บทที่58เขาต้องการเปลี่ยนนักแสดง
ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย?
จะให้คนที่ไม่เคยมาประสบการณ์เลยมาแสดงใน โครงการที่ใช้ทุนสร้างกว่าสี่ร้อยล้านเนี่ยนะ?
ลู่หยั่นจือเขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงได้มีความคิดแบบนี้
จึงเสี่ยวหย่ารู้สึกว่านี่มันไม่มีทางเป็นไปได้ ถึงแม้ว่าเมื่อกี้ จึ่งหนิงจะแสดงออกมาได้ไม่เลว แต่เธอคิดว่า เพราะเธอส่ง ต่อได้ดีต่างหาก
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มาก
แต่เธอกลับพูดกับลู่หยั่นจือด้วยน้ำเสียงที่แอ็บแบ๊วว่า “ผู้ กำกับลู่คะ คุณเอาแต่ชอบพี่สาวจนลืมฉันไปแล้วนะคะ”
เหมือนลู่หยั่นจือเพิ่งสังเกตเห็นเธอ เขาจึงรีบพูดไปว่า “เสี่ยวหย่าเองก็แสดงได้ดีเหมือนกัน คือ นั่นหน้าคุณไปโดน อะไรมาครับ?”
พอรู้ว่าในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นหน้าของตัวเองสักที จิ่ง เสี่ยวหย่าก็พยายามฝืนยิ้มออกมา
“ไม่มีอะไรค่ะ มันแค่รอยที่ถูกพี่ตบเมื่อกี้ก็เท่านั้น มะ มันไม่ เป็นไรค่ะ” จึงหนิงมองเธอแล้วพูดไปข่าไปว่า “ขอโทษนะ เมื่อกี้ฉันอิน มากไปหน่อย เลยเผลอพลั้งมือไป แต่จริงๆ ที่ฉันทำแบบนั้น ไปก็เพื่อนิ้วอารมณ์ของเธอให้ดียิ่งขึ้น ใช่ไหมจ๊ะน้องรัก?”
เธอได้ย้ำทุกถ้อยคำที่จึงเสี่ยวหย่าเพิ่งพูดกับถังลั่วเหยาไป อย่างไม่ตกหล่นสักคำ
จึงเสี่ยวหย่ามีอาการหน้าเสียเล็กน้อย
พอเห็นแบบนี้ มันก็ทำให้ลู่หยั่นจือสังเกตเห็นถึงความไม่ ปกติของสองคนนี้ได้
บทสนทนานี้…..มันเต็มไปด้วยกลิ่นของดินปืนเลย! แต่ยังไงพวกเธอก็เป็นพี่น้องกัน ต่อให้มีเรื่องบาดหมางกัน
ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่คนนอกอย่างเขาจะเข้าไปยุ่งด้วยได้
เลย
เขาทำได้แค่ยิ้มๆ แล้วพูดอย่างเป็นกลางไปว่า “คุณจิ่ง หนิงเธอเพิ่งแสดงครั้งแรก ยังไม่มีประสบการณ์อะไร เสี่ยว หย่าเองก็อย่าคิดมากเลยนะครับ การแคสติ้งก็ได้จบลงแล้ว ทุกคนกลับก่อนได้เลยครับ ส่วนคุณจึงหนิง คุณพอจะว่างพา เธอมาเซ็นสัญญาได้เมื่อไหร่ครับ?”
จึงหนิงยิ้ม “ได้ทุกเมื่อค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น ขอเป็นบ่ายวันนี้นะครับ เดี๋ยวผมโทรหาอีก
ที่” “ได้ค่ะ”
พอนัดหมายกันเสร็จ จึงหนิงก็ได้พาถังลั่วเหยาจากไป
แต่อีกด้านหนึ่ง พอจึงเสี่ยวหย่าได้เห็นท่าทางที่พึงพอใจ ของลู่หยั่นจือแล้ว เธอก็อดที่จะสงสัยไม่ได้
จึงได้ถามไปอย่างไม่สบายใจว่า “ผู้กำกับลู่คะ เมื่อกี้ฉัน เห็นคุณถามเรื่องซีรี่ย์เรื่องนี้กับพี่สาวของฉัน คุณคงไม่ได้ วางแผนอะไรอยู่ใช่ไหมคะ?”
สู่หยั่นจือมองเธอทีหนึ่ง
ถ้าว่ากันตามตรง ถ้าวันนี้จึงหนิงไม่ปรากฏตัวละก็ จิ่งเสี่ยว หย่าก็ถือเป็นนักแสดงเพียงคนเดียวในกองที่เหมาะจะรับบท ของเซ่ฟางหัวเท่านั้น
แต่มาคิดดูแล้วการที่เธอรับบทเป็นเช่หลิ่วสื้อก็แสดงได้ดี
ใช้ได้เลย!
ถ้าเทียบกับบทของเช่ฟางหัวที่ค่อนข้างสุขุมเยือกเย็นแล้ว เขากลับรู้สึกว่าเธอดูจะเหมาะกับบทของเช่หลิ่วสื้อที่ภายนอก ดูอ่อนโยน แต่ภายในกลับมีแต่เจ้าเล่ห์เจ้ากลซะมากกว่า
แต่ตอนนี้หลายๆ อย่างยังไม่ถูกกำหนดเลย ลู่หยั่นจือจึง ยังไม่อยากพูดอะไรมาก เผื่อสุดท้ายแล้วจะไม่ได้อะไรสัก
อย่างเลย
เขาจึงได้แต่ยิ้มๆ “ไม่เลยครับ คุณอย่างคิดอะไรไม่เข้า เรื่องเลยครับ ถ้ามีเวลาพอกลับบ้านไปก็เอาบทมาศึกษาดู บ้างอย่าเอาแต่สนใจแค่บทของตัวเองเท่านั้น หัดศึกษา ความรู้สึกของตัวละครตัวอื่นบ้าง ในวันข้างหน้ามันอาจเป็น ประโยชน์ต่อคุณมากก็ได้นะครับ”
จึงเสี่ยวหย่าคิดว่าสิ่งที่เขาอยากสื่อคือ ให้เธอกลับไป ศึกษาบทของตัวละครตัวอื่น ก็เพื่อเวลาที่เธอเล่นบทของเช่ ฟางหัวนั้นเธอจะสามารถเข้าถึงบทได้มากขึ้น
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้คิดอะไรมาก และได้พยักหน้าไป
หลังจากที่เสร็จธุระทางนี้และทุกคนได้กลับไปหมดแล้ว ลู่ หยั่นคือก็ได้ยกโน้ตบุ๊คของตัวเองไปที่ลู่ชื่อกรุ๊ป ผู้ที่ลงทุนในซีรี่ย์เรื่องนี้มากที่สุดก็คืออานหนิงกั๋วจี้
ถ้าจะพูดอีกอย่างก็คือลู่จิ่งเซินนั่นเอง
ในตอนที่ลู่หยั่นจือมาหาลู่จิ้นเซินนั้น เขาก็กำลังกินมื้อ เที่ยงอยู่พอดี
เพราะงานที่ยุ่งเอามากๆ ทำให้ปกติตอนที่ไม่มีแขกมา ลู่ จึงเซินก็มักจะให้ซูมู่สั่งอาหารจากข้างนอกมานั่งกินในห้อง ทำงานอยู่แล้ว
ดังนั้น ตอนที่สู่หยั่นจือมาถึงก็พอดีกับตอนที่ลูจิ่งเซินกำลัง นั่งกินอาหารอยู่บนโซฟาพอดี
เขาจึงรีบเดินเข้าไปพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “อาสี่ กินข้าวอยู่ เหรอครับ?”
สู่จิงเซินเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วก้มหน้าลงไปกินต่อ
“มีธุระเหรอครับ?”
“ไม่รีบครับไม่รีบ รอคุณกินเสร็จก่อนค่อยคุยก็ได้ครับ”
พูดเสร็จ เขาที่อุ้ม โน้ตบุ๊คไว้ก็ได้นั่งลงตรงโซฟาเดี่ยวที่อยู่
ข้างๆ
ลู่จิงเซินเป็นคนที่ค่อนข้างกินยาก หลังจากที่มาถึงเมืองจิ้น แล้ว นอกจากอาหารที่ป้าหลิวทำ เขาก็จะเลือกกินแค่อาหาร ที่ดูน่ากินมากๆ เท่านั้น
ดังนั้น ในทุกๆ เที่ยง ซูมู่ก็มักจะสั่งให้คนไปเอาอาหาร
ก่อน
คนทางนั้นก็จะเอาอาหารใส่ที่เก็บอุณหภูมิไว้ ทำให้ตอนที่ อาหารมาถึงไม่ว่าจะเป็นสีสันหรือรสชาติก็จะกำลังดี
ลู่หยั่นจือมองดูอาหารที่ทั้งหอมทั้งน่ากิน เขาก็อดไม่ได้ที่ จะกลืนน้ำลาย
และท้องก็ร้องไปสองที่
สวรรค์คุ้มครอง เขาต้องตื่นมาทำงานแต่เช้า ก่อนหน้านี้ก็ เพิ่งเทสการแสดงไปตั้งหลายฉาก จนตอนนี้เที่ยงครึ่งแล้วยัง ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย! แต่เมื่อมาอยู่ตรงหน้าคุณชายท่านนี้ เขาเลยต้องจำใจ อดทนมันเอาไว้
สู่จิงเซินมองมาที่เขาอีกครั้ง เห็นเขากำลังจ้องตาละห้อย มาที่อาหารบนโต๊ะ บวกน้ำลายที่กำลังจะไหลทะลักออกจาก ปากของเขา
ลู่จิงเซินรู้สึกอยาก ข่า แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา ได้แต่กดไปที่เบอร์ภายใน
“คุณซูมู่ ให้คนเอาอาหารมาส่งให้อีกชุดนะครับ”
ลู่หยั่นจือถึงกับต้องอึ้ง พอตั้งสติได้เขาก็รีบ โบกมือไปมา
ทันที
“มะ ไม่เป็นไรครับ อาสี่ ผมกินมาเรียบร้อยแล้วครับ!”
“อืม คุณซูมู่ ช่วยยกเลิกอาหารชุดนั้นให้ที่ครับ!”
ลู่หยั่นจือ
เขาสาบานเลย ว่าเขาแค่ทำท่าเกรงใจไปงั้นแหละ
แต่ไม่นึกเลยว่าอาสี่จะจริงจังขนาดนี้! สู่หยั่นจือรู้สึกอยากจะร้องให้
หลังจากนั้นหนึ่งนาที ซูม่ก็เข้ามาพร้อมกับอาหารชุดใหม่ ในมือ แล้วเขาก็ได้เข้าใจทุกอย่างในทันที
เขาหันไปมองลู่จิงเป็น แววตาของอีกฝั่งกำลังแอบยิ้มอยู่ สู่จึงเป็นรับอาหารมาโดยที่ยังรู้สึกเกรงใจอยู่ “อาสี่ งั้นผม ไม่เกรงใจแล้วนะ”
ความจริงู่จิงเซินก็กินจน ใกล้อิ่มแล้ว ยังไงเขาก็มีศักดิ์ เป็นหลาน ถึงเขาจะแก่กว่าตัวเองเกือบยี่สิบปีก็เถอะ แต่ก็ไม่ ควรให้เขามานั่งรอตัวเองทั้งที่ยังหิวอยู่จริงไหม?
เขาวางตะเกียบลง เอากระดาษมาเช็ดปาก แล้วพูดว่า “กินเสร็จก็เก็บให้เรียบร้อยนะครับ เดี๋ยวผมไปพักก่อน”
พูดจบเขาก็เดินไปยังห้องนั่งเล่นทันที
พอลู่หยั่นจือเห็นอย่างนั้น เขาก็รีบยืนขึ้นมาทันที
“ระ รอแปบหนึ่งครับ”
ลู่จิงเซินหันกลับมา
ลู่หยั่นจือรีบกลืนข้าวที่อยู่ในปากลงไป ไม่มีกะจิตกะใจจะ กินข้าวแล้ว เขารีบหยิบโน้ตบุ๊คแล้วเดินตามไป
“อาสี่ ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณครับ”
ลู่จิงเซินขมวดคิ้ว “เรื่องอะไรครับ?”
“ผมอยากเปลี่ยนตัวนักแสดงครับ!”
จากนั้นสู่หยั่นจือก็เอาโน้ตบุ๊คตั้งไว้บนโต๊ะ เปิดคลิปที่อัด ได้ระหว่างการแสดงในวันนี้ แล้วหันหน้าจอไปให้ลู่จิ่งเซินดู “อันนี้ผมไม่ได้ไม่มั่วนะครับ แต่เธอคนนี้เล่นได้ดีมากเลย ครับ! ไม่ใช่แค่ความสามารถ แม้แต่หน้าตาก็ดีมากๆ เลย! สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอช่างเหมาะกับเช่ฟางหัวในจิตนาการ ของผมมากเลยครับ!
นักแสดงแบบนี้มีเพียบพร้อมทุกอย่างแล้ว รอเพียงแค่ โอกาสเท่านั้น ถ้าสามารถจับเธอมาเซ็นสัญญากับอานหนิงกั้ วจี้ได้ แล้วให้เธอรับบทนางเอกของเรื่องนี้ ผมรับประกันได้ เลยครับว่าเธอจะต้องดังเป็นพลุแตกแน่! และต่อไปเธอก็จะ กลายเป็นเครื่องจักรผลิตเงินที่ดีที่สุดของคุณอย่างแน่นอน ครับ!”
ลู่จิงเซินไม่พูดอะไรได้แต่จ้องไปที่หน้าจออย่างไม่ยอมละ
สายตา
บนหน้าจอ คือหญิงสาวในชุดเกราะที่ดูเยือกเย็น ท่าทางที่ ดูทะมัดทะแมง แววตาที่แน่วแน่ ราวกับเธอคนนั้นกำลังจะ หลุดออกมาทางจอ เห็นแล้วรู้สึกกินใจ ราวกับกำลังถูกฉาก นั้นกัดกินหัวใจ!
และฉากสุดท้ายของคลิปก็คือแผ่นหลังหญิงสาวที่ค่อยๆ เดินออกจากตำหนักไป
ท่ามกลางท้องฟ้าที่แปรปรวน แต่เธอคนนี้ก็ยังเด็ดเดี่ยว และเข้มแข็ง ราวกับต้นสนที่สุดแสนจะแข็งแกร่ง มุ่งสู่เส้น ทางราชาของตนเอง พร้อมกับอุดมการณ์และครอบครัวที่ เสียไป!
คลิปได้จบลงเท่านี้ ลู่หยั่นจือจ้องมาที่สู่จิ่งเซินด้วยความ คาดหวัง “เป็นยังไงบ้างครับ?”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ