วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 877 ไม่ใจอ่อน



บทที่ 877 ไม่ใจอ่อน

เธอเลยพูดติดตลกว่า ” ถ้าคุณหาพี่เขยให้ฉันได้ จะกี่อย่าง ให้ได้”

พอเธอพูดออกไปแบบนี้ ใบหน้าของเสี่ยวเยวก็แดงขึ้นอีกครั้ง

จากนั้นจึงเหลือบมองซูเฉิงที่ตามหลังมาไกลๆ อย่าง ระมัดระวัง และจ้องมองเธออย่างโกรธเคือง “พี่เฉียวเฉียว!”

เฉียวฉีหัวเราะร่า

อันที่จริง ที่ออกมาข้างนอกคราวนี้ ไม่เพียงเพื่อพาเสียวเยวมา ซื้อของเท่านั้น แต่เธอยังมีของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นต้องซื้อด้วย เหมือนกัน

ภายในปราสาทนั้นดูแลดีมาก ลุงโอก็ดูแลเธออย่างดีไม่ขาด ตกบกพร่อง แต่ถึงเขาจะรอบคอบเพียงใด แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ เป็นผู้ชายอยู่ดี

เฉียวเป็นผู้หญิง ก็ต้องมีของใช้จำเป็นบางอย่างที่ผู้หญิงต้อง ใช้เป็นการส่วนตัว แม้ว่าเธอจะเตรียมมันติดห้องไว้แล้วก็ตาม แต่เมื่อใช้หมด เธอก็ละอายใจที่จะพูดกับลุงโอ ไม่กล้าบอกให้ เขาจัดการให้

ดังนั้น เลยใช้ประโยชน์จากการที่ได้ออกมาวันนี้ มาซื้อเพิ่ม ด้วยตัวเอง
บทที่ 877 ไม่ใจอ่อน

เธอเลยพูดติดตลกว่า ” ถ้าคุณหาพี่เขยให้ฉันได้ จะกี่อย่าง ให้ได้”

พอเธอพูดออกไปแบบนี้ ใบหน้าของเสี่ยวเยวก็แดงขึ้นอีกครั้ง

จากนั้นจึงเหลือบมองซูเฉิงที่ตามหลังมาไกลๆ อย่าง ระมัดระวัง และจ้องมองเธออย่างโกรธเคือง “พี่เฉียวเฉียว!”

เฉียวฉีหัวเราะร่า

อันที่จริง ที่ออกมาข้างนอกคราวนี้ ไม่เพียงเพื่อพาเสียวเยวมา ซื้อของเท่านั้น แต่เธอยังมีของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นต้องซื้อด้วย เหมือนกัน

ภายในปราสาทนั้นดูแลดีมาก ลุงโอก็ดูแลเธออย่างดีไม่ขาด ตกบกพร่อง แต่ถึงเขาจะรอบคอบเพียงใด แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ เป็นผู้ชายอยู่ดี

เฉียวเป็นผู้หญิง ก็ต้องมีของใช้จำเป็นบางอย่างที่ผู้หญิงต้อง ใช้เป็นการส่วนตัว แม้ว่าเธอจะเตรียมมันติดห้องไว้แล้วก็ตาม แต่เมื่อใช้หมด เธอก็ละอายใจที่จะพูดกับลุงโอ ไม่กล้าบอกให้ เขาจัดการให้

ดังนั้น เลยใช้ประโยชน์จากการที่ได้ออกมาวันนี้ มาซื้อเพิ่ม ด้วยตัวเอง
เมื่อเข้ามาในห้างแรกๆ เสี่ยวเยวยังไม่อยากปล่อยมือเธอ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความไม่คุ้นเคยด้วย เธอจึงเหมือนยับยั้ง ชั่งใจตัวเองไว้อยู่

อีกอย่าง ไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตาของเฉียวฉีเองหรือเปล่า เฉียว รู้สึกมาโดยตลอดว่า แม้ว่าเธอจะแสดงออกมาว่ากำลังมี ความสุขมาก แต่ความจริงแล้วก็มีบางอย่างอยู่ในใจ

อย่างไรก็ตาม หล่อนไม่ได้พูดออกมา เธอจึงไม่อยากถามอะไร มาก

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนล้วนมีสิทธิ์ในความเป็นส่วนตัว แม้ว่าเธอจะถือว่าเสี่ยวเยว่เป็นเพื่อน แต่เธอก็ไม่เคยคิดที่จะ ก้าวก่ายชีวิตของหล่อนมากเกินไป

ทั้งสองไปร้านขายเครื่องประดับที่ตั้งอยู่ที่ชั้นหนึ่งก่อน

เฉียวไม่ได้สนใจเครื่องประดับมากนัก และที่เธอใส่ประจำ ก็ จะเป็นสไตล์เรียบง่ายเพียงไม่กี่แบบ

เนื่องจากที่ผ่านมาเธอต้องทำงาน ใช้กำลัง เพราะอย่างนั้น เครื่องประดับที่ใหญ่เกินไปจะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว ของเธอ แถมยังจะดึงดูดความสนใจของผู้คนอีกต่างหาก ซึ่งไม่ สะดวกต่อการใช้ชีวิตและการเคลื่อนไหวตามปกติของเธอเอา เสียเลย

ดังนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอจึงได้ปลูกฝังมาตรฐานความ งามอันเรียบง่ายและไม่เป็นจุดสนใจของตัวเองขึ้นมา
และตอนนี้ถึงจะได้รับเชิญไปร่วมงานในโอกาสที่เป็นทางการ ที่สำคัญๆ เธอก็ไม่ค่อยได้ใส่เครื่องประดับชิ้นใหญ่เท่าไหร่ แต่ในเมื่อมาแล้ว ก็ต้องเดินดูสักหน่อย

คิดได้ดังนั้น เฉียว จึงลากเสี่ยวเยว่เดินดูตั้งแต่เคาน์เตอร์แรก และค่อยๆ ไล่ไปทีละเคาน์เตอร์

แม้ว่าทุกคนจะไม่รู้จักเธอ แต่เมื่อเห็นบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลัง เธอ เอิกเกริกขนาดนี้ พวกเขาก็รู้ว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่

พวกเขาจึงยิ่งเอาอกเอาใจเธอมากขึ้น

ทั้งสองคนเดินดูอยู่พักหนึ่ง เฉียวก็เห็นกำไลข้อมือหินโมราสี แดงเส้นหนึ่ง ซึ่งฝีมือในการทำกำไลข้อมือเส้นนี้กระชับเรียบง่าย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เธอนึกถึงเข็มเงินที่เธอค้นคว้าครั้งล่าสุด ได้ และนี่น่าจะใส่เข้าไปข้างในได้พอดี

หลังจากซื้อกําไลข้อมือแล้ว ทั้งสองก็ขึ้นไปที่ชั้นสอง

มีเสื้อผ้าแฟชั่นบางส่วนบนชั้นสอง

เสื้อผ้าแฟชั่นเหล่านี้ ทั้งหมดเป็นแบรนด์ชั้นนำที่มีชื่อเสียง ระดับโลก เฉียวฉพาเสี่ยวเยว่ไปเดินดูแล้วรอบหนึ่ง แต่ก็ไม่พบ อะไรที่เธอชอบ

เสี่ยวเยวมักจะกระตือรือร้นที่อยากรู้อยากลองอยู่เสมอ แต่ เพราะเธอไม่เคยชินกับมัน แถมยังก็ขี้อายอีก ในที่สุดก็ไม่กล้าที่ จะพูดออกมา
เฉียวฉีดออก และเธอก็ไม่ได้รีบร้อน

สําหรับบางอย่าง บางคนบอกว่ามันง่ายที่จะทำลายกำแพงใน ใจของผู้คน แต่ก็ไม่เท่ากับปล่อยให้เขาทำตามขั้นตอนนั้นด้วย ตัวเอง

เธอถือว่าเสี่ยวเยว่เป็นคนที่อยู่ในความดูแลของเธอจริงๆ ดัง นั้นเธอจึงตั้งใจจะเปลี่ยนหล่อน

หลังจากเดินดูทั่วทั้งชั้นสองแล้ว แต่ก็ยังไม่พบของที่ชอบ คน กลุ่มนี้ก็เลยขึ้นไปที่ชั้นสาม

ที่ชั้นสามก็มีเสื้อผ้าแฟชั่นขายเช่นกัน

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวจากชั้นสองคือ ชั้นสองเต็มไป ด้วยร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมแถวหน้า แต่ชั้นสามทั้งชั้นกลับเต็มไป ด้วยห้องเสื้อของแบรนด์ระดับโลก

ในร้านยังมีเสื้อผ้าสำเร็จรูปอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็น รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ที่มีเพียงชิ้นเดียวหรือเพียงไม่กี่ชิ้นในโลก

หลังจากที่ทั้งสองเลือกร้านและเข้าไปเรียบร้อยแล้ว เฉียวฉีก ขอให้พวกเขานำเสื้อผ้ารุ่นที่ออกแบบใหม่ ออกมาให้เธอดู

คนเหล่านั้นไม่รอช้า และหยิบอัลบั้มภาพออกมาให้เธอดู

พลางแนะนำให้เธอฟัง

เฉียวมองดูเสื้อผ้ารุ่นใหม่ที่มีสีสันพวกนั้นในอัลบัม และฟัง อย่างตั้งใจ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว แทบไม่มีตัวไหนเข้าตาเธอเลย

จนเมื่อเปิดไปถึงหน้าสุดท้าย เธอก็หยุด

พนักงานขายยิ้มและแนะนำต่อ “กระโปรงตัวนี้ก็เป็นรุ่นใหม่ที่ เราเพิ่งเปิดตัวในฤดูร้อนนี้เช่นกันค่ะ เป็นคอลเลคชั่นลิมิเต็ดระ ดับไฮเอนด์ ซึ่งมีเพียงห้าตัวในโลก และตัวเดียวในเอเชีย ตัว กระโปรงนั้นได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากใบไม้ และสีเขียวมิ้นต์นั้นเป็นสีที่ดูสบายตาให้ความรู้สึกสดชื่นและ สว่างสดใส เพื่อให้สอดคล้องกับความรู้สึกของการออกแบบนี้ พอดี และเมื่อสวมใส่แล้วจะทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกถึงสายลมเย็นๆ พัดพาชวนให้สดชื่น ”

เฉียวเงยหน้ามองเสี่ยวเยว่

ต้องบอกว่า ความจริงแล้วเสี่ยวเยว่ไม่ใช่คนที่สวยจนต้องตก ตะลึง แต่เธอสามารถเอาชนะได้ด้วยใบหน้าที่สวยสดงดงาม เธอ เป็นสาวงามในวัยแรกแย้มที่กำลังมีความรักโดยแท้จริงเลย

เธออดยิ้มไม่ได้

เด็กสาวที่กำลังอยู่ในภวังค์แห่งความรักนะ ก็ต้องแต่งตัวให้ สวยขึ้นอีกหน่อย ถึงจะดึงดูดความสนใจของคนที่ตัวเองชอบ เธอเลยชี้ไปที่กระโปรงในอัลบั้มรูป แล้วถามว่า “มีของไหม คะ?”

พนักงานขายยิ้มและตอบว่า “มีค่ะ คุณมาถูกจังหวะพอดีเลย ค่ะ ร้านเดียวในเอเชียที่มีกระโปรงตัวนั้นก็คือร้านของเราเองค่ะยังไม่มีใครเคยลองสวมด้วยนะคะ เดี๋ยวฉันจะไปหยิบมาให้คุณ

“ดีเลย รบกวนด้วยนะคะ”

พนักงานขายยิ้มและเดินออกไป

เสี่ยวเยวมองไปที่กระโปรงตัวนั้น ในอัลบั้มภาพ ดวงตาของ เธอเป็นประกาย

แล้วพูดชื่นชม “กระโปรงตัวนี้สวยจริงๆ เลยนะคะ”

เฉียวฉีกล่าวว่า “เธอก็คิดว่ามันดูดีใช่ไหม?”

“ค่ะ”เธอพยักหน้าอย่างหนักแน่น

“งั้นถ้าได้มาแล้ว เธอก็เอาไปลองดูสิ”

“ฮะ?” เสี่ยวเยว่ตกตะลึง

ทันทีหลังจากนั้น เธอก็โบกมือปฏิเสธ “ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? เธอเป็นคนสวยขนาดนี้ ซ้ำยังไร้เดียงสา และสดใส เข้ากับสไตล์ของกระโปรงตัวนี้พอดี ฉันว่าเธอต้องดูดี มากแน่ๆ เมื่อสวมมัน

สายตาของเสี่ยวเยวแอบเหลือบมองที่ตัวเลขราคาที่แขวนอยู่ บนอัลบั้มภาพ และนับในใจอย่างเงียบๆ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก… หกหลัก

นี่มันต้องใช้เงินเดือนที่เงินเดือนของเธอกันเนี่ย?
ทั้งชีวิตเธอก็คงซื้อไม่ได้หรอก

เฉียว สังเกตเห็นการสายตาของเธอ จึงใช้นิ้วปิดป้ายราคาไว้ และยิ้มอย่างนุ่มนวล “ไม่เป็นไรหรอก ไปลองดูเถอะ กระโปรงที่ แพงที่สุดและดีที่สุดก็ทำมาให้คนใส่ ถ้ามันเหมาะกับเราก็ซื้อ แต่ ถ้าไม่เหมาะก็ค่อยว่ากันอีกทีก็ได้”

เสี่ยวเยว่กัดริมฝีปากของเธอ

หลังจากดื้อดึงอยู่พักหนึ่ง เธอก็ไม่สามารถต้านทานการ ยั่วยวนของกระโปรงตัวนั้นได้ และพยักหน้ายอมรับ

ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น

เธอหยิบมันออกมาดู สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้น ก็พูดกับเฉียวว่า “พี่เฉียวเฉียว ที่บ้านฉันโทรมา ฉันขอตัวออก ไปรับโทรศัพท์ที่บ้านสักครู่นะคะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ