วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 941 ชายชราแปลกประหลาด



บทที่ 941 ชายชราแปลกประหลาด

“เฮ้ย ฉันว่านะ เด็กผู้หญิงสองคนนั้นยังรู้จักทำงานเลย พวกแก ก็อย่าอยู่ว่างๆ สิ ฝนรั่วซึมเข้ามาหลังคาบ้านตรงบนหัวฉันตั้ง หลายวันแล้ว พวกแกซ่อมหลังคาบ้านเป็นหรือเปล่า ไปช่วยซ่อม หลังคาบ้านให้ฉันหน่อยสิ”

สีหน้าของลู่วิ่งเซินเย็นชาดั่งน้ำแข็ง จึงหนึ่งลากแขนเสื้อของ เขาไว้และดึงสองที ยิ้มพูดว่า “ท่านปู่ไว้ใจได้เลย จะซ่อมหลังคา ให้ดีแน่นอน”

ท่านมองเธออย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจากไปอย่างพึงพอใจ

หลังจากรอเขาจากไป กู้ซื้อเฉียนพูดด้วยเสียงทุ้ม: “ผมว่า ไอ้แก่นี่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วแน่เลย อะเฉียว พวกคุณไม่ต้อง สนเสื้อผ้าสกปรกเหล่านั้นเลย เดี๋ยวเอามีดวางที่คอของแก ผมไม่ เชื่อหรอกว่าเขายังจะกล้าไม่เอาของออกมาให้อีก!”

พูดเหมือนกำลังเอามืดขึ้นมาลับอย่างนั้น

จิ่งหนิงมองเขาแวบหนึ่งและมองบน

“คุณชายกู้สี่ ต้องขออภัยที่บอกคุณแบบนี้นะ วิธีการนั้นของ คุณคงไม่มีผลต่อท่านปูชิวหรอกนะ”

ลู่วิ่งเซินขมวดคิ้วแน่นๆ “ทำไม”จิ่งหนิงถอนหายใจที่
“ท่านอายุมากขนาดนี้แล้ว ตอนวัยเยาว์ก็ทำการค้าขายวัตถุ โบราณไปมาจนทั่ว เคยเจอสถานการณ์ต่างๆ มาตั้งเยอะแยะ มากมายมาแล้ว อีกอย่าง ยังไงคุณย่าก็เคยโทรหาท่านแล้ว เขา ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้พวกเราเป็นใคร รู้แล้วแต่กลับยังกล้าสร้างความ ลำบากใจให้พวกเราขนาดนี้ แสดงว่าไม่แคร์อะไรเหล่านี้แล้ว แน่นอน

ตอนนี้คือพวกเรากำลังต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่นอยู่ ของอยู่ในมือของท่าน ถ้าท่านไม่ยอมบอก ฉันว่าถึงแม้พวกคุณ ฆ่าท่านจริงๆ ก็ไม่แน่ว่าเขาจะบอกพวกคุณ

ถึงพวกคุณจะไม่แคร์ชีวิตของท่าน ยังไงก็ต้องแคร์ชีวิตของ

เฉียว แตกคอกันแล้วไม่มีผลอะไรต่อพวกเราเลย เพราะฉะนั้น

ก็อดทนไว้ก่อนเถอะ ยังดีที่เป็นแค่ซ่อมแซมหลังคาบ้านกับซักผ้า เฉยๆ ก็ไม่ถือว่าเป็นอะไร สามารถได้ของมาถึงมือก็พอแล้ว” พอได้ฟังเธออธิบายแบบนี้ จึงเป็นกับกู้ซื้อเฉียนก็กลับมาคิด

ได้แล้ว

เฉียว ก็พยักหน้าตาม “ใช่สิ ยังดีที่ไม่ใช่เรียกพวกเราไปฆ่า คนเผาบ้าน พวกเราต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่น ก็เกรงใจ คนอื่นเขาเอาของมาให้พวกเราฟรีๆ แบบนี้แล้วก็ฟังของเขาก่อน หลังจากนั้นค่อยดูว่าเขาจะว่ายังไงดีเสียกว่า

ผู้ชายสองคนจึงพยักหน้า และยังมีการตักเตือนกำชับให้กัน และกัน จากนั้นถึงแยกย้ายกันไปปฏิบัติ

เสื้อผ้าตั้งเยอะขนาดนี้ ไม่สะดวกซักในลานบ้านอยู่แล้ว
ดังนั้น เฉียวกับจิ่งหนึ่งจึงย้ายเสื้อผ้าไปที่ริมแม่น้ำตามทางที่ เพื่อนบ้านในหมู่บ้านให้ จากนั้นจึงเริ่มซัก

ถึงแม้ชีวิตในเมื่อก่อนของจิ้งหนึ่งจะลำบากมากก็ตาม แต่โดย รวมแล้วชีวิตก็ยังถือว่าพอใช้ได้ไม่ตกถึงขั้นต้องใช้มือเปล่าซัก เสื้อผ้าเยอะขนาดนี้

ดังนั้น นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เธอซักเสื้อผ้าจำนวนมากขนาดนี้ใน

ครั้งเดียว

และประเด็นคือไม่รู้เหมือนกันว่าเสื้อผ้าเหล่านี้ใส่มานานแค่ ไหนแล้ว รอยเปื้อนบนเสื้อเยอะจนเกิดเป็นขุยขึ้นมาแล้ว ยังดีที่ เป็นสีเข้ม ถ้าไม่ดูดีๆ ก็ยังดูไม่ค่อยออกเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นก็จะ ยิ่งซักยากกว่าเดิม

เธอซักไปด้วย ถอนหายใจล้อเล่นไปด้วย

“นี่เฉียว ตอนนี้คือมือคู่ที่เซ็นสัญญาการสั่งซื้อสินค้าหลายพัน ล้านกำลังช่วยเธอซักเสื้อผ้าอยู่นะ และยังมีมือสองคู่ที่มีค่าหลาย หมื่นล้านกำลังช่วยเธอซ่อมหลังคาบ้านอยู่เลยนะ เธอต้องสู้และ หายเร็วๆ นะ ไม่อย่างนั้นไม่เพียงแค่ทำให้เธอเองผิดหวังอย่าง เดียว และเธอยังทำให้พวกเราผิดหวังด้วยนะ”

เฉียวฉีหัวเราะ “คิๆ”

“ได้ หรือว่าเธอพักก่อนไหม ฉันซักเอง?”

จิ่งหนิงยกคิ้ว

“เธอแน่ใจเหรอ เสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ เธอสามารถซักให้หมดก่อนพระอาทิตย์ตกเหรอ”

เฉียว ตอบตรงๆ “ซักไม่หมด”

“ก็นั่นนะสิ”

เธอยิ้มอ่อนๆ แต่ก็ไม่ต้องท้อนะ ถึงแม้ท่านปูซิวจะทำให้พวก เราลําบากใจ แต่สัญชาตญาณบอกฉันว่าท่านไม่ใช่คนไม่ดี แต่ เราทําตามใจของท่าน หลังจากนั้นท่านต้องเอาของให้พวกเรา แน่นอน”

เฉียว เงียบสักครู่

สักพัก ยิ้มอย่างพยายาม “จิ้งหนึ่ง ขอบใจพวกเธอนะ”

จิ่งหนิงอึ้ง สังเกตเห็นสีหน้าของเธอและยิ้มพูดว่า “เป็นอะไร เนี่ย เธออย่าคิดมากเลย พวกเราเป็นเพื่อนกัน ควรช่วยเหลือซึ่ง กันและกันอยู่แล้ว”

เฉียวพยักหน้า “อืม ฉันเข้าใจ

ถึงแม้ปากจะพูดแบบนี้ แต่ในใจของเธอรู้ดี น้ำใจที่เธอกับ ซือเฉียนติดค้างจิ่งหนึ่งกับลู่วิ่งเซินในครั้งนี้คือติดค้างเยอะเลยที เดียวจริงๆ

เพราะยังไงแล้ว เธอให้สองคนนี้ไปคุยเรื่องธุรกิจให้เธอไม่เป็น อะไรเลย นั่นคือสนามรบหลักของพวกเขา พวกเขาก็เป็นมือเก่า แล้วด้วย

แต่ตอนนี้คือให้พวกเขาไปขอร้องคนอื่นอย่างต่ำต้อย ยิ่งกว่านั่นคือช่วยคนอื่นซักเสื้อผ้าด้วยมือและซ่อมแซมหลังคา

น้ำใจ คืนยังไงก็คืนไม่หมด

เธอก้มหน้าก้มตาเล็กน้อย นิ้วมือจับเสื้อไว้แน่นๆ สักพักจึง หายใจเข้าลึกๆ ค่หนึ่ง เริ่มซักไปแรงๆ

ซักตลอดจนถึงพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน เสื้อผ้าสีถังเต็มๆ ถึง ซักจนหมดสิ้น

ลู่วิ่งเซินกับกู้ซือเฉียนก็ซ่อมหลังคาเรียบร้อยแล้วเช่นกัน เห็น เธอสองคนยังไม่ได้กลับไปก็มารับเธอสองคน

พอมาถึงจึงเห็นทั้งสองคนนอนอยู่บนโขดหินใหญ่ริมแม่น้ำ อย่างไร้เรี่ยวแรง เห็นเขาสองคนเดินเข้าใกล้แล้ว จึงหนิงโบกมือ ให้พวกเขา

“เฮ้ย ทางนี้!”

สองคนวิ่งเร็วเข้ามา จึงหนิงไปที่เสื้อผ้าสีถังนั้น “พวกคุณยก เลย เราสองไม่มีแรงแล้ว

ลู่จิ่งเซินเพิ่งสังเกตเห็นนิ้วมืออันเรียวเล็กและขาวนุ่มของสิ่ง หนิงคู่นั้น เนื่องจากซักเสื้อผ้ามาครึ่งวันแล้ว ขณะนี้มือแช่น้ำจน ซีดแล้ว

ผิวหนังเกิดรอยยับขึ้นมาเป็นเส้นๆ เนื่องจากแช่น้ำ อดเจ็บใจ จนขมวดคิ้วไม่ไว้

จิ่งหนิงสังเกตเห็นสายตาของเขาได้ รีบซ่อนมือเอาไว้ทันทีและยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพักผ่อนครู่หนึ่งก็จะหายดีแล้ว กู้ซือเฉียนมองเธอแวบหนึ่งอย่างลึกซึ้งและพูดว่า “จิ่งหนึ่ง

น้ำใจครั้งนี้ผมจดจำไว้ในใจแล้ว จิ่งหนึ่งหรี่ตายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ได้เลย ฉันก็จำคำนี้ไว้แล้วเช่น กัน วันหลังถ้ามีเรื่องจะให้คุณช่วย เธอสองคนห้ามปฏิเสธเลย

มะ

“แน่นอน”

เห็นเธอสองคนพักผ่อนได้พอประมาณแล้ว ผู้ชายสองคนจึง ต่างคนต่างถือเสื้อผ้าสองถังเดินกลับไปพร้อมกัน

ระหว่างทางเฉียวถามว่า “พวกคุณว่าตอนนี้พวกเรากลับไป แล้ว ท่านปูซิวจะเอาของให้พวกเราหรือไม่

กู้ซื้อเฉียยิ้มอย่างเย็นชา “เขาให้ก็ต้องให้ ไม่ให้ก็ต้องให้

ลู่วิ่งเซินก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน “ใช่แล้ว ถึงแม้อันเนื่องมา จากพวกเราขอความช่วยเหลือจากเขา สิ่งที่เขาบอกพวกเราก็ทำ เสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย แต่เรื่องนี้จะตามใจเขาทุกอย่างไม่ได้ ดัง คำกล่าวที่ว่าให้เริ่มจากธรรมเนียมมารยาทก่อน แล้วจึงค่อยยก กำลังเข้าประหัตประหาร จะสร้างความลำบากใจให้ผู้อื่นก็ต้องมี ขีดจํากัด ถ้าถูกเขาดึงจมูกเดินไปจริงๆ จะกลับทำให้เสียงานซะ

จิ่งหนึ่งพยักหน้าเห็นด้วย

คนกลุ่มหนึ่งกลับมาถึงวิลล่าของท่านปูซิวแล้ว กำลังอยากเรียกเขาออกมาตรวจสอบ แต่กลับสังเกตได้ว่า ในบ้านไม่มีคน อยู่เลย

ออกจากไปสอบถาม ถึงรู้ว่าเขาออกไปกะทันหันแล้ว

ทั้งสี่คนขมวดคิ้ว

จิ่งหนิงมองไปที่ลู่วิ่งเซิน “ตอนนี้ควรทำยังไงดี

ลู่วิ่งเซ็นคุยกับตัวเองอย่างลังเลได้สักพัก “รอก่อนเถอะ เขาก็ แค่ตาเฒ่าคนหนึ่ง ไปไม่ไกลหรอก ยังไงก็ต้องกลับมาอยู่ดี ไม่แน่ อาจจะแค่ออกไปทำธุระข้างนอกกะทันหันเฉยๆ เดี๋ยวรอสักพัก ก่อนค่อยว่ากันดีกว่า”

พอสามคนได้ฟังแล้วก็ต่างพยักหน้ากัน

คนกลุ่มหนึ่งนั่งรออยู่ในห้องรับแขก

แต่การรอครั้งนี้กลับรอจนถึงเวลาสี่ทุ่มแล้ว

เห็นว่าท้องฟ้าข้างนอกสงบและมืดลงมาแล้ว ถ้ายังรอต่อไป อีกก็จะเลยเที่ยงคืนแล้ว แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของท่านปู่ชีว

เลย

พวกเขาเพิ่งจะรู้สึกแปลกขึ้นมา

สีหน้าของกู้ซื้อเฉียนดูแย่มาก เดินไปเดินมาอยู่ในห้องรับแขก เนิ่นนาน พูดด้วยเสียงโมโหว่า: “ไอ้แก่นี่ถ้ากล้าหนีไป รอจับเขา ได้แล้วผมจะตีขาของเขาให้ขาด

จิ่งหนิงขมวดคิ้วและมองเขาแวบหนึ่ง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ