บทที่ 884 ได้โปรดออมมือ
เธอใช้แรงบิด แต่มันไม่ขยับ
น่าจะมีคนล็อคมันจากด้านนอก
นี่ก็เป็นคาดเดาอย่างหนึ่งของเฉียว เธอครุ่นคิด ท้ายสุดเธอ ก็ไม่ไปรบกวนมันอีก และเดินตามแผงประตูนี้ไป ก่อนจะคลำไปที ละนิ้ว
ในเวลานี้ บ้านพักตากอากาศหลังหนึ่งที่ไม่ไกลจากบ้านไม้
ชายคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ พร้อมกับถือแก้วไวน์ไว้ใน
มือ เขาดื่มไปขณะดูหน้าจอไปด้วย ในหน้าจอ ภาพภายในบ้านไม้ที่ทรุดโทรมนั่น ผู้หญิงคนนั้น
พยายามหาบางอย่างตามกำแพงทีละน้อย
ในขณะที่คล้าหา ดูเหมือนว่าเธอจะพยายามใช้หูเพื่อฟังอะไร บางอย่าง
เขาเลิกคิ้วขึ้น และถามว่า “เธอกำลังทำอะไร?”
ข้างหลังเขา มีชายคนหนึ่งสวมหน้ากากสีเงินยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมกับกอดอกและพูดว่า น่าจะสำรวจสภาพแวดล้อมไปด้วย
ชายคนนั้นประหลาดใจเล็กน้อย แล้วยิ้ม
“น่าสนใจ”
ชายสวมหน้ากากเงินมองไปยังเธอและถามว่า “หัวหน้า ผมไม่
เข้าใจเลย ทำไมเราต้องจับเธอมาด้วย? ชายคนนั้นที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าพูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “เป็น
อะไรไป? นายกลัว?”
ชายสวมหน้ากากขมวดคิ้ว
“ไม่ได้กลัว ก็แค่ตระกูลตามหาคนอย่างบ้าคลั่งทุกวันข้าง นอก สมาคมลับของเราหลายแห่งล้วนถูกยึดครอง เขาไม่ว่าใคร ก็เอาไป ตามหาวุ่นไปเสียทุกที่ ผมกังวลว่าถ้านานไปกว่านี้ เขา จะพบเบาะแสบางอย่าง เมื่อถึงเวลานั้นจะมาถึงที่นี่ ผมแค่กลัว…
“แค่กลัวอะไร?” หัวหน้าหันมามองเขา ด้วยดวงตาเหมือนจะ ยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “นายคิดว่าชาวจีนอย่างเราจะไม่สามารถเอาชนะพี่ สามกู้ได้?”
ชายสวมหน้ากากก้มศีรษะลง เมื่อเผชิญกับดวงตาที่แผดเผา ของเขา
“ผมมิบังอาจ ผมแค่คิดว่า ตอนนี้สถานการณ์มันซับซ้อน มี กลุ่มอำนาจอื่นยื่นมือเข้ามาแทรกแซงในเรื่องนี้ ผมกังวลว่าจะถูก คนได้รับผลประโยชน์จากความขัดแย้งของผู้อื่น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายหนุ่มก็หันมา หัวเราะด้วยน้ำเสียงเย้ย
หยัน
“ไม่ต้องกังวลไป ไม่มีใครสามารถรอรับผลประโยชน์จากเรื่องนี้ได้ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่เคยให้โอกาสนี้แก่ใคร
เขาพูดพลาง จิบไวน์ไปด้วย แต่ดวงตาที่มองไปยังจอ มอนิเตอร์ ดูเหมือนจะยิ่งมืดมนมากกว่าเดิม เมื่อชายสวมหน้ากากเห็นสิ่งนี้ ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
ตอนนี้ ประตูด้านนอกก็ถูกเคาะ
เขาตะโกนพูด “เข้ามา
ชายร่างผอมสูงเดินเข้ามา
“ลิ่วเส็น ที่แท้คุณก็อยู่ที่นี่ ผมหาเสียนาน
ลิ่วเสิ่นหันกลับไปมอง เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา ใบหน้าที่เผย รอยยิ้ม
“สวีฉางเปย ช่วงนี้นายยุ่งเสียจริง ทำไมจู่ๆถึงมาหาฉันได้
ละ?”
เขาพูดพลางลุกขึ้น เดินเข้าไปกอดอย่างสุภาพ สวีฉางเปียกล่าวด้วยรอยยิ้มเศร้า “ผมยังไม่เท่าคุณหรอกจิ๋ว เสิ่น”
เขาพูด พลางสายตาก็ไปหยุด อยู่ตรงจอมอนิเตอร์ข้างหน้า เขาเลิกคิ้วด้วยความสนใจ
“โย่ ทำไมถึงจับเธอมา?”
ลิ่วเงินเหลือบมองไปยังเขา ก่อนจะมองไปทางจอมอนิเตอร์“ฉางเลย นี่คือคนรู้จักเก่าของนาย รุ่นน้องไง ดูท่าตอนนี้เธอจะ อยู่ในกำมือฉัน ไม่ปวดใจหรือ?”
สวีฉางเปยยิ้มบางอย่างเศร้าสร้อย
“ปวดใจอะไร? อย่างไรคุณก็ไม่ฆ่าเธอ
ลิ่วเงินชะงัก
ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง
เขายื่นมืออกมาตบบ่าของเขา ก่อนจะพูด “นายพูดถูก ฉันยัง ฟังคำสั่งของเฮีย จับตัวเธอมาเพื่อเปลี่ยนแปลเรื่องราวบางอย่าง ส่วนเรื่องอื่น ฉันก็ไม่แน่ใจ นายวางใจเถอะ ฉันรู้ว่าเธอเป็นรุ่น น้องของนาย รอให้ของมาถึงมือ เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะปล่อยเธอ ไป เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน
พูดพลาง ขยิบตาให้เขาอย่างมีเลศนัย
ถึงอย่างไร สวีฉางเปียก็ไม่ได้มีท่าทางอะไร เพียงแต่หยิบผล ไม้บนโต๊ะขึ้นมากิน
เพิ่งหยิบผลไม้บนโต๊ะมากิน
จากนั้นเขาก็พูดช้า ๆ “พูดถึงเรื่องธุรกิจ ที่ผมมาหาคุณวันนี้ ถ้าไม่มีธุระก็คงไม่มาจริงๆ
ลิ่วเสิ่นแกว่งแก้วไวน์ช้าๆ มองเขาด้วยสายตาล้ำลึก “พูดมา เรื่องอะไร?”
“มันเป็นอย่างนี้…”
สวีฉางเปยลากเก้าอี้มานั่ง เริ่มคุยเรื่องที่ตัวเองต้องการจะพูด
ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ในห้อง เมื่อชายสวมหน้ากากเห็น เขาก็ หมุนตัวเดินออกไป
หลังจากรอประมาณครึ่งชั่วโมง ทั้งสองคนก็ปรึกษาหารือกัน เสร็จ
สวีฉางเปยลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น เรื่องนี้ ผมขอไหว้วาน ลิ่วเงินแล้วกัน”
ลิ่วเจิ่นชกเขาหนึ่งหมัดเบาๆ ก่อนยิ้ม “คนกันเองน่า ไหว้วาน
ไหว้เป็นอะไรกัน”
“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ฉันไปก่อน
“โอเค”
สวีฉางเปยเดินตรงไปที่ประตู จู่ๆจิ๋วเงินก็พูดขึ้นมาอีกว่า “นี่ ไม่ต้องให้ฉันออมมือแทนนายใช่ไหม รุ่นน้องคนนั้น
สวีฉางเปยชะงักฝีเท้า
เขาหันหน้ามา ยิ้มราวกับไม่ยิ้ม ก่อนพูด “พี่ลิ่วเงินถ้าหากรู้สึก ว่าผมต้องการการออมมือ ก็ออมมือเถอะ ถ้าพี่จิ๋วเงินรู้สึกไม่ ต้องการ ก็ไม่ต้องออมมือ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมมากนัก ทุก อย่างขึ้นอยู่กับพี่ลิ่วเสิ่น”
พูดจบ คนๆ
นั้นก็หันหลังเดินออกไป
ลิ่วเงินตกตะลึงอยู่ตรงนั้น
ไม่กี่วินาทีต่อมา ชายสวมหน้ากากเงิน ก็เดินเข้ามาจากด้าน นอก เขาขมวดคิ้วอย่างเย็นชาเมื่อมองไปยังทิศทางที่สวีฉางเป ยกำลังเดินจากไป
“หัวหน้า เด็กคนเมื่อกี้หมายความว่าอะไรหรือครับ?
รอยยิ้มบนใบหน้าของลิ่วเงินหายไปแล้ว และเหลือเพียง ความเยือกเย็นและความเฉยเมย
“จะมีความหมายอะไรละ? แต่กำลังบอกฉัน ไม่ต้องสรรหาวิธี ร้อยแปดพันเก้ามาทดสอบเขาแค่นั้น
ขณะที่เขาพูด เขาก็หันศีรษะ มองไปยังหน้าจอมอนิเตอร์อีก
ครั้ง
พูดอย่างเย็นชาว่า “นำคนมาให้ฉัน
ชายสวมหน้ากากสีเงินนิ่งไปนิด ก่อนจะรีบตอบรับ “ครับ!”
ในที่สุด เฉียวฉีก็คลำทั้งห้องจบแล้ว และได้ข้อสรุปว่า
นี่เป็นบ้านไม้แบบปิด ขนาดไม่ใหญ่ ประมาณ 20 ตารางเมตร ด้านหน้าคือประตู ข้างๆเป็นหน้าต่าง หน้าต่างถูกปิดตายเอาไว้ ข้างหลังมีเสียงน้ำไหลเล็กน้อย น่าจะเป็นแม่น้ำ ทะเลสาบ หรือ อะไรสักอย่าง
ด้านล่างของบ้านนี้เปียกชื้น เมื่อตอนเธอคลำเจอซอกๆหนึ่ง เธอคลำไปของเปียกชื้นรูปร่างคล้ายแห ถ้าเธอเดาไม่ผิดนะ น่าจะเป็นอุปกรณ์ตกปลาสําหรับตกปลา
บ้านหลังนี้ น่าจะเคยเป็นที่อยู่ของชาวประมงมาก่อน ต่อมาก็ เป็นสถานที่เอาไว้กักขังเธอ
นำเธอมาขังไว้ที่นี่ แทนที่จะเป็นสำนักงานใหญ่ของเธอหรือ สถานที่ลับบางแห่ง ดูท่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่ใช่พวกคราวก่อนที่ เธอคาดเดา แต่เป็นอีกกลุ่มหนึ่งแทน
ในขณะที่กำลังคิด ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก
ใจเธอเต้นรัวอย่างหวาดกลัว ก่อนจะรีบลงไปนั่งกับพื้นตาม เดิม
ชายสวมหน้ากากสีเงินเปิดประตูเข้ามา เมื่อเห็นเธอนั่งบนพื้น อย่างเชื่อฟัง ไม่เหมือนกับตอนที่เห็นในจอมอนิเตอร์เมื่อครู่ ก็ รู้สึกว่ามันแอบน่าขันเล็กน้อย
เขาเดินไปหา เอาผ้าที่อุดปากเธออยู่ออก และพูดเสียงเข้ม “ในเมื่อตื่นแล้ว ทำไมไม่เรียก
น้ำเสียงของชายหนุ่มเข้มแฝงไปด้วยความแหบพร่า เฉียว มั่นใจ ว่าเธอไม่เคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน
เธอพูดเสียงเย็น “พวกคุณคือใคร?” ชายหนุ่มหน้ากากสีเงินเลิกคิ้ว ก่อนจะหัวเราะ
“อย่าร้อนใจ ไม่ช้าก็เร็วอย่างไรเธอก็ต้องรู้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้หรอก”
เขาพูดพลางก้มตัวลง แล้วอุ้มเธอขึ้นมา
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ