ลาก็กลับมา ทำงานแล้ว มองเห็นเธอ ดีใจจนลุกขึ้นจากหลังโต๊ะ
“พี่หนิง การขายของวันนี้ดีมากนะ เพิ่งผ่านไปครึ่งวันก็
ขายไปแล้วสิบกว่าบิล” จิ่งหนิง ยิ้มแล้วยิ้มอีก ให้กำลังใจ เธอว่า “ทำได้ดีมาก สู้ต่อไปอีก!” พนักงานร้าน เสี่ยวจาง เป็นสาวอายุยังน้อยแค่สิบแปดสิบ
เก้าปี ได้รับกำลังใจจากเธอ ใบหน้าเล็กๆ ที่ตื่นเต้นดีใจใบ หนึ่งแดงระเรื่อ ดีใจเหลือเกิน
จิ่งหนิง ดึงกระดาษ A4 สีขาวใบหนึ่งออกจากกระเป๋า ติด
ไปยังหน้าต่างตู้
เสี่ยวจาง เข้ามาดูอย่างอยากรู้อยากเห็น ตอนเวลาที่เห็น ข้างบนเขียนไว้ว่าเซ้งร้านคำนี้ ตื่นตะลึงหนึ่งที
“พี่หนิง คุณจะเซ้งร้านหรือ? ไม่ทำแล้วหรือ?”
จึงหนิง พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
“อืม ไม่ทำแล้ว แต่ว่าคุณสามารถทำงานที่นี่ต่ออีกได้ ฉัน จะบอกกับเจ้านายคนใหม่ให้”
สีหน้าของเสี่ยวจาง เปลี่ยนไปเล็กน้อยหนึ่งที่
ที่จริงแล้ว จึงหนิง ตัดสินใจทำเช่นนี้ก็เป็นการกระทำที่จนใจเช่นกัน
เธออยากตั้งบริษัทผู้จัดการสำหรับตนเอง แน่นอนต้องทุ่ม เวลาทั้งหมดเข้าไปในนั้น ถึงเวลานั้นเกรงว่าจะแบ่งพลังออก มาดูแลที่นี่ไม่ได้
อีกทั้งร้านแห่งหนึ่งการขายดีขนาดไหน ในที่สุดรายรับก็ ยังมีจำกัด ดังนั้นหลังจากพิจารณาแล้ว ดีที่สุดยังเป็นการเข้ง ออกไปดีกว่า
หลังจากติดป้ายเสร็จแล้ว จึงหนิง ก็ได้พูดคุยกับ เสี่ยวจาง หลายคำ นี่จึงออกไป
ตอนบ่ายไม่มีเรื่องอะไร เธอนัดกับหัวเหยา ออกมาช้อปปิ้ง
หัวเหยา เป็นคนสวยอันดับหนึ่งในปัจจุบันนี้ของวงการ บันเทิง เคยถูกนิตยสารสื่อมวลชนพิจารณาเป็น “ความ งดงามหนึ่งในโลกที่ยุคสมัยนี้ยากจะได้รับ”
อีกทั้งยังเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของประธานกรรมการ หัวเชี่ งกรุ๊ป ด้วย เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนสมัยมัธยมปลายกับ จิ่ง หนิง ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทที่ดีมาก
ทันทีที่เจอกันหัวเหยา ก็ อิอิ ไปสองเสียง
“ฉันว่ามิตรสหายเอ่ย ทันทีที่ได้ยินว่าคุณถูกผู้ชายทิ้งแล้ว ฉันก็รีบวิ่งมาปลอบใจแก แต่ดูลักษณะแกเช่นนี้ ก็ไม่ได้เห็น ว่าเสียใจมากขนาดไหนล่ะ!”
จึงหนิง แปลกใจเล็กน้อย
“แกรู้ได้ยังไงหรือ?”
“โอ๊ย ล้วนประกาศไปทั่วแผ่นดินแล้ว ไม่อยากจะรู้ก็ยาก
นะ!”
หัวเหยา เอาการ์ดเชิญเข้างานวันเกิดอันหนึ่งให้กับเธอ ทันทีที่ จิงหนิง เปิดออกมาดู ถึงขนาดเป็น จิ่งเสี่ยวหย่า กับ มู่ ยุ่น เจ๋อ ร่วมชื่อกันส่งมา
เธอพูดไม่ออกเล็กน้อยในทันทีนั้น
หัวเหยา ยิ้มตาหยีพูดว่า “บอกเถอะ! จับการคบชู้ของคน ชั้นต่ำคู่นี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“หลายวันก่อนมั้ง!” จิ่งหนิง เห็นลักษณะที่มีความสุขบน ความทุกข์ของผู้อื่นเต็มใบหน้าของเธอ จิตใจหดหูเล็กน้อย “ฉันว่า ฉันถูกคนอื่นทิ้งแล้วแกดีใจขนาดนี้ทำไมล่ะ?”
“แกถูกทิ้งฉันย่อมดีใจมากอยู่แล้ว! เดิมที มู่ยั่นเจ๋อก็คือ คนเลวต่ำช้าคนหนึ่ง คนแบบนี้รีบบอกลารีบหลุดพ้น ไม่ต้อง ทำให้แกยังโง่ๆทุ่มเทเพื่อคนอื่นมากกว่านี้อีก”
จึ่งหนิง ” .”
หัวเหยา ไม่ชอบ มู่ยั่นเจ๋อ มาโดยตลอด จุดนี้เธอรู้มาตั้ง นานแล้ว
ตอนเวลาที่เพิ่งรู้ว่าพวกเขาอยู่ด้วยกัน ก็เคยได้เดือนเธอ หลายครั้งแล้ว แต่ตอนเวลานั้นสาวน้อยรักแรกแย้ม มีที่ไหน จะเชื่อล่ะ?
บัดนี้ดูแล้ว ถึงขนาดตรงกับสิ่งที่เธอพูดเลย
จึงหนิง หัวเราะเยาะแล้วหัวเราะเยาะอีก ไม่ได้พูดอะไร
ทั้งสองคนไปเดินช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าที่ใกล้บ้าน
อยู่ในเวลานี้ Rolls-Royceสีดำคันหนึ่งก็ชี่ผ่าน ทันทีนั้น ซูมู่ ก็ได้มองเห็นผู้หญิงทั้งสองเดินไปยังห้างสรรพสินค้า ประหลาดใจพูดว่า “เอ๊ะ? นั่นไม่ใช่ คุณหนูจริง หรือ?”
ลู่จิ่งเซิน เอาสายตาที่วางอยู่บนเอกสารเงยหน้าขึ้น มอง ไปยังทิศทางที่ ซูมู่ ชี้ ซะงักไปเล็กน้อยหนึ่งที่
“จอดรถ!”
จึงหนิง กับหัวเหยา เดินไปหนึ่งรอบใหญ่ สุดท้ายเข้าไป ในร้านขายชุดผู้หญิงร้านหนึ่ง
นี่คือร้านค้าแบรนด์เนมหรูร้านหนึ่ง การตกแต่งในร้าน สง่าผ่าเผย ท่ามกลางสไตร์สีเรียบเย็นรินหลั่งกลิ่นอายที่ สะอาดฟุ่มเฟือย
ก่อนหน้านั้นหัวเหยา สั่งทำชุดกระโปรงยาวตัวหนึ่ง วันนี้ตั้งใจเข้ามาเอา
พนักงานในร้านย่อมรู้จักเธออยู่แล้ว หลังจากถามชัดเจน แล้ว ก็นำพาเธอไปลองชุดที่ห้อง VIP ชั้นสอง ถ้าหากมีตรง ใหนที่ไม่เหมาะสมก็จะได้แก้ไขทันที
ก่อนที่หัวเหยา จะไปได้บอกกับ จิ่งหนิง ว่า “หนิงหนิง แก นั่งรอสักพัก ฉันลองเสร็จแล้วก็จะลงมานะ”
จึ่งหนิง พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
หลังจากหัวเหยา ขึ้นไปแล้ว ให้เธอรออยู่ก็น่าเบื่อด้วย ก็ เลยเดินเล่นดูอยู่ในร้าน
วันนี้เป็นวันจันทร์ ลูกค้าในร้านไม่ค่อยเยอะเลย พวก พนักงานต่างคนต่างพูดเล่นคุยกันบ้าง เล่นโทรศัพท์บ้าง ไม่มีใครบริการเธอเลย
จึงหนิง ก็ไม่สนใจด้วย หลังจากเดินไปหนึ่งรอบ มองเห็น ในตู้แขวนชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มตัวหนึ่งไว้ รูปแบบดูดีมาก เหมือนผลงานของนักออกแบบบางคนในฝรั่งเศสเล็กน้อย ที่ ก่อนหน้านั้นเธอได้เห็นอยู่บนนิตยสาร
เธอชอบนักออกแบบคนนั้นมากมาโดยตลอด ถือว่าเป็น แฟนคลับที่จงรักภักดีของเขา จากนั้นอดไม่ได้ยื่นมือไปจับ แล้วจับอีก
“เอ๊ะ! มองดูได้แต่อย่าเอามือไปจับล่ะ จับจนเสียหายแล้วคุณชดใช้ไม่ไหว”
อยู่ดีๆข้างหลังส่งเสียงของผู้หญิงมา
จึ่งหนิง บึ้งชะงักไป หันหน้ามองเห็นพนักงานร้านที่ยังสาว คนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น สายตาที่จ้องมองเธอมาเต็มไปด้วยความ ไม่พอใจและรังเกียจ
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย
“พวกเธอแขวนเสื้อผ้าออกมา ไม่ใช่จะให้ลูกค้าลองหรือ?
ทำไมจะเตะต้องไม่ได้ล่ะ?” พนักงานยิ้มเย็นชา “คนอื่นจับได้ คุณจับไม่ได้”
“ทำไมล่ะ?”
พนักงานเปิดตาขาว ดูเหมือนเบื่อหน่ายต่อการหาเหาใส่
หัวของเธอ
“คุณรู้ไหมว่ากระโปรงตัวนี้ราคาเท่าไหร่ล่ะ? คุณเป็นผู้ ช่วยเงินเดือนในหนึ่งเดือนมีกี่พันบาทหรือ? เงินเดือนทั้งปีก็ ไม่พอซื้อมันรู้หรือไม่?”
ตอนที่พูดอยู่ ยังหงุดหงิดขึ้นมาดึงผ้าที่อยู่ในมือของเขา ออก จากนั้นผลักไม้แขวนที่เต็มไปด้วยกระโปรงไปข้างๆผลัก แล้วผลักอีก
บ่นอุบอิบๆอย่างไม่พอใจ “ทั้งวันมามีแต่คนที่เห็นอย่างเดียวไม่ซื้อ ซื้อไม่ได้ยังจะมาซ้อปทำไม? ซ่างน่าเบื่อจริงๆ!”
จึงหนิง
เธอถูกความโมโหทำจนหัวเราะออกมาโดยตรง
ไม่ใช่เป็นครั้งแรกที่ออกมาเดินช้อปปิ้งกับหัวเหยา แล้ว กลับเป็นครั้งแรกที่ถูกคนคิดว่าเป็นผู้ช่วย
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ