วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 986 เธอฆ่าคน



บทที่ 986 เธอฆ่าคน

ถึงยังไงจิ่งหนึ่งก็ยังตั้งครรภ์อยู่ ต่อให้เธอจะคิดว่าสุขภาพตัว เองแข็งแรงดี ไม่ต้องใส่ใจมากก็ได้

แต่สำหรับลู่จิ่งเซ็น เขาจะไม่ใส่ใจไม่ได้

จิ่งหนึ่งเห็นดังนั้น ก็ไม่อยากจะทิ้งความหวังดีของเขา เธอคิด ไปคิดมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “งั้นก็ให้คนขึ้นมาส่ง แล้วก็ ทานที่ห้องก็แล้วกัน”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้ารับ หลังจากถามว่าเธออยากทานอะไร เขาก็ ยกโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งอาหาร แล้วก็ให้คนขึ้นมาส่ง

ทั้งสองทานอาหารค่ำด้วยกัน ผ่านไปไม่นาน ไม่ไฉ่เวยกับเชว ชู่ ก็กลับมา

โม่ไฉ่เวยค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของจิ้งหนึ่ง พอกลับมา ในโรงแรมเธอก็ตั้งใจเข้ามาหาจึงหนิงโดยเฉพาะ ขณะเดียวกัน วิ่งหนึ่งที่กำลังทานข้าวอยู่ พอเห็นเธอเข้ามาก็รีบยืนขึ้นทันที

“คุณแม่ กลับมาแล้วเหรอคะ”

โม่ไฉ่เวยรีบเข้าไปกดเธอให้นั่งลงบนเก้าอี้ทันที “ใช่ พวกเรา ออกไปเดินเล่นมานิดหน่อยแล้วก็กลับเข้ามา ลูกเป็นยังไงบ้าง? วันนี้เหนื่อยขนาดนี้ สุขภาพร่างกายเป็นยังไง?”

“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ สบายดี”
จึงหนิงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ

แต่ไม่ไฉ่เวยก็ยังไม่วางใจ เธอเองก็ไม่ใช่คนเย็นชา ถึงแม้จะ จำเรื่องในอดีตไม่ได้ แต่ความรู้สึกที่วิ่งหนึ่งคอยเอาใจใส่และ คอยเป็นห่วงเธอในช่วงที่ผ่านมานี้เธอทั้งมองเห็น ทั้งสัมผัสได้ เพราะงั้น เธอถึงมีใจที่เป็นห่วงและหวังดีต่อสิ่งหนึ่งจริง ๆ

โมไฉ่เวยมองไปทางเชา ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

“อะซูหนิงหนึ่งกำลังท้องอยู่ ต้องกำหนดวันเวลาตรวจร่างกาย นะ สองวันนี้ก็วิ่งไปทั่ว ไม่รู้ว่าลูกในท้องจะได้รับผลกระทบอะไร เปล่า คุณช่วยตรวจให้เธอหน่อยได้ไหม?”

จึงหนึ่งชะงักไป ก่อนจะถามด้วยคววามสงสัยว่า “ที่นี่อุปกรณ์ อะไรก็ไม่มี จะตรวจยังไงคะ?”

โม่ไฉ่เวยยิ้มพร้อมกับตอบว่า “ไม่ต้องใช้เครื่องมือหรอก คุณ

อาเซวของลูกไม่ใช่แค่เชี่ยวชาญแพทย์แผนตะวันตกนะ ท่านยัง

เรียนแพทย์แผนจีนเพิ่มอีก นอกจากนี้ยังเป็นผู้ให้คำปรึกษาเรื่อง

ชีพจรที่เก่งมากด้วย จึงหนิงได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้ารับพร้อมกับร้อง “อ๋อ” ขึ้นมา

ทันที

เชวเดินเข้ามานั่งตรงข้ามกับเธอ “ยื่นมือออกมาสิ”

จิ่งหนึ่งค่อย ๆ ยื่นมือออกไป

เซวซูใช้สองนิ้วทาบไว้ตรงจุดชีพจรของเธอ ผ่านไปสักพัก ก็ให้เธอยื่นมืออีกข้างมา
พอตรวจอย่างละเอียดอยู่สักพัก เขาก็ยึดตัวขึ้น “ไม่เป็นอะไร เธอสบายดี”

จิ่งหนึ่งดึงมือกลับ พร้อมกับปล่อยแขนเสื้อลง จากนั้นก็ยิ้มแล้ว พูดว่า “คุณแม่ดูสิคะ หนูบอกแล้วว่าไม่เป็นอะไร”

โม่ไฉ่เวยยิ้มอย่างจนปัญญา “ลูกนี่ ไม่เคยจะใส่ใจว่าร่างกาย ตัวเองจะเป็นยังไงเลยนะ”

ถึงแม้จิ่งหนิงจะไม่ค่อยใส่ใจ แต่ลู่วิ่งเซินกลับใส่ใจมาก ดังนั้น เขาจึงหันไปพูดกับ เชวด้วยความเคารพ “ขอบคุณ มากครับ”

เชวซูตอบรับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ไม่ต้องเกรงใจ

ทั้งหมดพูดคุยกันอยู่สักพัก ไม่ไฉ่เวยก็กลัวว่าจะรบกวนเวลา ทานอาหารของพวกเขา เธอเลยขอตัวกลับห้องตัวเองก่อน

หลังจากทานเสร็จ จึงหนิงก็ให้ลู่วิ่งเซินพาเธอออกไปเดินที่ ระเบียงเพื่อย่อยอาหารสักหน่อย

บังเอิญอานอานโทรศัพท์เข้ามาหาเธอพอดี

ตอนนี้อานอานมีโทรศัพท์เป็นของตัวเองแล้ว เธอเลยส่ง ข้อความแล้วก็โทรหาสิ่งหนึ่งอยู่บ่อย ๆ ถึงแม้จะแค่ไม่กี่ประโยค บางทีก็แค่บอกว่าคิดถึงหม่า หรือไม่ก็ถามว่าหมาทำอะไรอยู่

แต่จริง ๆ แล้ว สิ่งที่ถูกส่งมา ทั้งหมดล้วนเต็มไปด้วยความเป็น ห่วงและความรู้สึกต้องการที่พึ่งพิงจากเด็ก ๆ
จิ่งหนึ่งถือโทรศัพท์ไว้ พลางเดินไปเดินมาไปด้วยขณะคุย

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทั้ง ๆ ที่จิ้งเจ๋อน้อยต่างหากที่เป็น ลูกชายแท้ ๆ ของเธอ แต่พออยู่ในบ้าน จึงเจอน้อยกลับสนิทสนม กับลู่วิ่งเงินมากกว่า กลายเป็นอานอ่านที่ติดเธอแจ ราวกับว่าเธอ คือแม่แท้ ๆ ก็ไม่ปาน

ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ พออ่านอ่านเริ่มโตขึ้น โครงร่างความเป็น หญิงสาวเริ่มปรากฏออกมา จึงหนึ่งก็พบว่าเด็กสาวยิ่งโตยิ่ง เหมือนกับตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ

ในจุดนี้ ไม่ใช่แค่ทำให้เธอประหลาดใจคนเดียว แม้กระทั่ง ทางป้าหลิว ยังพากันหัวเราะแล้วบอกว่าอานอานนั้นเหมือนกับ เธออย่างกับแกะออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน

ท่านย่าเชินเองก็รู้เรื่องนี้ แต่ท่านย่านั้นผ่านประสบการณ์มา เยอะแล้ว ท่านเลยไม่ได้ติดใจอะไร

ตรงกันข้ามท่านกลับหัวเราะน้อย ๆ พร้อมกับบอกว่า เด็กคนนี้ กับวิ่งหนึ่งมีวาสนาต่อกัน ทั้งสองมีชะตาเป็นแม่ลูก ก็ต้องคล้าย กันเป็นธรรมดา

สรุปก็คือ ผู้คนรอบตัวเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ ดังนั้นจึง หนิงเองก็เลยไม่ได้คิดมาก

มีแค่ลู่วิ่งเซินเท่านั้น ที่พอเห็นอานอานตัวติดกับจิ้งหนึ่งแล้ว นัยน์ตามักจะฉายแววเศร้าสร้อยออกมา

หลังจากที่วิ่งหนึ่งคุยโทรศัพท์กับอานอานเสร็จ เธอก็เตรียมตัวไปอาบน้ำเพื่อเข้านอน

แต่ทันใดนั้นเอง อยู่ ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์อีกสายดังขึ้น

ซึ่งก็คือลู่หลินจือที่โทรเข้ามา พอกดรับสาย ก็ได้ยินเสียงลู่หมั้นคือร้องไห้มาแต่ไกล “จิ้งเซิน รีบมาช่วยฉันเร็ว เกิด เกิดเรื่องแล้ว!”

สีหน้าของลู่วิ่งเซินเปลี่ยนไปทันที “เกิดอะไรขึ้น?

“ฉัน…ฉันเหมือนจะฆ่าคนไปแล้ว!

ยี่สิบนาทีหลังจากนั้น จึงหนิงกับลู่วิ่งเป็นก็รีบมาหาลู่หลินจือที่ บาร์แห่งหนึ่งทันที

บาร์ใต้ดินเหล่านี้ ก็เป็นเหมือนบาร์ปกติทั่วไป สิ่งที่คิดว่าไม่

กล้าจะเที่ยเล่น ที่นี่ก็มีให้เห็นทั้งหมด

เช่นมวยใต้ดิน การแสดงเปิดเปลือย รวมถึงพวกทำธุรกิจการ ค้าที่สกปรกนองเลือด

ลู่วิ่งเซินเองก็คาดไม่ถึง เขาไม่คิดว่าลู่หลั่นคือจะมาเที่ยวเล่น ในที่แบบนี้ สีหน้าของเขานิ่งขรึมมาตลอดทาง

จิ่งหนึ่งทั้งประหลาดใจและสับสน เธอรู้จักนิสัยใจคอของ หลันจือดี เพราะลู่วิ่งเซินเองก็เป็นกังวลกับเรื่องนี้มาตลอด ดังนั้น ถ้าไม่ใช่ว่าหล่อนก่อเรื่องใหญ่จนตัวเองไม่สามารถจัดการได้จริง ๆ ปกติแล้วหล่อนก็จะไม่โทรมา
ที่โรงแรม โม่ไฉ่เวยกับเซวซู ก็ได้ยินเรื่องที่พวกเขารีบร้อน ออกจากห้อง เลยโทรมาถามด้วยความเป็นห่วง

วิ่งหนึ่งก็ไม่กล้าเล่ารายละเอียดให้พวกเขาฟัง กลัวว่าพวกเขา จะเป็นห่วง เลยบอกแค่ว่าเกิดเรื่องกับหลักคือ พวกเธอเลยต้อง ตามมาดูสักหน่อย พร้อมกับบอกพวกเขาว่าไม่ต้องเป็นห่วง ก่อน จะวางสายไป

โม่ไฉ่เวยเห็นดังนั้น ก็รู้ว่าตัวเองคงช่วยอะไรไม่ได้ เลยไม่ อยากสร้างความวุ่นวายเพิ่ม ทั้งสองทำได้แค่กำชับว่าให้ระวังตัว ไว้ด้วย แล้วค่อยวางสาย

ในตอนที่ทั้งคู่มาถึงบาร์ ก็พบว่าหลันคือกำลังนั่งอยู่บนโซฟา ขนาดใหญ่

เบื้องหน้าของเธอ มีร่างของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยรอยสักนอน สลบอยู่

ชายคนนั้น มีรูปร่างไม่สูงมาก น่าจะประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบ ถึงหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร หุ่นของเขาค่อนข้างผอมบาง มีผิวสี เข้ม นอนพาดอยู่กับพื้น มีเลือดไหลออกมาจากหัว โดยที่ไม่รู้ว่า เป็นหรือตาย

พอเห็นลู่วิ่งเซินกับจิ่งหนิง ลู่หลั่นลือก็รีบยึดตัวขึ้น พร้อมกับวิ่ง เข้ามาหาพวกเขาทันที

“จิ่งเซิน หนิงหนิง ในที่สุดพวกเธอก็มาสักที”

จิ่งหนิงรีบประคองหล่อนไว้ เธอมองไปยังกลุ่มชายหญิงที่กำลังโยกย้ายไปมาอยู่รอบ ๆ ราวกับฝูงปีศาจ ก่อนจะเอ่ยถาม ว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน?

เธอยังไม่ทันพูด เบื้องหน้า ก็มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งเดินเข้ามา “เห้ย พวกแกคือญาติ ๆ ของหล่อนใช่ไหม?

จิ้งหนึ่งพยักหน้ารับ

เธอกุมมือลู่หลินจือไว้ ก่อนจะถามอีกฝ่ายว่า “เกิดอะไรขึ้น?

ชายคนนั้นไปยังคนที่นอนจมกองเลือดอยู่ จากนั้นก็มาทาง ลู่หลันจือ “ผู้หญิงคนนั้น ฆ่าพวกพ้องคนสนิทของเราจนตาย ตอน นี้เราเลยต้องการเรียกร้องค่าเสียหายจากหล่อน ในเมื่อพวกเธอ เป็นญาติ งั้นก็เอาเงินออกมา ไม่อย่างนั้นก็เอาเรื่องขึ้นศาลไป เลย แต่ก็คงไม่จบง่าย ๆ เหมือนให้เงินหรอก”

“ใช่ ๆ รีบเอาเงินออกมา!

“ฆ่าคนตายแต่ให้พวกแกแค่จ่ายเงิน นี่ก็ถือว่าใจดีแค่ไหน แล้ว! รีบเอาเงินออกมาส

อีกฝ่ายมีกำลังคนมากกว่า แถมแต่ละคนยังมีรูปร่างกำยำกัน ทั้งนั้น ประกอบกับแสงไฟสลัว ๆ ในบาร์ และบรรยากาศที่มีควัน จาง ๆ ทำให้หลายคนอดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้

ทว่าสีหน้าของสิ่งหนึ่งกลับไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด

ส่วนสีหน้าของลู่จิ่งเซินเองก็ยังคงไร้อารมณ์


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ