วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 878 เติมเต็มความรัก



บทที่ 878 เติมเต็มความรัก

เฉียวพยักหน้า ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก ไปเถอะ เสี่ยวเยว่เดินออกไปพร้อมกับโทรศัพท์

เธอมองดูแผ่นหลังบางๆ ที่กำลังจากไป ในใจของเธอสัมผัส ได้ถึงความอ่อนโยนและความเสน่หาที่ส่งผ่านเข้ามา ความจริงที่ว่า ทำไมถึงดีกับเฉียวได้ขนาดนี้น่ะเหรอ? เธอเชื่อว่าเพราะในช่วงเวลานี้ หล่อนพยายามดูแลเธออย่าง สุดความสามารถ ซึ่งนั่นมันทำให้เธอซาบซึ้งใจมากทีเดียว อันที่จริงยังมีอีกประเด็นหนึ่ง คือ ราวกับว่าเมื่อมองดูหล่อน แล้ว เธอเห็นเงาของถังซีซีซ้อนออกมาจากตัวหล่อน

ทั้งสองล้วนเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ที่บานสะพรั่งดั่งดอกไม้กำลัง เบ่งบาน ในวัยที่สดใสและสวยงามเช่นนี้ ทั้งคู่เป็นคนที่แข็งแกร่ง ทั้งๆ ที่เกิดในดินโคลนแต่ก็ไม่ได้เปรอะเปื้อน ในใจเต็มเปี่ยมไป ด้วยความหวังสำหรับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ซึ่งแตกต่างจากเธอ อย่างสิ้นเชิง

แต่ว่า นั้นตายไปแล้ว

ก่อนที่เธอจะทันได้ทําดีกับหล่อน หล่อนก็ตายเพราะเธอเสีย ก่อน

เพราะอย่างนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกประหลาดที่คอยกวนใจอยู่นั้นคืออะไร

มีบางครั้งที่เฉียว มองไปที่ร่างผอมบางของเสี่ยวเยว่ ราวกับ

ว่าเมื่อมองผ่านหล่อน เธอก็มองเห็นซีซี เธอคิดว่า มีบางสิ่งบางอย่างที่เธอไม่สามารถชดเชยให้หล่อน

ได้

ถ้าอย่างนั้นก็ชดเชยให้คนที่ยังอยู่ดีกว่า เธออุตส่าห์เจอเด็ก สาวที่เหมือนกับซีซีทั้งที ก็ควรจะทำใจให้สบาย แล้วก็เก็บเกี่ยว ความสุขสักหน่อยดีกว่า

พอคิดอย่างนี้ เธอจึงถือซะว่าชดเชยให้ตัวแทนที่เหมือนกับซีซี แทนก็แล้วกัน

ความคิดของเฉียว ลอยไปไกล และขณะนี้ พนักงานขายก็ได้

นำกระโปรงออกมาแล้ว

เธอยิ้มอย่างสุภาพและให้เกียรติ “คุณผู้หญิง อยากลองเลย ไหมคะ?”

เฉียวฉีส่ายหัว “ฉันไม่ได้จะเป็นคนลองค่ะ แต่เป็นน้องสาวของ ฉัน คุณวางไว้ตรงนี้ก่อนก็ได้ เธอออกไปรับโทรศัพท์อยู่

เดิมทีพนักงานขายคิดว่า เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เธอเมื่อครู่ที่ ท่าทางดูเคอะเขิน ดูแล้วเหมือนเพิ่งออกมาจากที่เล็กๆ ทุก อิริยาบถของหล่อนให้อารมณ์เด็กสาวจากครอบครัวเล็กๆ หล่อน น่าจะเป็นเพียงหนึ่งในคนรับใช้หรือผู้ดูแลของเธอ

พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ ถึงรู้ว่านั่นคือน้องสาวของเธอ
เธอยิ้มกว้างขึ้นอย่างอดไม่ได้ และพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ได้ค่ะ”

เป็นเวลาประมาณสามหรือสนาที เสี่ยวเยวก็กลับมา

เมื่อเธอกลับมา แม้ว่าเธอจะพยายามอย่างที่สุดที่จะคงรอยยิ้ม เดิมไว้บนใบหน้าของเธอ แต่เฉียว ยังคงเห็นร่องรอยของความ เศร้าโศกและมีบางอย่างผิดปกติในดวงตาของเธอ

เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและถามว่า “มีอะไรเหรอ?”

เสี่ยวเยวส่ายหน้า

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่… โทรศัพท์จากที่บ้านนะ

เธอฝันยิ้ม แล้วเอามือลูบผมตัวเอง จากนั้นก็พูดว่า “มันก็แค่ เรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ”

เฉียวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เท่าที่เธอรู้ ในครอบครัวของเสียว เยว่ไม่มีใครแล้ว หล่อนเป็นเด็กกำพร้า ซึ่งเติบโตขึ้นมาในสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้า เธอไม่รู้ว่าเรื่องที่บ้านที่หล่อนพูดถึง คือสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าหรือเปล่า?

แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงตบไหล่หล่อน แล้วพูดว่า “อย่าเพิ่งคิดมากเลย มีเรื่องอะไรก็ไว้ค่อยคุยกันทีหลังดีกว่า”

จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่กระโปรงที่วางอยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “เธอไป ลองดูสิ”

เสี่ยวเยวพยักหน้า
พนักงานขายถือกระโปรงให้ แล้วพาเธอไปยังห้องลองเสื้อ

เมื่อหล่อนเข้าไปในห้องลองเสื้อแล้ว เฉียวฉีก็นั่งอยู่ที่เดิมแบบ นั้น และรู้สึกเบื่อขึ้นมา จึงลุกยืนขึ้น และเดินดูของรอบๆ ในร้าน ต่อ

โดยปกติแล้วบอดี้การ์ดที่มากับพวกเธอ จะไม่เข้าไปในร้าน ด้วย ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของผู้อื่น และทำให้ทุก

คนอึดอัดอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังไม่กล้าที่จะอยู่ห่างเกินไป จึงมักจะ รออยู่หน้าประตู ตราบใดที่ภายในมีการเคลื่อนไหวเพียงเล็ก น้อย พวกเขาก็สามารถบุกเข้าไปได้ทันที

เฉียวเดินเล่นอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่เจออะไรที่เธอชอบ และเมื่อ เธอเห็นพนักงานขายอีกสองคนติดตามเธออยู่ตลอดเวลา จึง โบกมือ แล้วพูดว่า “พวกคุณไปทำธุระของตัวเองเถอะ ไม่ต้องมา ดูแลฉันหรอก ฉันแค่เดินดูอะไรไปเรื่อยเฉยๆ”

เมื่อทั้งสองได้ยิน ก็ไม่ได้เซ้าซี้เธอต่อ พวกเธอยิ้มและพูดว่า “ได้ค่ะ แต่หากคุณต้องการอะไร โปรดเรียกเราได้ตามสบายเลย นะคะ”

” โอเค”

เฉียวพยักหน้า และสองคนนั้นก็เดินออกไป เมื่อพวกเธอจากไป เธอก็หันกลับมา และเดินไปที่ประตู เธอหยุด และเห็นว่าไม่ไกลจากประตู มีซูเฉิงยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับทีมบอดี้การ์ด กำลังกวาดสายตามองดูกลุ่มคนที่เดิน ผ่านไปผ่านมารอบๆ

ในขณะเดียวกัน หางตาก็จะสังเกตเห็นภายในร้านด้วย

บางทีเขาอาจเห็นเธอยืนอยู่ที่ประตู จึงคิดว่าเธอมีอะไรจะสั่ง

เขาจึงรีบเดินมาหาอย่างรวดเร็ว

“คุณเฉียว มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

เขาถามเสียงเข้ม

เฉียวมองเขา และเห็นว่าชายตรงหน้าเธอสูงตระหง่าน ใบหน้าก็ดูหล่อเหลา เขาเป็นคนประเภทที่ดูไม่ได้แข็งแรงเป็น พิเศษ แต่ก็ไม่ใช่ชายหนุ่มที่ดูอ่อนแอ

คิ้วหนาสีดำขลับ แสดงถึงความสง่าผ่าเผยและห้าวหาญ และ รูปลักษณ์ที่จริงจังในการทำงานนั้นก็มีเสน่ห์เป็นที่สุด

ไม่น่าแปลกใจที่เสี่ยวเยวจะชอบเขา

เธอหัวเราะเบาๆ “ไม่มีอะไรหรอก แค่เห็นพวกคุณที่ยืนอยู่ตรง นั้นตลอด คงลำบากน่าดู”

ซูเฉิงผงะ ไม่คาดคิดว่าเธอจะพูดแบบนี้ แต่ก็ยิ้มออกมาด้วย ความขวยเขิน

“ไม่ใช่นํามากเลยครับ นี่คือสิ่งที่เราควรทำ”

เขาน่าจะเป็นคนที่พูดไม่เก่งด้วย เพราะหลังจากที่ตอบเธอแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อดี
ทำได้เพียงยืนเกาหัวอยู่ตรงนั้นอย่างงงๆ

เมื่อเดียว เห็นท่าทางแบบนั้นของเขา หัวใจก็เต้นทันที เธอหัวเราะออกมาอีกครั้ง แต่ในเมื่อคุณก็อยู่ตรงนี้แล้ว ถ้างั้น ก็ช่วยอะไรฉันสักอย่างสิ

ซูเฉิงมองมาที่เธอ และตอบรับอย่างรวดเร็ว “คุณเฉียวสั่งมา ได้เลยครับ”

เฉียวฉียิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นหรอก ฉันแค่ อยากให้คุณเข้ามาช่วยดูหน่อยว่ากระโปรงตัวนี้ดูดีไหม”

“ฮะ?”

ในชีวิตของซูเฉิงไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าวันหนึ่งเดียว จะขอ ให้เขาช่วย

เฉียวฉีตกตะลึงเมื่อเห็นเขา และเลิกคิ้วขึ้น “ทำไม ไม่เต็มใจเห

รอ?”

ซูเฉิงเขินอายไม่ไหวแล้ว ยังทำตัวไม่ถูก และไม่รู้จะตอบว่า อย่างไร

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดออกมาอย่างลังเล “เปล่าครับ แค่…คือว่า ผม…”

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรเอามือทั้งสองข้างของตัวเองไปวางไว้ ตรงไหน หลังจากผ่านไปนาน ถึงจะพูดออกมาได้เต็มประโยค

“คุณเฉียวครับ คือว่าผมเป็นคนหยาบกระด้าง จึงดูเสื้อผ้าผู้หญิงไม่เป็น เพราะอย่างนั้นเรื่องนี้ เรื่องนี้ผมอาจจะช่วยคุณไม่ ได้”

เฉียวฉียิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก คุณก็แค่พูดความจริง ตามที่เห็นก็พอแล้ว บางครั้งวิสัยทัศน์ของผู้หญิงก็เกินจะนับ ก็ ต้องให้พวกผู้ชายอย่างคุณนี่แหละช่วยดูถึงจะรู้ว่าความจริงแล้ว ดูดีแล้วหรือยัง”

คำพูดของเธอ ทำให้หัวใจของซูเฉิงเต้นแรงมากยิ่งขึ้น แต่ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ ในหัวของเขาก็ปรากฏภาพใบหน้าที่ เคร่งขรึมและน่าเกรงขามของกู้ซื้อเนียนขึ้นมา

เมื่อคิดดังนั้นก็สั่นสะท้าน จนอยากจะหาข้ออ้างปฏิเสธเธอ แต่ เฉียว หมดความอดทน และดึงเขาเข้าไปเสียก่อน

“เอาล่ะ พ่อหนุ่ม แค่ให้มาช่วยดูกระโปรงตัวเดียวก็ยังใจเสาะ

ฉันไม่กินคุณหรอกน่า

พูดจบ เธอก็ดึงเขาเข้าไปในร้าน

ซูเฉิง”.….”

คุณชาย คุณชายครับ นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของผมจริงๆ ผมไม่ ได้คิดอะไรเลย และไม่กล้าทำอะไรด้วย ทั้งหมดนี่คุณเฉียวบังคับ ให้ผมทํานะครับ

เมื่อกลับไปคุณต้องไม่ดึงผมนะครับ และคุณต้องไม่ตำหนิผมนะ
ซูเฉิงสวดภาวนาเงียบๆ ในใจ เขาไม่รู้ว่า ที่เฉียวขอให้เขา ช่วยดู ความจริงแล้วคือกระโปรงที่เสี่ยวเยวสวมอยู่ต่างหาก

ในเวลานี้ ภายในห้องลองเสื้อ

เสี่ยวเยวนั่งอยู่ที่นั่น ชุดที่เธอควรจะลองสวมในเวลานี้ แต่กลับ แขวนอยู่ด้านข้าง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ