วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 852 สารภาพรักต่อเธอ



บทที่ 852 สารภาพรักต่อเธอ

เพียงครู่เดียว โทรศัพท์มือถือของเดียวก็ดังขึ้นอีกครั้ง พอเปิดดู หน้าจอก็ปรากฏเป็นข้อความอีกอัน

เธอขมวดคิ้ว ตอนแรกก็ไม่อยากจะสนใจ แต่สุดท้ายเธอก็ทน สายตาแวววาวของชายหนุ่มข้าง ๆ ไม่ไหว เลยทำได้แค่หยิบ โทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง

“ผมผิดไปแล้ว”

เธอชะงักไปชั่วครู่

จากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม

เธอหันไปมองชายหนุ่ม ก่อนจะเห็นว่าเขากำลังมองมาทางเธอ อย่างเคร่งขรึม นัยน์ตาที่ปกติแลดูเย็นชาและเฉยเมย วินาทีนี้ถูก เขาเก็บซ่อนไว้จนหมด เหลือเพียงนัยน์ตาที่จ้องมองเธออย่าง ออดอ้อนและน่าสงสาร แวววาวราวกับลูกสุนัขตัวน้อยก็ไม่ปาน

หัวใจของเฉียวฉีกระตุก

รู้สึกแปลกประหลาดราวกับถูกขนนกเส้นหนึ่งพัดผ่านไปอย่าง แผ่วเบา ทำให้หัวใจเธอคันยุบยิบเล็กน้อย

เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชายหนุ่มหมายถึงอะไร หรือเขาแค่ ต้องการจะแกล้งทำตัวน่าสงสารต่อหน้าเธองั้นเหรอ?

เหอะ เธอไม่มีทางหลงกลอะไรแบบนี้หรอกนะ
พอคิดได้ดังนี้เฉียว ก็เก็บโทรศัพท์กลับไปเหมือนเดิม ตั้งใจ ทำเป็นมองไม่เห็นอีกครั้ง

พอกู้ซื้อเฉียนเห็นว่าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล คิดไปคิดมา ทันใดนั้น เขาก็หยิบเอาไม้จิ้มฟันที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วก็ค่อย ๆ เรียงไม้ จิ้มฟันตรงหน้าตัวเองทีละนิด

เพราะคนอื่น ๆ มัวแต่สนใจหลินซงกับจิงจิง อยู่ เลยไม่มีใคร สังเกตเห็นท่าทีที่ผิดปกติของเขา

ถึงอย่างไรทุกคนก็รู้จักเขากันหมด แถมยังรู้ดีด้วยว่าบุคลิก เขาเป็นคนยังไง งานแบบนี้แค่ตัวเขามาร่วมด้วยก็ถือว่าเกิน พอแล้ว ถ้าหวังจะให้เข้าไปร่วมวงสนทนาด้วยแบบนั้นคงจะเป็น ไปไม่ได้

ดังนั้น จึงไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แต่เฉียวฉีสังเกตเห็นแล้ว

เพียงแค่เพราะเธอเห็นแก่หน้าเขา จึงไม่ได้จ้องมองแบบจริงจัง เท่าไร เธอทำเพียงแค่เหลือบมองเป็นระยะเท่านั้น

ก่อนจะเห็นว่าเขาไม่ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความ แต่ กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาวางไม้จิ้มฟัน เธอเลยนึกว่าเขากำลังเล่น มันอยู่

ในใจจึงแอบยิ้มออกมาเบา ๆ ผู้ชายคนนี้ยิ่งโตแต่กลับยิ่งเด็ก ลง นึกไม่ถึงเลยว่าจะยังเล่นไม้จิ้มฟันอยู่ คิดว่าตัวเองเป็นเด็ก สามขวบ ไงนะ?
ถึงอย่างนั้นเธอก็เหนื่อยเกินกว่าที่จะสนใจเขา ถ้าเขาอยากจะ เล่นก็ปล่อยให้เขาเล่นไป ขอแค่ไม่มาก่อความวุ่นวายให้ตัวเธอ เธอจะต้องแคร์อะไรอีก?

เฉียวฉีคิดได้ดังนี้ ก็ไม่ได้สนใจเขาต่อ พลางปล่อยเขาไป แต่ทว่า ผ่านไปสักพัก เธอก็รู้สึกว่ามีใครบางคนมาสะกิดเบา

ๆ ที่ข้อศอก

เธอขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับจ้องเขม็งไปที่ชาย หนุ่มอย่างเหลืออด พยายามเตือนเขาด้วยสายตาว่าอย่ามายุ่ง กับเธออีก

คาดไม่ถึง ชายหนุ่มไม่ได้ทำอะไรเธอต่อ เขาเพียงแค่ชี้นิ้วไป ยังไม้จิ้มฟันบนโต๊ะตรงหน้า เป็นท่าทางบอกให้เธอมองดู

เฉียว มองตาม ทันใดนั้นตัวของเธอก็แข็งทื่อขึ้นมาทันที

บนโต๊ะปรากฏรูปไม้จิ้มฟันที่เขาจัดวางเป็นตัวอักษรภาษา อังกฤษเอาไว้ว่า G LOVE Q

คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่า G LOVE Q หมายถึงอะไร แต่เธอจะไม่รู้ ได้ยังไง?

G ก็คือกู้ซือเฉียน Q ก็คือเฉียว?

ผู้ชายคนนี้….

ในใจของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ ราวกับเป็นลูกโป่งลูก หนึ่ง ที่ในวินาทีนั้นถูกเข็มเจาะจนเหี่ยวเฉาลงมากับตา
ตอนนี้เธอทั้งโกรธและตลกไปพร้อมกัน

กู้ซื้อเฉียนไม่เพียงแต่จะทำให้เธอยิ้มกว้างออกมาได้เท่านั้น แต่เขายังทำให้เฉียวโมโหจนอย่างจะยื่นมือออกไปทุบเขาอีก ด้วย

อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะสถานการณ์ที่ไม่อำนวย แถมยังมีคน อยู่เยอะ เธอเลยต้องข่มอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านเอาไว้

ก่อนจะทำเพียงแค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความเบา ๆ

“อย่าทำอะไรที่มันไร้ประโยชน์เลย ต่อให้คุณจะพยายามมาก ขนาดไหนฉันก็ไม่มีทางตอบตกลงหรอก เพราะฉะนั้นถอดใจไป เสียเถอะ!”

พิมพ์เสร็จเธอก็กดส่ง

ครู่เดียวเสียงโทรศัพท์ของกู้ซื้อเฉียนก็ดังขึ้น เขารีบหยิบออก มาเปิดดูทันที

ถึงแม้ว่าเฉียวฉีจะกดส่งข้อความออกไปแล้ว แต่หางตาของ เธอก็ยังคอยสังเกตสีหน้าของเขาอยู่ตลอด

เธอเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม ตั้งแต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่าง อารมณ์ดี จนถึงตอนที่เขาเห็นเนื้อหาของข้อความ นัยน์ตาคู่นั้น ค่อย ๆ หม่นแสงลง ไม่รู้ทำไม แต่อยู่ ๆ ในใจเธอก็รู้สึกเหมือน กับรับไม่ได้ขึ้นมา

เฉียวมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อความรู้สึกนั้นทันที
เธอกำลังทําอะไรนะ?

ตอนนี้เธอรู้สึกเห็นใจผู้ชายคนนี้งั้นเหรอ?

เหอะ น่าขำชะมัด เขาน่ะเหรอต้องการความเห็นใจ

ตอนนี้ผู้ชายคนนี้กำลังใช้แผนทำตัวน่าสงสารกับเธออยู่ ถ้า เธอหลงกลเขาไปจริง ๆ ทั้งเห็นใจเขา ให้อภัยเขา เธอก็คงได้ กลายเป็นคนที่โง่ที่สุดจริง ๆ แน่

พอคิดมาถึงจุดนี้เฉียวฉีก็เก็บโทรศัพท์แล้วก็ไม่สนใจเขาอีก

อาจเป็นเพราะว่าโดนปฏิเสธซ้ำอีกครั้ง ทำให้หัวใจของชาย หนุ่มนั้นเสียความรู้สึกไปไม่มากก็น้อย เพราะงั้น ในเวลาต่อมา ซือเฉียนก็เลยไม่ได้ก่อกวนอะไรหญิงสาวอีกเลย

หลังจากที่ทานอาหารกลางวันเสร็จ ช่วงบ่าย ทุกคนก็พากัน เซ้าซี้ว่าอยากให้ไปร้องเพลงด้วยกันต่อ

หลินซงก็มีความกระตือรือร้นอยากจะไปเหมือนกัน แต่ติดตรง ที่ยังมี จิงจิงอยู่ด้วย ถ้าตอบตกลงไปเลยก็อาจจะดูไม่ดี เพราะงั้น เขาเลยต้องถามความคิดเห็นเธอก่อน

คาดไม่ถึงว่าจิงจิง เองก็เป็นคนใจกว้างใช่ย่อย เธอสะบัดผม พร้อมกับตอบว่า “ไปสิ ทำไมจะไม่ไป? วันนี้วันเกิดพี่ไม่ใช่เหรอ? ถ้าไม่ฉลองกันตอนนี้จะรอไปจนถึงครั้งหน้ารึไง?”

หลินซงได้ยินแบบนั้น ก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขทันที พร้อมกับตอบรับเธออย่างรีบร้อนเลยว่า “ตกลง งั้นเดี๋ยวทางพีจัดการเอง”

ท่าทางราวกับสุนัขที่คอยวิ่งรับเจ้านายแบบนี้ ทำให้เพื่อน ๆ ที่ อยู่โดยรอบถึงกับต้องส่ายหน้าไปตาม ๆ กัน

“จบแล้วหลินซงแต่ก่อนเป็นถึงนายน้อยของบ้านตระกูลร่ำรวย แต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นทาสรับใช้ใต้กระโปรงสาวงาม ใคร มาเห็นก็คงได้แต่ทอดถอนใจล่ะนะ”

“เฮ้อ นี่ยังไม่เข้าใจกันอีกเหรอ? นิสัยที่เห็นของดีแล้วลืมทุก อย่างของเซง มันคือการสืบทอดทางพันธุกรรมกันมาเลยนะ”

พอมีคนพูดขึ้นมาแบบนี้ ทุกคนก็พาลนึกไปถึงคู่สามีภรรยาผู้ เป็นบุพการีของหลินซงจากนั้นก็พากันตัวสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ ได้

ไม่ใช่อะไรหรอก แค่ต้องเหม็นความรักจนเอียนก็แค่นั้น

เนื่องจากเป็นกลุ่มคนท้องที่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเกือบทุกคน ที่นี่ล้วนมีการติดต่อไปมาหาสู่กันตลอด จะแตกต่างก็แค่ระดับ ความสนิทสนมเท่านั้นเอง

แต่ไม่ว่าจะสนิทมากหรือสนิทน้อย แค่ได้เจอกับบุพการีของ หลินซงก็เป็นอันต้องมีอาการเหม็นความรักตาม ๆ กันไป

ซึ่งความรักที่ว่า ก็เป็นความรักของพวกเขาคู่สามีภรรยาที่มี ให้กันมากว่าสามสิบปี ถ้าไม่บอกล่ะก็ คงนึกว่าเป็นคู่รักที่เพิ่งจะ เริ่มจับมือกันเมื่อวานเสียอีก

พอคิดได้ดังนี้ ทุกคนก็พอจะรับได้บ้างกับท่าทางราวกับสุนัขวิ่งตามเจ้านาย

ผ่านไม่นานหลินซงจัดการเสร็จเรียบร้อย ซึ่งอยู่แค่ ชั้นบนของโรงแรมนี่เอง

แน่นอนคนอื่น ๆ อีกหลายคนไม่ได้ด้วย ที่ก็เพียงแค่ กลุ่มเพื่อนสนิทโต๊ะอาหารกับพวกเท่านั้น

แต่เพราะเดี๋ยวแค่กินข้าวกับได้ ส่วน KTV ถ้าเธอไปแล้วดื่มอะไรเลยอาจจะทำให้หมด สนุก

อีกอย่างเพราะซื้อเฉียนเห็นว่าเท้าของเฉียวตอนเริ่ม บวมมาแล้วเล็กน้อย ก็เลยยิ่งไม่อยากให้เธอต้องออกไปเดิน ข้างตรวจ

ดังเขาเลยตัดสินใจปฏิเสธคำเชิญของซงชวนไปKTV

พอหลินดังก็ทั้งคู่ จากนั้นพาอื่น ไปร้องเพลงและสังสรรค์ต่อ

กู้ซื้อเฉียนเลยพาเฉียวลับปราสาททันที

พอถึงปราสาทก็เป็นเวลาบ่ายสองโมงพอดี

เมื่อเฉียวฉกลับมาถึงบ้าน พระอาทิตย์ด้านนอกกำลังส่องแสง เป็นประกาย แม้ว่าจะนั่งห้อง เธอก็อดที่จะเหงื่อออกไม่ได้
กู้ซือเฉียนก็กลับเข้าห้องเขาตามปกติ เธอเองก็กลับเข้าห้อง

เธอ

ในใจก็คิดว่า เวลาก็ยังพอมี ตอนนี้ก็ยังไม่มีเรื่องอะไร น่าจะ พอพักได้สักหน่อย

แต่เฉียว เป็นคนที่รักษาความสะอาดอยู่เสมอ เธอมีเหงื่อออก จนเหนียวเหนอะหนะขนาดนี้ต้องนอนไม่ได้แน่ ๆ ดังนั้นเธอก็เลย เตรียมตัวที่จะไปอาบน้ำก่อน

เธอค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าออก จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ ตอนนี้บาดแผลภายนอกตามร่างกายดีขึ้นมากแล้ว เพราะ ฉะนั้นการอาบน้ำก็เลยไม่ค่อยมีอุปสรรคเท่าไร

เฉียวในตอนนี้กำลังแช่น้ำในอ่างอย่างใจจดใจจ่อ ปล่อยให้ ร่างกายเพลิดเพลินไปกับความผ่อนคลายที่ถูกห่อด้วยน้ำอุ่น ๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ