บทที่ 947 เรื่องเก่าสมัยก่อน
ทุกคนกลับมาถึงวิลล่าของท่าน วอีกครั้ง
แต่กลับมาครั้งนี้ ความรู้สึกของแต่ละคนต่างไม่เหมือนกัน
ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว พวกจิ้งหนึ่งมาถึงสนามบิน ตอนแรกก็ เตรียมตัวจะขึ้นเครื่องบินแล้ว แต่จู่ๆ ลู่วิ่งเงินกลับได้รับสาย จาก นั้นก็รีบแจ้งให้พวกเขาลงจากเครื่องบินและมาที่นี่ทันที
ความเป็นจริงแล้ว ตอนที่อยู่ในวิลล่า จึงเป็นก็ดูออกตั้งนาน แล้วว่าท่านซิวผิดปกติ ถึงแม้ดูเหมือนจิตใจเที่ยงตรง แต่ความ เป็นจริงกลับมีบางอย่างปิดบังไว้
แต่เขาไม่ได้ไปหาท่านปูซิวแฉไม่เหมือนกึ่งหนึ่ง กลับเป็น ตีหน้าตายแอบวางสองคนเฝ้าไว้รอบๆ วิลล่าของท่านปูซิว ดูว่า เขามีท่าทีอะไรบ้าง
นึกไม่ถึงเลย พวกเขาเพิ่งออกมาจากที่นั่น ข่าวก็มาถึงตาม หลังแล้ว
บอกว่าท่านซิวออกไปจากวิลล่าด้วยตัวคนเดียวในกลางดึก ไปทางท้ายสุดของหมู่บ้านแล้ว
ลู่วิ่งเซินรู้สึกได้ว่าผิดปกติ จึงพาพวกเขารีบตามมา ก็ได้เจอ ฉากที่ท่านปูชิวกับคนใส่เสื้อด่าคนนั้นกำลังคุมเชิงกันอยู่พอดี จนถึงตอนนี้แล้ว พวกเขายังมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีกเหรอ
แต่จิ่งหนึ่งคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าผลของเรื่องนี้มิอาจคาดเดาได้ มากกว่าที่เธอคิดอีก
ขณะนี้ทุกคนนั่งอยู่ในห้องรับแขกของวิลล่า บรรยากาศ พะอืดพะอมไปหมด
เสียงฝีเท้าอันเร่งรีบดังมาจากข้างนอก
ไม่นาน กู้ซื้อเฉียนก็ผลักประตูเข้ามาแล้ว เฉียวรีบเดินขึ้นไปถามว่า “เป็นไงบ้าง จับคนได้ยัง
สีหน้าของกู้ซื้อเฉียนดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทำหน้ามืดครึ้มและ ส่ายหัว
ลู่วิ่งเซินกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับผล
ดูก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ใช่บุคคลธรรมดา ฟ้ามืดขนาดนี้แล้ว ชื่อเฉียนก็ไม่คุ้นเคยธรณีสัณฐานของที่นี่ด้วย จับคนไม่ได้เป็น เรื่องปกติอยู่แล้ว
เขาหันหน้ากลับไปดูท่านชีว
“ท่านปู่ ท่านควรอธิบายเรื่องนี้ให้พวกเราฟังหน่อยไหม
สีหน้าของท่านปูชิวก็ดูแย่มากเหมือนกัน
ขณะนี้ เขาไม่มีสีหน้าแบบดื้อรั้น เยาะเย้ยและสมน้ำหน้าเมื่อ เผชิญหน้ากับพวกเขาก่อนหน้านี้แบบนั้นแล้ว ทั้งคนดูซึมกะบือ นั่งอยู่ตรงนั้น เงียบอย่างกับประติมากรรมชิ้นหนึ่ง
จิ่งหนิงพูดเสียงเบาว่า: “ท่านปู่ พวกหนูรู้เรื่องนี้แล้ว ก็ไม่มีทางปล่อยไปไม่สนใจหรอก ท่านบอกหรือไม่บอก ความจริงแล้ว สุดท้ายพวกหนูก็สืบได้อยู่ดี แค่ต้องเดินทางเปล่าๆ และเสียเวลา เยอะหน่อยแค่นั้นเอง พวกหนูยังมีเวลาอีกหลายเดือนสามารถรอ ได้ แต่ท่านลองถามใจตัวเองดู ท่านรอได้เหรอ เหลนสาวของ ท่านรอได้เหรอ”
เสียงของเธอเพิ่งหยุดลง ท่านก็ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด เนิ่นนาน เขาจึงถอนกายใจอย่างลึกซึ้ง
“ฉันรู้แล้ว เรื่องนี้ปิดปังพวกแกไม่ได้หรอก ฉันก็ไม่ได้อยาก จงใจปิดบังพวกแกต่อแล้ว ฉันก็แค่กำลังคิดอยู่ว่าต้องบอกเรื่อง นี้กับพวกแกยังไง”
คนทุกคนต่างขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้นัดหมายกัน ท่านปูเงียบไปอีกสักพักจึงค่อยๆ เปิดปาก
“เรื่องนี้ต้องพูดย้อนกลับไปถึงหกสิบปีที่แล้ว….
จริงๆ แล้ว เมื่อหกสิบปีที่แล้วสถานการณ์ยังคงวุ่นวายมาก ท่านปูชิวเป็นเด็กกําพร้า ใช้ชีวิตอยู่ในสังคง เพิ่งความสามารถ ทั้งตัวหาข้าวกินในกลียุคล้วนๆ
หลังๆ มาก็ได้รู้จักนายหญิงหมิ่นและผู้ชายอีกคนโดยโอกาส บังเอิญ กี่คนนี้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในกลียุค ความสัมพันธ์ดี กันอย่างยิ่ง
หลังๆ มานายหญิงหงินแต่งงานกับท่านปูลู่ก็ไปจากพวกเขา แล้ว พวกเขาอวยพร ให้เพื่อนคนนี้ ในเวลาเดียวกันก็ไม่ได้เข้าไปรบกวนเธอ เนื่องจากฐานะและทางที่จะเดินมันต่างกัน
ผู้ชายสองคนกลายเป็นพี่น้องต่างนามสกุล มีสุขร่วมเสพ มี ทุกข์ร่วมต้าน ก็ถือว่าผ่านสมัยที่วุ่นวายที่สุดมาโดยไม่ง่ายแล้ว
พวกเขาเพิ่งการค้าขายวัตถุโบราณทำเงินมาไม่น้อย ตอนแรก คิดว่าถ้ามีเงินแล้วก็จะหาที่ตั้งถิ่นฐาน ทำการค้าขายด้วยกัน แต่ สุดท้ายกลับเกิดความขัดแย้งกันขึ้นมา
สองคนเป็นคนร่วมจัดการของเหล่านั้นด้วยกัน ระหว่างนั้นก็ มักจะมีเรื่องผิดกฎหมายอยู่ไม่น้อย มีบางเรื่องที่ใหญ่โตจนจะพูด ว่าตัดหัวก็ไม่ถือว่าแรง
ถึงแม้เงินนี้จะทำมาเยอะมาก แต่มันล้วนสู้กลับมาด้วยชีวิต สองคนต่างแต่งงานมีลูกกันแล้ว อีกฝ่ายอยากมีชีวิตที่สงบสุข ท่านปูชิวก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ
แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจคือทำไมอีกฝ่ายถึงเอาเรื่องที่เขาสองคน
ทำในหลายปีนี้เล่าให้อีกคนฟังอย่างละเอียด
ซึ่งเขาเห็นว่านี่คือช่องโหว่ที่ใหญ่มาก
เพราะเขาเชื่อกฎเกณฑ์อย่างหนึ่งอย่างแน่วแน่มาตลอด นั่นก็ คือ ในโลกนี้ไม่มีกำแพงด่านไหนที่ไม่มีรอยแตก และไม่มีคนไหน ที่ไม่หักหลังอีกฝ่าย แม้จะสนิทสนมอย่างสามีภรรยาก็ตาม
มีแต่คนสองแบบที่จะไม่หักหลัง ถ้าไม่ใช่คนที่ทำเรื่องนี้ด้วยกัน ก็คือคนตาย
ดังนั้น ตอนนั้นเขาจึงมีความคิดจะฆ่าคนขึ้นมา สองคนทะเลาะ กันใหญ่เพราะเรื่องนี้ สุดท้ายแยกทางกันอย่างอารมณ์เสีย
หลังๆ มาเขาก็ได้รู้โดยบังเอิญว่าพี่ชายของภรรยาอีกฝ่าย กลับเป็นคนของตำรวจ
ตอนนั้นเขาว้าวุ่นไปหมด บวกกับตัวเองยังขี้สงสัยอีกด้วย มี ครั้งหนึ่งเขาดื่มเหล้าเยอะเกินไป ตอนแรกแค่อยากไปหาพี่น้อง คนนั้นที่บ้านคุยกับเขาดีๆ ให้เขาจัดการเรื่องนี้ให้สะอาด อย่า เหลือปัญหาที่จะตามมาทีหลังให้กับตัวเองได้
แต่วันนั้นโชคไม่ดี พี่น้องไม่อยู่บ้าน มีแค่ภรรยาของเขาอุ้มลูก
ที่เพิ่งคลอดออกมาไม่นานอยู่ในบ้าน
เขากับภรรยาของอีกฝ่ายมีปากเสียงขึ้นมาเพราะบางประโยค เขาโมโหขึ้นมา นึกถึงภัยอันตรายที่ผู้หญิงคนนี้นำมา จึงฆ่าเธอ ตายโดยความผิดพลาดแล้ว
ตอนนั้นเขาก็ตกใจจนมึนแล้วเช่นกัน หายเมาเกือบครึ่งเลย ทันใดนั้นพี่น้องกลับมาพอดี เห็นภรรยานอนอยู่ในกองเลือด จึงสู้ ตายกับเขาอยู่แล้ว
ท่านปูชิวฝึกซ้อมกังฟูอย่างหนักตั้งแต่ตอนเด็ก สามารถบอก ได้ว่ากังฟูในมือนั้นมีน้อยคนที่สามารถสู้ได้ ดังนั้น เขาก็ได้ฆ่าพี่ น้องคนนั้นจนเสียชีวิตแล้วเช่นกัน สุดท้ายเหลือแค่ลูกที่ยังไม่ ครบหนึ่งเดือน
ตอนแรกเขาก็เคยคิดที่ฆ่าเด็กคนนั้นทิ้งด้วยคน แต่อาจเป็น เพราะตอนนั้นเขาใจอ่อนแล้ว หรืออาจเป็นเพราะเขาคิดว่าแค่เด็กยังไม่ครบเดือนคนหนึ่งไม่เกิดความอันตรายต่อตัวเองหรอก ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจ จากไปอย่างเตาะแตะ
ในคืนนั้นก็เก็บของไปจากเมืองนั้นแล้ว ตั้งแต่นั้นมาเปลี่ยน
หน้าตาใหม่ ไม่เคยพูดเรื่องอดีตนี้ขึ้นมาอีกเลย จนกระทั่งหลังๆ มา ทั้งลูกสะใภ้และลูกชายสองคนของเขา
เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตไป
ในตอนนั้นเขายังไม่ได้เอะใจอะไร เพราะว่าเขากับลูกชายไม่ ได้อยู่ในเมืองเดียวกัน เขาดูศพแล้วก็ไม่พบปัญหาอะไร
และหลังจากนั้นต่อมา ก็คือการตายของหลานชายและภรรยา แล้ว
ครั้งนี้ เขากลับเจอปัญหาแล้ว
ถึงแม้พวกเขาตายจากอุบัติเหตุรถยนต์ แต่เขาพบว่าอุบัติเหตุ รถยนต์นั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่คือฝีมือของคน
มีคนแอบทำอะไรบางอย่างกับรถของพวกเขา เพราะฉะนั้น เบรกของพวกเขาจึงล้มเหลว ชนราวออกไปด้วยความเร็วสูงบน ทางด่วน กลิ้งลงไปใต้เนินเขา รถพังคนตาย
ตอนนั้นเขาก็ได้สงสัยขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้นำเรื่องนี้ไปโยงกับ เรื่องหกสิบปีที่แล้วเรื่องนั้น
เพราะเขาคิดว่าเรื่องนั้นผ่านไปตั้งหลายปีมากแล้ว นอกจาก ฟ้าดินกับเขาที่รู้ ไม่มีใครคนไหนรู้อีกแล้ว
เด็กทีไม่ครบเดือนคนนั้น ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเขามีชีวิตอยู่รอด ต่อหรือไม่ ถึงเขาอยู่รอดแล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่จะจำได้ว่าเขาเป็น คนฆ่าคน
เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่เคยนำเรื่องอุบัติเหตุรถยนต์ไปโยงกับ เรื่องนั้นด้วยกัน
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ