บทที่ 975 ไม่เคยปล่อยวาง
ความเสียใจแบบนั้นราวกับมีคนเอาสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดต่อ ในใจของเธอไปแล้วอย่างนั้น เจ็บปวดและไม่สบายอย่างบอกไม่
ถูก
เซวสังเกตเห็นสีหน้าของเธอแปลกๆ เป็นห่วงว่า: “ไฉ่เวย คุณเป็นอะไรไหม
โม่ไฉ่เวยส่ายหัว เสียอย่างอ่อนโยน “อะ ฉันเหนื่อยแล้ว เหมือนกัน คุณก็ช่วยพยุงฉันกลับไปพักผ่อนเถอะ”
เชวพยักหน้า
พอเจ้านายหยูเห็นเหตุการณ์แล้วก็รีบหยิบหยกแขวนตัวนั้นขึ้น มาเอาให้เธอและยิ้มว่า “อย่างนั้นพวกคุณก็กลับไปคฤหาสน์พัก ผ่อนเถอะ ส่วนเรื่องอื่นค่อยคุยกันทีหลัง
เชวพยักหน้า จากนั้นจึงพยุง โม่ไฉ่เวยจากไป
วันนี้ลู่จึงเป็นทำโอทีที่บริษัท ประชุมแล้วทั้งวัน เมื่อกลับมาถึง บ้านก็สามทุ่มแล้ว
พรุ่งนี้ลูกๆ ต้องไปโรงเรียน เวลานี้หลับแล้วแน่นอน
เขาเข้าไปบ้าน หลังจากเปลี่ยนรองเท้าเสร็จ กลับไม่เห็นจิ้งหนิ งอยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างคิดไม่ถึง มีแค่ป้าหลิวที่เก็บกวาดอะไรสักอย่างอยู่ตรงนั้นคนเดียว
อดรู้สึกคาดคิดไม่ถึงนิดหน่อย
เมื่อก่อนถ้าเขาทำโอทีทีไร จึงหนึ่งถึงอย่างไรก็จะอยู่ในห้องนั่ง เล่นรอจนถึงเขากลับมา แล้วค่อยกลับห้องนอนพักผ่อนด้วยกัน
วันนี้คือไปไหนแล้วเหรอ
เขาเดินเข้าไปด้วยความสงสัย ดึงเนกไทตรงคอไปด้วย ถาม ป้าหลิวไปด้วย “คุณนายอยู่ไหนเหรอ”
ป้าหลิวยืนตัวตรงและตอบว่า “อยู่บนห้องนะ
พูดจบก็นิ่งงันสักพัก พูดอย่างลังเลว่า “วันนี้คุณผู้หญิงเหมือน อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตั้งแต่กลับมาตอนบ่ายก็ขังตัวเองอยู่ใน ห้องตลอด ไม่เคยออกมาแม้แต่หน้าประตูเลย ข้าวเย็นก็ไม่ได้ ทาน คุณผู้ชาย คุณรีบขึ้นไปดูหน่อยเถอะ
ลู่วิ่งเป็นขมวดคิ้ว “ข้าวเย็นก็ไม่ได้ทานเหรอ”
“ใช่สิ พวกเราไม่กล้าไปรบกวน แม้แต่คุณหนูอานอานกับ คุณชายเล็กเธอยังไม่เจอเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว
ลู่วิ่งเซินพยักหน้า “ผมรู้แล้ว
เขาก้าวเท้าเดินไปชั้นบน เดินไปหน้าประตูห้องนอน ก็เห็น ประตูปิดไว้จริงๆ
เขาผลักประตูดู เห็นว่าประตูถูกไว้ล็อกจากข้างใน จำใจได้แต่ เคาะประตู
“หนิงหนึ่ง เปิดประตู คือผมเอง แต่ข้างในกลับไม่มีเสียงแม้แต่นิดเดียวเลย
ลู่วิ่งเป็นขมวดคิ้วเข้มกว่าเดิม เคาะอีกสองครั้ง ยังคงไม่มีวี่แวว สีหน้าเข้มลงอย่างไม่สามารถทำอะไรได้ หันหลังเรียกป้าหลิวเอา กุญแจของประตูห้องนอนมาตรงทางเดิน
ไม่นานป้าหลิวก็หากุญแจเจอแล้ว เดินมาเอาให้เขา ลู่จิ่งเซินโบกมือ ให้เธอไปได้แล้ว จากนั้นใช้กุญแจเปิดประตู กมา
ภายในห้องนอนมืดไปหมด
ในห้องเงียบอย่างกับแม้แต่เข็มเล่มเดียวตกลงไปบนพื้นก็ยัง ได้ยินเสียง ไม่เปิดไฟและไม่เห็นคนด้วย
ลู่วิ่งเซินขมวดคิ้ว ยกมือเปิดโคมไฟระย้าดวงหนึ่ง แสงไฟ เหลืองนวลดัง “เปาะ” เสียงหนึ่งและสว่างขึ้นมา ทีนี้เขาจึงเห็นคน ที่นั่งอยู่บนโซฟาได้ชัดเจนขึ้นมา
“นี่คุณกำลังทำอะไรอยู่
ลู่จิ่งเซินหันหลังปิดประตู เดินขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
จิ่งหนิงนั่งยองอยู่ตรงบนโซฟา สองมือกอดเข่าไว้ เอาหัวซุก
อยู่ในอ้อมแขน
เมื่อได้ยินเสียงของเขา เธอเงยหัวขึ้นมาตรงๆ ลู่วิ่งเซ็นถึง สังเกตเห็นหน้าของเธอซีดขาวอย่างมาก บนหน้ายังมีรอยน้ำตาที่ยังไม่แห้งหลงเหลืออยู่ ตากแดงด้วย ดูก็รู้ว่าร้องไห้แล้วนาน มาก
หัวใจของเขาบีบแรงขึ้นมา รีบนั่งลงทันที กอดเธอเข้ามาใน อ้อมแขน
“เกิดอะไรขึ้นแล้ว ทำไมร้องไห้เป็นสภาพนี้ ไฟก็ไม่เปิด เมื่อกี้
ผมยังนึกว่าคุณเกิดเรื่องอะไรแล้ว
จิ่งหนึ่งรู้สึกได้แค่ตัวไม่มีแรงสักนิดเลย เธอร้องไห้มาหลาย ชั่วโมงแล้ว และร้องไห้จนเหนื่อยแล้ว ขณะนี้จึงอยู่ในอ้อมแขน อันกว้างใหญ่แข็งแรงของเขา ดมกลิ่นที่ทำให้คนรู้สึกสบายใจ อันคุ้นเคยนั้น ทีนี้จิตใจอันเหน็บหนาวและกระสับกระส่ายตั้งแต่ ตอนบ่ายวันนี้ถึงรู้สึกค่อยๆ สงบลงมา
เธอเอาหัวมุดไปมาหาท่าที่รู้สึกสบายพึ่งอยู่ในอ้อมกอดของ เขา พูดเบาๆ ว่า: “ฉันไม่เป็นไร ฉันก็แค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย
ลู่วิ่งเป็นขมวดคิ้ว ยกมือจับหน้าผากของเธอ เห็นว่าไม่ร้อน ไม่ เหมือนเป็นหวัด
“คุณเป็นอะไร” เขาถามเสียงเบา
จิ่งหนึ่งไม่ได้ตอบ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดว่า “วันนี้ฉันเจอคน หนึ่ง”
“คนอะไรเหรอ” ลู่วิ่งเซินมีความอดทนมาก “คนที่ควรตายแล้วตอนแรก แต่กลับอยู่ๆ ก็โผล่ออกมาหน้าฉัน”
ลู่จิ้งเซินตะลึง
จิ่งหนิงเงยหน้าขึ้นมองเขา สายตามัวหมองเล็กน้อย “จิ้งเซิน คุณว่าฉันเลวมากเลยใช่ไหม ความเป็นจริงเธอไม่ได้ติดอะไรฉัน เลย แต่ฉันกลับอยากจะได้อะไรสักอย่างจากตัวเธออย่างดื้อรั้น ไปโทษเธอว่าไม่บอกข่าวที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่ให้ฉันได้รู้ คุณว่า ฉันแบบนี้เห็นแก่ตัวมากเลยใช่ไหม
จึงเป็นมองเธอด้วยควตาอันลึกซึ้ง “คุณเจอใครเหรอ” ริมฝีปากของจิ่งหนิงดิ้นเล็กน้อย ผ่านไปแล้วหลายวินาทีจึงพูด ว่า “โม่ไฉ่เวย”
ลู่จิ้งเซินสะดุ้งอย่างแรง
จิ่งหนึ่งยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง “ฉันนึกมาตลอดว่าเธอตายแล้ว เมื่อฉันอายุสิบเจ็ด เธอเสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์ เพราะ เรื่องนี้ ในใจฉันเต็มไปด้วยความแค้นและความเกลียดมาตลอด ฉันแทบอยากจะฆ่าทุกคนที่ทำให้เธอตาย แต่ตอนนี้ฉันเพิ่งมารู้ ว่าเธอยังไม่ตาย”
“หลายปีที่ผ่านมานี้เธอใช้ชีวิตอยู่อย่างดี อาศัยอยู่ในทะเล ทรายกับผู้ชายอีกคน จริงๆ แล้วเธอบอกฉันได้ แต่เธอเลือกที่จะ ไม่จํา ไม่บอก เธอฝังทุกสิ่งทุกอย่างของเมื่อก่อนลงไปอย่างกับ ฝุ่นฟุ้ง ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย แล้วฉันล่ะ”
“ฉันกลับคิดถึงวันเวลาที่อยู่กับเธอมาตลอด วันเช็งเม้งของทุก ปีฉันมักจะกลับไปเมืองจิ้นจุดธูป ไว้ดอกไม้ให้กับสุสานของเธอ อธิษฐานด้วยความจริงใจ ขอให้เธอสามารถไปเกิดในครอบครัวดีๆ ไม่ต้องทนทุกข์และถูกหลอกอีกแล้ว สามารถราบรื่น ปลอดภัย ยินดีมีสุขไปทั้งชีวิต ซึ่งเป็น ฉันโง่มากเลยใช่ไหม คน อื่นเขาไม่อยากคิดถึงฉันเลย แต่ฉันกลับไม่เคยปล่อยวางได้เลย”
ลู่วิ่งเซินฟังเธอบรรยายอย่าง เงียบอยู่ตลอด
จนกระทั่งเธอพูดจบ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงปลอบโยนว่า “ผม เข้าใจแล้ว เธอไม่ได้เสียชีวิต คุณไปเจอเธอโดยบังเอิญ คุณรู้สึก ว่าเธอโกหกคุณ และยิ่งกว่านั้นคือทรยศคุณใช่ไหม”
จิ่งหนึ่งส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันก็แค่รู้สึกเสียใจมาก แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงเสียใจ
ลู่วิ่งเซินถอนหายใจเบาๆ คำหนึ่ง
เขาก้มหน้าจูบรอยน้ำตาบนหน้าของเธอเบาๆ พูดเสียงต่ำว่า “ยัยบ๊อง เพราะในใจของคุณ เธอเป็นคนที่สำคัญที่สุดมาตลอด เมื่อก่อนคุณก็เคยนึกว่าในใจเธอนั้น คุณก็เป็นคนที่สำคัญที่สุด ของเธอเหมือนกัน แต่ครั้งนี้เธอรอดออกมาจากความตาย กลับ เลือกที่จะปกปิดตัวตนไว้ไม่ติดต่อกับคุณ เลือกที่จะเด็ดบัวไม่ไว้ ใยกับอดีต
“การตัดสินใจนี้ทำให้คุณเข้าใจแล้ว ความเป็นจริงเธอไม่ จําเป็นต้องมีคุณอยู่ในชีวิตของเธอ เพราะฉะนั้นคุณจึงมีความ รู้สึกเสียใจและถูกคนหักหลังแบบนี้
จิ่งหนิงเงยหัวขึ้นมามองเขาอย่างงงงัน “เป็นอย่างนี้เนี่ยเหรอ” ลู่วิ่งเซินพยักหน้า “น่าจะเป็นแบบนี้
จิ่งหนิงคิดดู “ออ” คำหนึ่ง “แบบนี้นี่เอง แต่ฉันทำแบบนี้มันผิด หรือเปล่า พอฉันทำแบบนี้แล้วรู้สึกว่าฉันเห็นแก่ตัวและไร้เหตุผล มากเลยนะเนี่ย”
ลู่วิ่งเซินยิ้มพูดว่า “เรื่องความรู้สึกนี้ไม่มีเหตุผลอยู่แล้ว เอา ตามหัวใจล้วนๆ”
เขาหยุดสักพัก จากนั้นถอนหายใจคำหนึ่ง
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ