บทที่ 871 ผู้มีอิทธิพลที่มีอำนาจปกครองเขตใดเขตหนึ่ง
เขาเงียบไป เฉียวเองก็เงียบเช่นกัน
ผ่านไปสักพัก ก็พูดเยาะเย้ยขึ้นมา “ถ้างั้นเรื่องชาวนากับงูเห่า ก็ไม่ใช่ไม่สมเหตุสมผลไปซะทีเดียวน่ะสิ”
กู้ชื่อเฉียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งเบาๆ
“ก็อาจจะ”
เฉียวถามขึ้นมาอีก “อีกฝ่ายมีใครบ้าง?”
กู้ซือเฉียนขมวดคิ้ว
“เราได้ทรมานเขาไปแล้ว แต่เขาก็ยังบอกว่าไม่รู้”
เฉียวฉีขมวดคิ้ว
กู้ซือเจียนอธิบายว่า “อีกฝ่ายติดต่อเขาทางอีเมล ฉันได้ส่งคน ไปติดตามที่อยู่ไอพีของอีเมลแล้ว แต่ก็ไม่พบ พวกนั้นน่าจะ เตรียมการมาเป็นอย่างดี เขาไม่รู้จักตัวตนของอีกฝ่าย เขารู้เพียง ว่า อีกฝ่ายให้เงินเขาเป็นจำนวนมาก และอาจจะให้ตำแหน่งที่สูง ขึ้นแก่เขาด้วย”
“บางทีอาจจะเป็นเรื่องการเลื่อนตำแหน่งก็ได้นะ ถ้างั้นการที่ เขารับปากก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร การเป็นบอดี้การ์ด ตำแหน่งต่ำต้อยที่นี่ จะไปเทียบกับการเป็นหัวหน้าใหญ่ หรือการ เป็นผู้มีอิทธิพลที่มีอำนาจปกครองเขตใดเขตหนึ่งได้อย่างไร?”
เดียว เมื่อได้ยินดังนั้น ก็เย้ยหยันออกมา
“ผู้มีอิทธิพลที่มีอำนาจปกครองเขตใดเขตหนึ่ง? เขาสมควรได้ รับมันด้วยเหรอ? เพียงเพราะอีเมลฉบับเดียวจากคนอื่น ตัวเอง ถึงกับต้องทรยศผู้มีพระคุณ นอกจากจะเป็นตัวปัญหาแล้ว สมอง ก็ยังใช้การไม่ได้อีก ประสบความสำเร็จได้ก็แปลกแล้ว”
กู้ซื้อเฉียนไม่ได้แสดงความคิดเห็นในสิ่งที่เธอพูด
จากนั้นทั้งสองก็เงียบลงอีกครั้ง
ครู่หนึ่ง ถึงได้ยินเฉียว พูดออกมาว่า “เพราะงั้น เบาะแสนี้ก็ ตกไปอีกแล้วเหรอ?”
กู้ซือเฉียนพยักหน้า
“ก็คงต้องอย่างนั้น ขนาดฉินเยวที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการ ทรมานและเค้นคำสารภาพ แม้กระทั่งเขายังไม่สามารถและอะไร ออกจากปากของคนคนนั้นได้เลย เห็นได้ชัดว่าทำอะไรไม่ได้ แล้ว”
เฉียว ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
ความรู้สึกอ่อนแอ และความรู้สึกเจ็บใจนั้นล้นทะลักเข้ามาใน
ใจอีกครั้ง
นี่มันกี่ครั้งแล้ว?
อีกฝ่ายยื่นมือมาขัดขวางระหว่างพวกเขา ทำให้เธอและกู้ซื้อ เฉียนได้รับบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ตัวเธอเองไม่สามารถแตะต้องแม้เพียงเส้นขนของพวกมัน หรือแม้กระทั่งรู้ถึงตัวตนของอีก ฝ่ายหนึ่งได้
ในใจของเฉียว มีความหงุดหงิดที่อธิบายไม่ได้
อารมณ์ของกู้ซือเฉียนก็ไม่ได้ดีมากนัก แต่เมื่อเทียบกับเฉียวฉี ดูแล้วเขาใจกว้างกว่าเธอหน่อย
เรื่องนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเวลาล่วงเลยไปหลายปี แต่ ตั้งแต่เมื่อสี่ปีที่แล้วที่เขาสังเกตพบสิ่งผิดปกติ ดังนั้นความอดทน ที่ควรมี จึงถูกฝึกฝนอย่างหนักหน่วงมาตลอดภายในระยะเวลาสี่ ปีนี้
ดังนั้น เขาจึงไม่มีความกังวลเลยแม้แต่นิดเดียว ว่าจะไม่ สามารถค้นหาตัวตนของอีกฝ่ายเจอได้
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
แต่คำพูดเหล่านี้ เขาไม่ได้พูดกับเฉียวฉี
เพราะเขาบอกเธอไม่ได้ว่า เขารู้ตั้งแต่สี่ปีก่อนแล้วว่า มีมือสี ที่มองไม่เห็นอยู่เบื้องหลัง
เฉียวฉีก็ไม่ได้ถามเขาเช่นกัน หลังจากส่งเธอกลับไปที่ห้อง แล้ว เขาก็บอกให้เธอรีบเข้านอน จากนั้นก็ออกมา
วันถัดมา
ขณะที่เฉียว กำลังจะไปหาซื้อเนียน ไม่ไกลนั้นเธอบังเอิญ เห็นเสี่ยวเยว่ กำลังพูดคุยอยู่กับคนที่แต่งตัวเป็นบอดี้การ์ด
เมื่อพูดกันตามเหตุผลแล้ว เสี่ยวเยว่เป็นคนรับใช้ที่ดูแลเธอ ภายในปราสาท ซึ่งปกติแล้วไม่ควรมีการติดต่อกับบอดี้การ์ด จากภายนอกมากนัก
พวกเขามาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร?
เฉียวฉีจึงเดินเข้าไปหาด้วยความสงสัย
อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายมีสายตาที่เฉียบแหลม เขาสามารถมอง เห็นเธอได้อย่างรวดเร็ว และหยุดการสนทนาทันที
จากนั้นถอยหลังหนึ่งก้าว แล้วกล่าวด้วยความเคารพ “คุณ เฉียว”
เฉียวฉีเหลือบมองเขา
เมื่อเข้าไปใกล้ก็พบว่า ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นบอดี้การ์ดใน ปราสาท แต่เขาก็ดูไม่เหมือนคนที่มีพละกำลังเลย
บุคคลนั้นดูสง่างามมีการศึกษา ผิวก็ขาวเกลี้ยงเกลาราวกับ ปัญญาชน
เธอยิ้ม และถามเสี่ยวเยว่ “นี่ใครเหรอ?”
สีหน้าของเสี่ยวเยวแดงระเรื่อ และพูดอย่างเขินอาย “พี่เฉียว เฉียว เขาชื่อซูเฉิงเป็นบอดี้การ์ดในปราสาทของเรา เนื่องจาก คุณชายได้รับบาดเจ็บเมื่อเร็วๆ นี้ เขาจึงถูกย้ายมาที่วงในเพื่อ ปกป้องอาคารหลักที่นี่ค่ะ ”
เฉียวฉพยักหน้า และส่งเสียง “โอ้” แสดงความเข้าใจ
จากนั้น สายตาของเธอกวาดผ่านใบหน้าที่ดูประหม่าของทั้ง สองคน ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจบางอย่าง
นัยน์ตาแสดงความสนใจจายออกมาแวบหนึ่ง และหัวเราะ เบาๆ “ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีการควบคุมความปลอดภัยอย่างเข้ม งวด อาจจะล่าบากหน่อยนะ รบกวนคุณด้วยนะคะ”
ซูเฉิงรู้สึกปลื้มปีติ
เขารีบโค้งคำนับอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ไม่ลําบากเลยครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
เฉียวฉียิ้ม ไม่พูดอะไร แล้วบอกให้เสียวเยวมากับเธอ เธอลองสังเกต ขณะที่เสี่ยวเยวออกมา เธอจึงจงใจมองย้อน กลับไปที่ซูเฉิง
เฮ้ นี่มันเด็กสาวคลั่งรักนี่นา…
แม้ว่าเฉียวมักจะดูเย็นชา และดูเหมือนจะไม่สนใจทุกอย่าง มากนัก แต่อันที่จริง เธอเองก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง
เช่นเดียวกับคนทั่วไป เธอก็มีความชอบเรื่องซุบซิบ และมี ความอยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน ในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ ที่งดงามเหล่านั้น เธอก็มีใจอยากจะอวยพรให้พวกเขา
และในช่วงเวลานี้สำหรับเสี่ยวเยว่ หล่อนคือคนรู้จักใหม่ที่ ค่อนข้างสนิทเพียงคนเดียวที่อยู่รอบตัวเธอ หากอีกฝ่ายสามารถ พบสิ่งที่ตัวเองรักได้จริงๆ และฝ่ายนั้นก็ไว้ใจได้ เธอก็ยินดีกับมัน
เมื่อคิดมาถึงตอนนี้ เธอก็อดคิดไม่ได้อีกว่า หากมีโอกาสอีก วัน เธอต้องเรียกลุงโอมาซะแล้ว เพื่อที่จะได้ตรวจสอบที่มาที่ไป และภูมิหลังของซูเฉิงสักหน่อย
แม้ว่าจะพูดอย่างนั้น แต่คนที่สามารถถูกกู้ซื้อเฉียนย้ายมาที่ อาคารหลักได้ จะต้องไม่ใช่คนเลวอย่างแน่นอน
แต่จะเป็นการดีกว่าที่จะตรวจสอบสักหน่อย จะได้รู้สึกสบายใจ
มากขึ้น
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มุมปากของเธอก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมา
ในไม่ช้า พวกเธอก็มาถึงห้องของกู้ซื้อเฉียน
เสี่ยวเยว่ไม่ได้เข้าไป แต่รออยู่ข้างนอกกับสาวใช้อีกสองสาม คน หรือก็คือคุยเล่นกับพวกหล่อนบ้าง ช่วยพวกหล่อนทำงาน บ้าง รอดูเผื่อว่าเฉียวนี้ต้องการอะไร จะได้เข้าไปได้ทันท่วงที
ในห้องนอน กู้ซือเฉียนกำลังนั่งพิงหัวเตียงและอ่านหนังสืออยู่
เขาไม่ได้สวมเสื้อเชิ้ต ร่างกายท่อนบนของเขาถูกพันด้วยผ้า พันแผล และดูจากที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่แบบนั้นนั้น ดูเหมือนว่าคน ป่วยจะรักษาบาดแผลของตัวเองอย่างเชื่อฟัง
เป็นเรื่องยากสำหรับเฉียวที่จะเห็นเขามีพฤติกรรมเช่นนี้ เธอ เดินไปหาเขาด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้คุณอาการเป็นยังไงบ้าง?
กู้ซือเฉียนเงยหน้าขึ้นมองเธอ และพูดว่า “ยังไม่ตาย”
“หึ ถ้าอีกฝ่ายรู้เข้า คงเสียดายนะ”
การหยอกล้อของเธอ ทำให้ซื้อเฉียนจ้องมอง
ด้วยความรู้สึกที่เฉียบแหลมของเขา วันนี้เฉียว ดูเหมือนว่า จะอารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อวานเยอะเลย
เขาวางหนังสือในมือลง แล้วตบลงที่ขอบเตียง
“มานี่สิ”
เฉียวเลิกคิ้วขึ้น “ทำไม?”
“เรียกให้มาก็มาเถอะ”
น้ำเสียงของชายคนนั้น ทำให้เธอไม่พอใจเล็กน้อย แต่เมื่อคิด ดูแล้ว ตอนนี้เขาก็เป็นคนป่วย แล้วทำไมเธอเองถึงต้องโกรธคน ปวยด้วยล่ะ?
ดังนั้น เธอจึงพ่นลมออกมาทางจมูกเบาๆ โดยไม่ได้พูดอะไร
แล้วเดินเข้าไปหาเขา
มีรอยยิ้มเกิดขึ้นในแววตาของกู้ซื้อเฉียน เขากล่าวว่า “มีข่าวดี
และข่าวร้าย คุณอยากได้ยินเรื่องไหนก่อน?”
เฉียวฉีตกตะลึง และหันไปมองเขา
สายตาของเขามีพิรุธเล็กน้อย
เพียงครู่เดียว เธอก็เลือกข่าวร้ายโดยไม่ลังเล
กู้ซือเฉียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม “สายลับที่ถูกจับก่อนหน้านี้เสียชีวิตแล้วตอนเที่ยงคืนของเมื่อวาน
เฉียว ตก ใจ ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
“ตายแล้วเหรอ? ตายได้ยังไง?”
“กลางดึกฉันได้เอาลูกบอลผ้าที่ยัดเข้าไปในปากเขาออก ปรากฏว่าเขาฆ่าตัวตาย โดยการกัดลิ้นตัวเองไปแล้ว
เฉียวฉีตก ใจมาก!
เธอไม่คิดเลยว่า สุดท้ายมันจะกลายเป็นแบบนี้
ใบหน้าเธอเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า และพูดอย่างเคร่งขรึม “แล้วข่าวดีล่ะ?”
สีหน้าของกู้ซื้อเฉียนผ่อนคลาย เขายิ้มพร้อมเอ่ยว่า “เราพบ อะไรบางอย่างในตัวเขา “
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ