วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 967 ของที่ระลึกคุณยาย



บทที่ 967 ของที่ระลึกคุณยาย

อานอ่านพยักหน้า หยิบมีดคัตเตอร์ แกะกล่องตรงหน้าหลาย กล่องรวดเดียวดังฉิบจับ

เด็กผู้หญิงให้ความสนใจกับสิ่งของอย่างกล่องของขวัญเป็น

พิเศษอย่างที่คิดไว้

ในวันปกติ เด็กผู้หญิงที่อ่อนโยนอ่อนแอแค่ไหน ตอนที่แกะ ของขวัญก็สามารถกลายเป็นกรรไกรซึ่งหาที่เปรียบไม่ได้ ทั้งเร็ว และแม่นย่า ทรวดเดียวจนสําเร็จ

อานอานแกะของขวัญเสร็จแล้ว ก็พอใจในที่สุด

วิ่งหนึ่งอยู่เป็นเพื่อนเธออีก สอนวิธีเก็บเรียงของขวัญของตัว เองเสร็จแล้ว จากนั้นก็พาเธอออกจากห้องเก็บของไป

“แม่ หนูแกะของขวัญเสร็จแล้ว แม่ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนหนูแล้ว ก็ได้ แม่ไปทํางานเถอะค่ะ

จิ่งหนึ่งพยักหน้า มองดูเวลา เพิ่งสิบโมงครึ่ง ไม่ถือว่าสายเกิน ไป

เธอกำชับอานอานไม่กี่ประโยค กำลังเตรียมออกไป จู่ๆ ก็ได้ ยินเสียงดัง “กริ๊ง” สิ่งของสีขาวหล่นพื้น

อานอานอุทานออกมา “อ่า จี้หยกของหนู!”

จิ่งหนิงหันศีรษะกลับไป เห็นเธอเก็บจี้หยกวงหนึ่งขึ้นมาจากพื้น ก็รีบเข้าไปดูใกล้ๆ

แค่เห็นหยกชิ้นนั้นที่ลู่หลินจือมอบให้เธอ

เมื่อคืน จิ่งหนึ่งไม่ได้มองจี้หยกชิ้นนี้อย่างละเอียด แค่มองผ่าน แสงไฟสลัวเท่านั้น รู้สึกว่าคุ้นตา เหมือนของที่ระลึกของโม่ไฉ่เวย แม่ตัวเองก่อนเสียชีวิต

แต่ในตอนนั้น เธอมีแค่ความคิดหนึ่งเคลื่อนผ่านไปเท่านั้น ไม่ ได้จริงจัง

อย่างไรแล้ว โมไฉ่เวยก็เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ไม่ได้ทิ้งอะไร ไว้ จะมีจี้หยกที่เป็นของเธออยู่ในมือลู่หลั่นลือได้อย่างไร? ด้วยเหตุนี้ ตอนนั้นเธอแค่คิด ก็รับมันมา

แต่ตอนนี้ เมื่อเห็นจี้หยกชิ้นนี้อีกครั้ง เห็นลายดอกบัวชัดเจน ใสสะอาดด้านบน ใจก็สั่นอย่างช่วยไม่ได้

ความรู้สึกคุ้นเคยนั้นยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เธออดไม่ได้ที่จะยื่น มือไปหยิบจี้หยกในมืออานอานมา

“แม่คะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

อานอานตกตะลึง ไม่ค่อยเข้าใจ

แต่จิ่งหนึ่งไม่ตอบ เธอลูบลายบนจี้หยกอย่างระมัดระวัง แล้วซ้ำเล่า มองดูอย่างละเอียดนานมาก สุดท้ายก็ยืมแสงที่ส่อง เข้ามาในประตู ตรงกลางดอกบัว เห็นตัวอักษรจีนขนาดเล็กหนึ่ง ตัวชัดๆ
แค่เห็นว่านั่นคือตัวอักษรคำว่าไม่ เธออดไม่ได้ที่จะตกใจอย่างรุนแรง! น-นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?

คนนอกอาจจะไม่รู้ แต่สิ่งหนึ่งรู้ดีเป็นอย่างยิ่ง ในปีนั้นตระกูล โม่เป็นตระกูลแรกในเมืองขึ้น ท่านไม่คุณตาของเธอ ในเมืองขึ้น นั้นสามารถกล่าวได้ว่าเป็นผู้มีอำนาจอิทธิพล โม่ไฉ่เวยในฐานะ ลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านปูโม่ แน่นอนว่าอยู่ดีกินดีมาตั้งแต่ เล็ก

เพราะอยากให้ลูกสาวตัวเองดูแตกต่าง ท่านปูโม่จึงปลูกฝัง ฝีมือและความสนใจงานอดิเรกหลายประเภทให้เธอตั้งแต่เล็ก วัตถุทั้งหมดที่โม่ไฉ่เวย ใช้ส่วนตัว จะทำสัญลักษณ์พิเศษเอาไว้ เพื่อแสดงว่านี่เป็นของของเธอเพียงผู้เดียว

และสิ่งที่เรียกว่าสัญลักษณ์ จริงๆ แล้วมันก็เรียบง่ายมาก ก็คือ

การสลักคำว่าโม่ขนาดเล็กไว้

สิ่งของขนาดเล็กอย่างชามตะเกียบ ปากกาคัดลายมือ จนของ ขนาดใหญ่เท่าอัญมณี เสื้อผ้า พาหนะรถยนต์ทั้งหมดก็ถูกสลัก ด้วยคำนี้

จิ่งหนิงเคยคิดว่า ตัวเองอาจจะไม่เห็นตัวอักษรนี้อีกแล้วตลอด ชีวิตนี้ แต่ในปัจจุบัน กลับเห็นมันบนจี้หยกอันเล็กๆ

สีหน้าเธอค่อนข้างซีดเซียวอย่างคลุมเครือ ทั้งร่างจมอยู่กับ ความทรงจําในอดีต
อานอานตกใจมาก เห็นเธอยืนตรงนั้นเหมือนคนโง่ ไม่ขยับไป ไหน ร้อนรนใจจนแทบร้องไห้

ดึงแขนเสื้อเธอไปด้วย ตะโกนไปด้วย “แม่ แม่เป็นอะไร? แม่ อย่าทําให้อานอานตกใจกลัวสิ”

นํ้าตาร้อนผ่าวหยดลงบนหลังมือเธอ

จิ่งหนิงตกใจกับความร้อน สุดท้ายก็ได้สติกลับมามองอาน อานอย่างเหม่อลอย

ความเย็นยะเยือกบนใบหน้าผ่านไป เธอถึงได้รู้ตัวอีกทีก็ตอบ สนอง ไม่รู้ว่าเมื่อไร ตัวเองร้องไห้ออกมาจริงๆ

คงเพราะเห็นเธอร้องไห้ ลูกก็ตกใจกลัว อานอานจึงร้องไห้ออก

จิ่งหนิงรีบเช็ดน้ำตา ย่อตัวลงพูดปลอบ “แม่ไม่เป็นอะไร อาน

อานไม่ต้องกังวลนะ เมื่อกี้แม่แค่นึกถึงบางเรื่อง

อานอานปาก น้ำตาร่วงเหมือนลูกปัดที่แตกกระจาย

“แม่ แม่อย่าเสียใจเลยนะ แม่เสียใจอานอานก็จะเสียใจตาม แม่ แม่ไม่ร้องไห้แล้วนะ”

ขณะที่พูด มือเล็กนุ่มนิ่มก็ช่วยเธอเช็ดน้ำตา

จึงหนิงแสบจมูก ยิ่งอยากร้องไห้

เธอฝืนยิ้ม “ได้จ้ะ แม่ไม่ร้องไห้ และไม่เสียใจ อานอานของเรา ก็ไม่ร้องไห้แล้วนะ อานอานเป็นเด็กผู้หญิงที่สวยที่สุดบนโลกใบนี้ เด็กผู้หญิงสวยเขาไม่ชอบร้องไห้

อานอานพยักหน้า

จิ่งหนิงมองจี้หยก ในมือ แล้วถอนหายใจ

อานอานถามขึ้น “แม่ แม่ร้องไห้เพราะจี้หยกนี้เหรอคะ?”

จิ่งหนิงพยักหน้า “ใช่ มันทำให้แม่นึกถึงแม่ของแม่ ก็คือคุณ ยายของลูก ลูกเห็นไหม บนนี้มันมีตัวอักษรคำว่าโม่ขนาดเล็ก อยู่”

ขณะที่เธอพูด ก็นำทางอานอานไปยืนใต้แสงแดด แล้วพลิก หยกให้เธอดู

อานอานตะโกนด้วยความประหลาดใจ “มีจริงๆ ด้วย!”

จิ่งหนิงยิ้มพูดขึ้น “นี่คือสัญลักษณ์พิเศษที่คุณยายลูกมีไว้บน ของทุกอย่างที่ใช้ แม่คิดมาตลอดว่าบนโลกใบนี้น่าจะไม่มีของ ของเธอแล้ว แต่ตอนนี้พบว่าที่แท้ก็ยังมีอยู่

อานอานกะพริบตา ไม่ค่อยเข้าใจนัก “แต่คุณยายแซ่จี้ ทำไม ถึงสลักคำว่าไมล่ะคะ?”

จิ่งหนิงหายใจไม่ออก

เธอถึงนึกขึ้นได้ว่า อานอานไม่รู้เรื่องที่เมื่อก่อนเธอถูกแอบสับ เปลี่ยน เร่ร่อนมาโตที่เมืองจีน

ตั้งแต่อานอานสามารถเข้าใจความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเหล่านี้ ได้ เธอและจี้หยุนซูก็ยอมรับกัน และกลับไปรู้จักกับหวั่นแม่ตัวเอง ถ้าอย่างนั้นในสายตาอานอาน คุณแม่ของเธอหรือคุณยาย ของตัวเองก็คือหวั่นแน่นอน

จิ่งหนึ่งยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง พูดอธิบาย “นั่นคุณยายอีกคนของ ลูก เป็นผู้หญิงที่เลี้ยงแม่ของลูกตั้งแต่เล็กจนโต มอบชีวิตครั้งที่ สองกับแม่”

อานอานเหมือนเข้าใจแต่ไม่เข้าใจ แต่ก็ยังพยายามอย่างมาก ที่จะเข้าใจมัน

“หนูเข้าใจแล้ว ยังไงก็เป็นคุณยายทั้งหมด ในเมื่อเป็นของ ของคุณยาย เราก็ต้องเก็บรักษามันไว้ให้ดี ต้องไม่ทำหายอีก อย่างเด็ดขาด”

จิ่งหนิงยิ้ม “ใช่ ดังนั้นอานอานต้องเก็บของให้ดี ทำหายไม่ได้ นะ”

เมื่ออานอานได้ยิน ก็รู้สึกประหม่าทันที

“แต่……แต่หนูขี้หลงขี้ลืมง่ายมากเกินไป ถ้าหนูทำหายจะทำ ยังไงคะ?”

เธอขมวดคิ้วสวยละเอียดอ่อน ทันใดนั้นดวงตาก็เปล่งประกาย “เอ๋ หรือแม่ช่วยหนูเก็บได้ไหม? หนูยังไม่เคยเจอคุณยายท่าน

นี้เลย ถ้าหนูเก็บมันไว้ วันไหนหนูเจอคุณยายแล้วค่อยเอาออกมา ให้หนูอีกที หนูจะเอามันไปเจอคุณยาย ถึงตอนนั้นคุณยายก็จะ ยิ่งดีใจใช่ไหมล่ะคะ?”

จิ่งหนิงตกตะลึง ทันใดนั้นหัวใจก็เกิดความทุกข์
เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายกับอานฮานอย่างไรว่าเธอไม่มีทางได้เจอ คุณยายอีกแล้ว

เพราะคุณยายเสียชีวิตไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน

จิ่งหนึ่งสูดจมูก แล้วฝืนยิ้ม

“ได้สิ แม่จะช่วยหนูเก็บ คราวหน้าตอนที่หนูไปเจอคุณยาย หนู ค่อยใส่มันอีกครั้ง ถึงตอนนั้นคุณยายเห็นหนูใส่ของของเธอ ก็จะ ยิ่งชอบหนูแน่ๆ”

“งั้นก็เอาตามนี้คะ”

อานอานนําจี้หยกที่ชื่นชอบยื่นไว้ในมือเธอ จากนั้นก็กลับห้อง ไปอ่านหนังสืออย่างมีความสุข


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ