วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 944 พูดแทงความคิด



บทที่ 944 พูดแทงความคิด

ถึงแม้ไม่ได้เดาถูกทั้งหมด แต่ก็ถูกต้องเกินครึ่งแล้ว

หรือว่านี่ก็คือเจตจำนงของสวรรค์ พอนึกถึงตรงนี้ เขาถอนหายใจคำหนึ่ง ยิ่งเงียบกว่าเดิม สูบ ยาเส้นของเขาต่ออย่างกลัดกลุ้ม

จิ่งหนิงมองเขาอย่างลึกซึ้ง ท่านปูซิวที่เงียบอยู่ยิ่งดูแก่หง่อม กว่าเดิม ทั้งหลังค่อมไว้ ดูน่าสงสารมากจริงๆ

นั่งได้สักพัก เธอลุกขึ้นมา

“อีกแล้ว หนูก็ไม่รบกวนท่านพักผ่อนแล้ว ท่านคิดพิจารณา ให้ดีๆ เถอะ หนูรู้ว่าท่านไม่ใช่คนใจร้าย เจอคนลำบากแต่ไม่ ช่วย เรื่องแบบนี้ถึงแม้ไม่ได้เพื่อทำบุญอะไร แต่ถ้าอยู่ในสังคม มันก็ไม่มีศีลธรรมอยู่ดี ท่านทำไม่ลงหรอก ที่ยิ่งกว่านั้นพวกหนูยัง เป็นคนรุ่นหลังที่ถูกแนะนำมาจากเพื่อนเก่าของท่าน หนูรู้ว่าท่าน มีเรื่องในใจที่พูดยาก ดังนั้นหนูจะไม่ทำให้ท่านลำบากใจ และไม่ อยากบังคับท่านด้วย แค่หวังว่าท่านจะสามารถพิจารณาดูดีๆ คิดได้แล้วค่อยมาหาพวกหนู ถ้ามีเรื่องอะไรต้องการให้ช่วยท่าน ก็บอกมาเลย พวกหนูจะไม่ปฏิเสธแน่นอน”

เธอพูดไปด้วยค้อมตัวต่ำลงไปทางเขาเล็กน้อยด้วย คำนับครั้ง หนึ่งจึงหันหลังจากไป

เงาของผู้หญิงค่อยๆ หายไปจากประตู
ท่านปูชิวสูบยาเส้นไปด้วย มองด้านที่จากไปของเธอไปด้วย ดวงตาขุ่นมัวคู่หนึ่งกลับค่อยๆ แดงขึ้นมา

ผ่านไปเนิ่นนานถึงหัวเราะเยาะใส่ตัวเอง

“อะยอ่า เธอดูสิ เหมือนเธอแค่ไหนเนี่ย ฉลาดเช่นนี้ เสียดาย จริงๆ เลย!”

เขาถอนหายใจค่หนึ่งและส่ายหัว ในที่สุดก็ลุกขึ้นมาเดินไป

ห้องนอนที่อยู่ข้างหลัง

จิ่งหนิงและลู่จึงเป็นคนกลุ่มหนึ่งเช่าลานบ้านครอบครัว เกษตรกรที่อยู่ในหมู่บ้านหนึ่งหลัง พออาศัยกล้อมแกล้มหนึ่งคืน

เวลานี้ดึกมากแล้ว และก็ไม่มีที่ไปดีๆ อย่างอื่น ตอนแรกที่พวก เขามาถึงยังนึกว่าเรื่องนี้จัดการได้ภายในวันเดียว จัดการเสร็จก็ สามารถกลับไปในวันนั้นเลย เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้เตรียมตัวจะ อาศัยอยู่ที่นี่เลย ยิ่งไม่มีสัมภาระใดๆ เลย

ขณะนี้กลับรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลย ในพื้นที่ ชนบทก็ไม่มีโรงแรมหรือห้องพักอะไรอยู่แล้ว

ยังดีที่คนที่นี่รู้ว่าพวกเขาเป็นคนรวยที่มาจากในเมือง แค่ยอม ให้เงินก็ไม่ขาดสถานที่สามารถอาศัย แต่สภาพก็จะค่อนข้างแย่ หน่อย

แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรน่ารังเกียจหรอก

คนกลุ่มหนึ่งพออาบน้ำทำความสะอาดเสร็จก็นอนหลับอย่าง อิดออดแล้ว
วันถัดมา เมื่อวิ่งหนึ่งตื่นขึ้นมาแค่เจ็ดโมงเช้าอยู่เลย

สถานที่ชนบทมีไก่เยอะ ตีสี่ตีห้าก็เริ่มขึ้นเอก อี เอก เอกแล้ว เธอไม่ชิน ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาตอนกลางคนหลายครั้งแล้ว หลังๆ มาลูจิ่งเซินช่วยปิดหูให้เธอ จึงหลับลึกได้หลายชั่วโมง

เมื่อตื่นมาทั้งคนยังมึนๆ อยู่เลย เฉียวฉีกับกู้ซื้อเฉียนก็ไม่ได้ดีไปถึงไหน

เมื่อวานซื้อเฉียนถูกท่านปูชิวแกล้ง เมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยดี ตื่นมาเช้าตรู่ก็รู้สึกได้ว่าความกดอากาศในตัวผู้ชายคนนี้ยิ่ง ลงแล้ว เหมือนอยู่ใกล้ภายในสิบก้าวก็จะกลายเป็นน้ำแข็งอย่าง นั้น

วิ่งหนึ่งยิ้มและยกอาหารเช้าเดินไปนั่งฝั่งตรงของเขากับเฉียว หยอกล้อว่า “อุ๊ย ถ้าไม่ใช่เห็นอากาศข้างนอก ฉันยังนึกว่าฤดู หนาวมาถึงแล้วนะเนี่ย ทำไมข้างตัวหนาวยะเยือกอย่างนี้

เฉียว รู้อยู่แล้วว่าเธอพูดอะไรอยู่ เม้มปากยิ้มและแอบส่ง สายตาให้เธอ

จิ่งหนึ่งเข้าใจแต่ไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่ กลับเป็นยิ่งอยากแกล้ง อเฉียนเล่น

“นี่ ฉันถามคุณหน่อย ถ้าวันนี้ท่านปูชิวยังไม่ยอมเอาของมา ออกมาให้ คุณจะทำยังไง

กู้ซือเฉียนกินข้าวต้มในปากอย่างไร้ความรู้สึกพร้อมพูดอย่าง เย็นชาว่า: “มัดไว้ค้นเองเลย!
จิ่งหนิงยกคิ้ว

ปรบมือ “ช่างเป็นความคิดที่ดีเลยเนาะ ใช่สิ ทำไมฉันคิดไม่ถึง เลยเนี่ย ท่านคนแก่คนหนึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น สถานที่กว้างขนาดนั้น ของไม่อยู่กับตัวก็ต้องอยู่ในบ้าน แค่พวกเราค้นด้วยความอดทน ยังไงก็ต้องค้นออกมาแน่นอน ซื้อเนียน ดูไม่ออกเลยจริงๆ เก่งก็ คือเก่ง วิธีโจรแบบนี้ก็มีแค่คุณที่คิดออกมาได้ นักธุรกิจจริงๆ จังๆ อย่างพวกเราแบบนี้คิดวิธีแบบนี้ออกมาไม่ได้หรอก…

ยังไม่ทันพูดจบ ก็ได้รับสายตาแหลมคมอย่างเย็นชา

กู้ซื้อเนียนมองเธออย่างสะพรึง “น้องเซเว่น กวนตีนอีกแล้วใช่ ไหม”

สีหน้าของจึงหนิงเกร็งขึ้นมา

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเมื่อก่อนตอนที่เธอได้ยินกู้ซื้อเฉียนเรียก ตัวเองว่าน้องเซเว่นยังไม่รู้สึกอะไร

ทีตอนนี้ฟังเข้าหูแล้วกลับฟังยังไงก็รู้สึกไม่สบาย ราวกับมีเหา ติดตัว คันทั้งตัวอย่างนั้น

เธอยิ้มแห้งๆ ขอโทษขอโพยว่า “ได้ ฉันผิดไปแล้ว บอส ท่านชาย ท่านค่อยๆ กินนะ กินเสร็จแล้วพวกเราไปช่วยกันคิด วิธี แค่ของยังอยู่ ยังไงเขาก็ต้องเอาออกมาอยู่ดี”

กู้ซือเฉียนจึงซื้อเสียงหนึ่งหนักๆ จากนั้นกินข้าวต่อ

ทุกคนกินข้าวเช้าเสร็จได้พอประมาณ จากนั้นก็ออกบ้านไป วิลล่าของท่านปูชิว
ยังไงท่านปู่ชีวก็อายุมากแล้ว นอนน้อย ตื่นเช้า

เมื่อพวกเขามาถึง ท่านกำลังซ้อมกังฟูในลานบ้านอยู่เลย

ถึงแม้แปดสิบกว่าปีแล้ว อายุที่คนทั่วไปมักจะแม้แต่เดินยังไม่ ค่อยแข็งแรง แต่ท่านปูชิวกลับสามารถกวัดแกว่งมีดาบอย่าง ผึ่งผาย กระเหี้ยนกระหือรือ ดูสนุกสุดยอดมากเลย

ทุกคนก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเขาจะมีอุบายนี้ด้วย ซึ่งหนึ่ง นึกถึงตอนเช้าที่กู้ซื้อเฉียนบอกว่าจะมัดคนไว้แล้วค้นเองเลย ก็อด หันไปดูเขาและหัวเราะไม่ไหว

กู้ซื้อเฉียนรู้อยู่แล้วว่าเธอหัวเราะอะไรอยู่เลยจ้องเธอ

ลู่จิ่งเซินกลับขมวดคิ้ว ดึงวิ่งหนึ่งมาข้างตัวเอง

จิ่งหนิงพูดเบาๆ ว่า: “ทำไมเหรอ”

สีหน้าของลูจิ่งเซินดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ รอท่านปูชิวยังกวัดแกว่ง มีดาบอยู่ ถามเธอเบาๆ ว่า “คุณยิ้มมองเขาทำไม

จิ่งหนิงตะลึง มีความงงเล็กน้อย “ฉันยิ้มแล้วทำไมเหรอ สมัยนี้

ยิ้มยังผิดกฎหมายหรือไง”

“ฮ่า ใช่ผิดกฎหมาย ผิดกฎหมายของผม”

จิ่งหนิงอึ้ง เพิ่งเข้าใจได้ว่าเขาหมายความว่าอะไร สงสัยผู้ชายคนนี้จะดึงแล้ว

อยู่ๆ ก็รู้สึกจะร้องไห้ก็ไม่ใช่จะหัวเราะก็ไม่ถูก ในเวลาเดียวกัน ในใจก็หวานราวกับใส่น้ำผึ้งอย่างนั้น
เธอจ้องเขาอย่างโมโห “อย่าพูดมั่ว นี่ฉันก็แค่แกล้งๆ เขา หน่อยนิ กว่าจะหาโอกาสจนได้ ให้ฉันแกล้งหน่อยไม่ได้เหรอ” ลู่จึงเป็นทำเสียงไม่พอใจเบาๆ สำหรับคำอธิบายของเธอ จะ

บอกว่าเห็นด้วยก็ไม่ใช่ แต่ก็รู้สึกว่าดีกว่าไม่ได้อธิบายอะไรเลย จิ่งหนึ่งรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนขี้หึง และยังเป็นขั้นเทพอีกด้วย ถ้าทำให้โมโหจริงจะอยากมาก ทันใดนั้นจึงไม่ล้อเล่นอีกแล้ว

ตั้งใจซมดูท่านปูชิวซ้อมกวัดแกว่งมีดาบ

อดพูดไม่ได้เลยว่าถึงแม้อายุของท่านปูซิวจะเยอะมากแล้ว ก็ตาม แต่ฝีมือการใช้มีดดาบคือดีจริงๆ

แม้แต่จิ่งหนิงกลุ่มนี้ โดยหลักแล้ว นอกจากคนอ่อนแออย่างยิ่ง หนิงคนนี้แล้ว ที่เหลืออีกสามคนล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ หมด

โดยเรื่องกังฟูนี้ ดังคำกล่าวที่ว่าทำเป็นหนึ่งอย่างที่ทำเป็นได้

ทุกอย่างแล้ว ถึงแม้ตัวเองจะไม่เป็น แต่แค่ดูก็ดูเทคนิคออกแล้ว

พวกเขาจําใจต้องยอมรับ ก่อนที่จะมาคือพวกเขาดูถูกท่าน ชิวแล้ว

พูดถึงแค่ฝีมือการใช้มีดดาบนี้ ถ้ามีอายุน้อยกว่านี้อีกสิบกว่า ปีจริงๆ ไม่แน่พวกเขาอาจจะไม่ใช่คู่แข่งของเขาเลยด้วยซ้ำก็เป็น ไปได้

พอนึกถึงตรงนี้ ในดวงตาของลู่วิ่งเซินก็อดเผยความชื่นชม ออกมาไม่ได้
หลังจากรอท่านปูชิวฝึกซ้อมฝีมือการใช้มีดดาบเสร็จ ปรบมือ ขึ้นมาอย่าง นชมเป็นคนแรก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ