อีกด้าน น้ำเสียงของลู่ทั้งตกใจทั้งดีใจ “จริง
เหรอ?”
“อื้ม จริงๆ”
ได้รับคําตอบที่ต้องการแล้ว ฝ่ายชายก็วาง โทรศัพท์ด้วยความพึงพอใจ
จิ่งผ่อนลมหายใจยาวๆ นึกถึงอะไรบางอย่าง
จึงโทรไปหาตาK
“ตาK สืบค้นไปถึงไหนแล้ว?”
“จับตาดูอยู่! ตอนนี้ยังไม่พบเบาะแสอะไรเลย
จิ่งหนิงจับๆหว่างคิ้ว
ในใจค่อนข้างผิดหวัง
แต่เธอก็รู้ เรื่องราวผ่านมาห้าปีแล้ว ไม่ได้สืบง่าย ขนาดนั้น ดังนั้นจึงไม่ได้
แต่คิดไม่ถึงว่า จู่ๆตาจะ: เอ๊ะ มี ความเกี่ยวข้องกับคนเมืองหลวงอะไรนั่นไหม?
หนังตกตะลึง
หมายความว่าไง?”
“ระยะนี้ ฉันสืบเจอคนของตระกูลไปมาหาสู่กับ คนเมืองหลวงด้านนั้นอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่การทําธุรกิจประเภท นั้น แต่ค้นหาไม่เจอตัวตนของอีกฝ่าย ก็เลยลองถามดู
เมืองหลวง?
เท่าที่เธอรู้ ก่อนที่เขียวเต๋อจะแต่งงานกับแม่ของ ตนเอง ก็เป็นนักศึกษาจนๆคนหนึ่ง
ปีนั้นตระกูลโม่อยู่ที่เมืองจีน ถือว่าเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุด เนื่องจากมีลูกสาวแค่คนเดียว จึงแต่งลูกเขยเข้าบ้าน ตอนนั้นคุณตาถูกใจความฉลาดเฉียบแหลมและมีความ สามารถของจิ่งเซียวเต๋อ ดังนั้นจึงช่วยให้การแต่งงานของ เขากับแม่สมปรารถนา
เรื่องต่อจากนั้น ก็ไม่ต้องพูดแล้ว
จิ่งเซี่ยวเต๋ออำพรางตัวตนมาสิบกว่าปี หลอกลวง ทุกคน รวมไปถึงคุณตาและแม่ของเธอ หลังจากที่แม่เสีย ชีวิต ก็เอาโมชื่อกรุ๊ปที่รู้จักกันในนามของจิ่งชื่อกรุ๊ปตอนนี้ ใช้อำนาจเข้ายึดครองทรัพย์สินของตระกูลจิ่งอย่างถึงที่ สุด
ประวัติที่มีชื่อเสียงอย่างนี้ แน่นอนว่าก็ยิ่งเป็นการ ทําตัวให้คนอื่นเหยียดหยาม
แม้ในภายหลังจิ่งเซี่ยวเต๋อจะทำสำเร็จอยู่บ้าง แต่ อาศัยพละกำลังที่เหลืออยู่ในเมืองจิ้นของตระกูลโม่แล้ว พัฒนามาจนถึงขั้นนี้ ก็ไม่เลวเลย เป็นไปได้อย่างไรที่จะ ยังรู้จักคนเมืองหลวงด้านนั้น?
จิ่งหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็คิดคำ ตอบไม่ออก
“ฉันไม่รู้เรื่องนี้ เรื่องนี้กับเรื่องของแม่ฉันเกี่ยวข้อง อะไรกันไหม?”
อาจจะไม่เกี่ยวข้องกัน แค่รู้สึกสงสัย ทุกครั้งที่ คนๆนั้นมาจะสวมเสื้อกันลมสีดำแล้วยังใส่ผ้าปิดปากมา ด้วยตลอด และทุกครั้งก็เป็นเวลาเที่ยงคืน เธอว่าถ้าคุย เรื่องธุรกิจกันจริงๆ ต้องไปคุยที่บ้านตอนเที่ยงคืนไหม?”
จิ่งหน่งตกใจเล็กน้อย
ในใจก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างมีลับลมคมใน
ครั้นแล้วก็พูดขึ้น: “นายพูดกูก ช่วยฉันตามต่อไป นะ! พยายามค้นหาตัวตนของคนๆนั้นให้ได้”
“ได้ ฉันจะพยายาม แต่อีกฝ่ายดูแล้วไม่เหมือนคน ธรรมดา คงไม่ได้หาง่ายขนาดนั้น”
พยายามเต็มที่ก็พอแล้ว ขอบคุณมากเลย” ” หลังจากวางโทรศัพท์ จิ่งหนึ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
เธอนึกถึงคำพูดที่วิ่งเซี่ยวเต๋อเคยพูดก่อนหน้านี้ ตั้งแต่หลังจากที่แม่เสียชีวิต ตระกูลจิ่งก็เดินอยู่บนถนนที่ ลาดเอียงในเมืองจิ้นมาโดยตลอด ภายหลังหัวเซิ่งก็เข้ามา ขัดขวางไว้อีก เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะยื่นมือเข้าไปที่ เมืองหลวง
ดังนั้น คนที่ไปที่บ้านตอนเที่ยงคืนคนนั้น เกรงว่าจะ ไม่ได้คุยเรื่องธุรกิจจริงๆ
งั้นมาทําอะไรกันแน่นะ?
จิ้งหน่งขมวดคิ้ว
ตอนเย็น เธอไม่รีบกลับบ้าน ไปดูสมาชิกกี่คนนั้นที่ เตรียมตัวเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถ หลังปีใหม่ ห้องซ้อมก่อน
แม้จะเป็นช่วงปีใหม่ แต่เนื่องจากการแข่งขันกำลัง จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ แผนการซ้อมจึงตึงเครียด ด้วยเหตุผลนี้ ทุกคนจึงไม่ได้กลับบ้านไปฉลองปีใหม่
จิ่งหนิงให้นั่งเปาพวกเขาคนละซอง ถือเป็นการ ปลอบใจ และให้กำลังใจด้วย แล้วจึงกลับออกมา
ตอนที่กลับบ้าน ก็สามทุ่มแล้ว
อากาศเย็นยะเยือก หนาวสุดๆไปเลย
รถบนถนนและผู้คนกลับไม่น้อยลงเลยแม้แต่นิด เดียว เทียบกับปกติ กลับยิ่งอึกทึกมีชีวิตชีวามากกว่าอีก พอดีกับช่วงพีคสามทุ่ม จะกลับบ้าน บนถนนค่อนข้าง แออัด รถเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ จึ่งหนึ่งเบื่อจะแย่แล้ว มือข้างหนึ่งยืนอยู่บนหน้าต่างมองออกไปด้านนอก แต่จู่ๆกลับเห็นรถที่คุ้นตาคันหนึ่ง อยู่ในตำแหน่ง ซ้ายมือด้านหน้าไม่ไกลจากเธอ
เบนท์ลีย์สีแชมเปญคันนั้น ทะเบียนรถคุ้นตามาก ถ้าเธอจําไม่ผิด น่าจะเป็นรถของจิ่งเสี่ยวหย่า
ตั้งแต่เรื่องที่วันครบรอบก่อตั้งโรงเรียนคราวก่อน ผ่านไป จิ่งเสี่ยวหย่าก็เก็บตัวเงียบอย่างถึงที่สุด
ครึ่งเดือนกว่าๆ ก็ไม่มีข่าวใดๆเล็ดลอดออกมา
จิ่งหนิงรู้ว่า เธอคิดจะหลบหนีจากช่วงหน้าสิ่วหน้า ขวานนี้ไปก่อน แค่เสียดายที่ต่อให้หลบจากกระแสนี้ไปได้ ต่อไปเรื่องนี้ก็จะกลายเป็นจุดด่างพร้อยที่ใหญ่ที่สุดใน ชีวิตการทํางานของเธอ
ดึกขนาดนี้แล้ว เธอมาทำอะไรอยู่ที่นี่? ทางนี้ ก็ไม่ใช่เส้นทางกลับตระกูลจิ้ง แน่นอนว่า ก็ไม่ใช่ทางกลับตระกูล
ในใจจิ่งหนิงสงสัย อันที่จริงตามหลักแล้ว ตอนนี้จึง เสี่ยวหย่าจําเป็นที่สุดที่จะต้องอยู่บ้านอย่างเชื่อฟัง ไม่ต้อง ปรากฏตัว รอให้กระแสผ่านไปแล้วค่อยว่ากัน
ตอนนี้ดึกดื่น กลับออกมาที่ใจกลางเมือง ถ้าหาก โดนคนถ่ายรูปได้จะไม่เป็นการทำร้ายตนเองหรอกเหรอ?
ด้วยความอยากรู้ จิ่งหนิงจึงขับรถตามไป
เบนท์ลีย์สีแชมเปญขับไปตามถนนใหญ่ ตอนที่ถึง สี่แยก จู่ๆก็เลี้ยวซ้าย เข้าไปในซอย
แสงในซอยค่อนข้างมืด จิ่งหนิงกังวลว่าจะโดนจับ ได้ จึงตามอยู่ห่างๆ
หลังจากออกมาจากซอยแล้ว ก็ตามไปอีกประมาณสิบกว่านาที จึงเห็นเบนท์ลีย์สีแชมเปญคันนั้นจอดลงที่ หน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์ที่เรียงเป็นแถวหลังหนึ่ง เปิดประตูรถ เงามืดร่างหนึ่งก้มหัวแล้วรีบวิ่งออกไป
หมอกหนาตอนกลางคืนที่กั้นเอาไว้ จึงเห็นแค่ว่า คนๆนั้นสวมหมวกปีกกว้างสีดำ ปีกหมวกกดลงมาต่ำมาก ทั้งใบหน้าแทบจะโดนซ่อนเอาไว้อยู่ในเงา บนมือของเธอ ไม่รู้ว่ากอดของอะไรเอาไว้ ก้มหัวแล้วรีบเข้าไปใน คฤหาสน์
อย่างรวดเร็ว ก็มีคนจากในคฤหาสน์ออกมา ต้อนรับ อยู่ห่างกันเกินไป จึ่งหนิงจึงมองไม่ชัดเจนว่าคน นั้นหน้าตาอย่างไร เห็นเพียงแค่ท่าทาง ราวกับนอบน้อม จิ่งเสี่ยวหย่าเป็นพิเศษ
เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
คิดอยู่ชั่วขณะ ก็คิดไม่ออกถึงเครือข่ายเพื่อนฝูง ของจิ่งเสี่ยวหย่า ที่จะมีใครนอบน้อมกับเธออย่างนี้ คนนั้น ต้อนรับวิ่งเสี่ยวหย่าเข้าไป ประตูใหญ่จึงปิดลง เธอนั่งอยู่ ในรถ ไม่สามารถลงจากรถเข้าไปดูใกล้ๆได้อยู่แล้ว
รออยู่สักพัก ไม่ได้รอจนอีกฝ่ายออกมา คิดขึ้นมา ได้ว่าทําอย่างนี้ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จึงเตรียมตัวจะ กลับ
แต่ทว่าในตอนนี้ จู่ๆก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้
จิ่งหนิงงงงัน เริ่มแรกยังคิดว่าตนเองฟังผิด จึงเปิด กระจกรถฟังอย่างละเอียด พบว่าไม่ผิด มีเสียงร้องไห้ จริงๆ
ตรงนี้คือบนถนน ห่างจากคฤหาสน์ระยะหนึ่ง สอง ข้างของถนนที่กว้างขวางล้วนแต่เป็นป่าต้นไม้เตี้ยๆที่สอง ปีนี้ได้ทําการปลูกถ่ายใหม่
จิ่งหนิงลงจากรถ ตามเสียงร้องไห้ไป เดินไปไม่กี่ก้าว ก็เห็นเด็กคนหนึ่งที่น่าจะ 3-4 ขวบนั่งอยู่บนตอไม้ท อยู่ในป่า ร้องไห้อย่างเศร้าโศก
เธอตกใจ
รอบด้านมืดมิดไปหมด แสงจันทร์เพียงเล็กน้อยที่ สาดแสงผ่านช่องระหว่างใบไม้ลงมา
รอบด้านเงียบสนิท เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยจึงดัง กังวานอย่างชัดเจน ลอยอยู่ไกลๆรอบตัว ภายใต้สภาพ แวดล้อมอย่างนี้ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุกขนพอง
จิ่งหนิงกลืนน้ำลาย
สุดท้ายก็ยังคงกล้าหาญที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆ “สาวน้อย ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เธอตะโกนออกมา เด็กน้อยที่นั่งอยู่บนตอไม้หัน กลับมา ปรากฏใบหน้าเล็กๆที่ดึงดูดใจ
แม้จะอยู่ท่ามกลางความมืด แต่อาศัยแสงจันทร์ ยัง พอมองออกว่าบนร่างของเธอสวมชุดเดรสสีขาวอย่าง ชัดเจน ด้านนอกเป็นเสื้อคลุมขนปุยสีชมพู ผมหยิกเล็ก
ใบหน้าเล็กๆ ราวกับหยกแกะสลักครึ่งหนึ่งมุดอยู่ ในขนเฟอร์สีขาวที่เสื้อคลุม ราวกับเป็นนางฟ้าตัวน้อยที่ น่ารักบอบบางในยามค่ำคืน ทําให้คนที่เห็นอดไม่ได้ที่จะ หลงรัก
จิ่งหนิงอดไม่ได้ที่ดวงตาจะเป็นประกาย
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ