วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 841 โปรดเชื่อเขา



บทที่ 841 โปรดเชื่อเขา

แต่กู้ซื้อเฉียนกลับ มองตรงมาที่เขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วย ความสงสัย

“ก่อนหน้านี้ฉันก็ไม่เคยเห็นนายจัดงานวันเกิด ใหญ่โตขนาดนี้ มาก่อนเลย ปีนี้มีอะไรรึเปล่า

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉียวฉีก็รู้สึกตกใจขึ้นมาเช่นกัน

หลินซงยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยด้วยความเขินอาย จากนั้น

เขาก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างแก้ๆ กังๆ “ซีอเนียน นายเป็นเพื่อนของฉันก็จริง แต่เรื่องบางเรื่องนายไม่ ต้องพูดออกมาก็ได้นะ นายน่าจะไว้หน้าฉันบ้าง

ครั้งนี้กู้ซือเฉียนกลั้นขำเอาไว้ไม่ได้จริงๆ “หญิงสาวจากตระกูล ไหนล่ะ?”

ใบหน้าของหลินซงค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นสีแดง และเขาก็ ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม

“เอ่อ พอถึงตอนนั้นนายก็รู้เองแหละ

เฉียวไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน เมื่อเห็นแบบนี้ เธอจึงถามแทรกออกไปว่า “พวกคุณกำลังพูดเรื่องอะไรกัน? ผู้ หญิงคนไหนหรือ?”

กู้ซือเฉียนคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย และพูดอธิบายให้เธอฟังว่า“ปกติแล้วหลินซงเป็นคนไม่ค่อยชอบจัดงานเลี้ยงอะไรแบบนี้สัก เท่าไหร่ แต่ครั้งนี้ เขากลับจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ตัวเอง แล้วยัง บอกอีกว่าจัดงานเพื่อตัวเอง ผมไม่มีทางเชื่อหรอก

นอกจากเหตุผลนี้แล้ว ผมก็ไม่คิดว่ามันจะมีเหตุผลอื่นอีก และ ถ้าหากว่าผมคิดเกี่ยวกับมันจริงๆ มันก็มีเพียงแค่เหตุผลเดียวนั่น ก็คือเขากำลังตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ แต่เขาไม่ได้สนิทสนม กับอีกฝ่าย เขาจึงไม่สามารถหาข้ออ้างเชิญอีกฝ่ายมาได้ ดังนั้น จึงมีเพียงเหตุผลเดียวที่มันพอจะฟังขึ้นนั่นก็คือเชิญมางานเลี้ยง เท่านั้น

งานเลี้ยงแบบนี้ มีคนมาร่วมงานเยอะมาก อีกฝ่ายย่อมไม่มี

ทางสงสัยถึงเจตนาของเขาอย่างแน่นอน เพราะอย่างนั้นจึงมี

ความเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายจะมาร่วมงานเลี้ยงมากถึง 80

เปอร์เซ็นต์ และพอถึงตอนนั้นเขาก็แค่ต้องทําอะไรบางอย่างนิด

หน่อย เพื่อสร้างความโรแมนติกเมื่อได้พบกับอีกฝ่าย พอถึงตอน

นั้นก็ไม่รู้ว่าเขาจะจับอีกฝ่ายได้อย่างสมบูรณ์แบบ หรือว่าจะ

ปล่อยให้อีกฝ่ายหลุดมือไป

เฉียวฉีถึงกับตกตะลึงขึ้นมาทันที

คิดไม่ถึงเลยว่า ความจริงแล้วหลินซึ่งจะทำเพื่อสิ่งนี้

เธออดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าจะร้องไห้ก็ไม่ใช่จะยิ้มออกไปก็ไม่ เชิงอยู่ครู่หนึ่ง และในขณะเดียวกัน สายตาของเธอก็กวาดมอง ไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม

“นี่ แผนนี้มันล้ำลึกมากจริงๆ แต่คุณก็ต้องระวังว่าแผนมันจะแตกด้วยนะ บางทีไม่เพียงแต่อีกฝ่ายจะไม่ชอบคุณอย่างที่คุณคิด เอาไว้ แล้ว กลับกันคุณยังต้องมาเสียค่าใช้จ่ายอีก แล้วอย่างนี้ คุณจะทำยังไงล่ะ?”

เมื่อได้ยินเธอพูดออกมาเช่นนี้ หลินซงก็ตกใจขึ้นมา อีกทั้งสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที

“มันไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ?”

แน่นอนว่าเฉียว ก็แค่พูดออกไปเพื่อทำให้เขาตกใจกลัวก็ เท่านั้น อีกฝ่ายคิดกับเขาอย่างไร เธอจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะ?

ดังนั้น เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของเขา เธอจึงหัวเรา

“หึหึ” ออกมา “เอาล่ะ ฉันก็แค่คุณเล่นก็เท่านั้น คุณมีใจให้หล่อนขนาดนี้

ผู้หญิงที่ไหนก็ต้องใจเต้นทั้งนั้น สู้ๆ นะ ฉันรอคุณอยู่

หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็ชูกำปั้นขึ้น และทำท่าเชียร์ส่งไปให้

เขา

หลินซงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉียวฉีแสดงท่าทางน่ารักแบบนี้ออกมาอย่าง เปิดเผยต่อหน้าคนอื่น เมื่อกู้ซื้อเฉียนเห็นมัน เขาก็อดที่จะยกมือ ขึ้นมาขยี้ตาไม่ได้

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาหันไปพูดกับ หลินซงต่ออีกพักหนึ่ง ด้วยความที่บ่ายนี้หลินซงมีธุระที่จะต้องไปทําต่อ เขาจึงขอตัวกลับ

หลังจากที่หลินซงกลับไปแล้ว เฉียว รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ที่จะนั่ง อยู่ที่นี่กับเขาสองต่อสอง ดังนั้นเธอจึงหันหลังกลับและเตรียมตัว ที่จะเดินออกไป

แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเดินไปถึงประตู เธอก็ถูกชายหนุ่มเรียกเอา

ไว้เสียก่อน

ชายหนุ่มมองตรงมาที่เธอ สายตาของเขามันดูลึกล้ำขึ้นมาเล็ก น้อย

เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “งานแต่งงานของ หนานฮวยวันพรุ่งนี้ ผมจะพาหลินเยว่เอ๋อร์ไปด้วย”

ในใจของเฉียวฉีเกิดเสียงหยุดชะงักดัง “กึก” ขึ้นมา

อารมณ์ดีๆ ของเธอในตอนแรก จู่ๆ มันก็เหมือนกันถูกสาด ด้วยน้ำเย็น และมันก็เย็นขึ้นมาทันที

พาหล่อนไปด้วย หมายความว่ายังไง?

จู่ๆ เธอก็คิดขึ้นมาได้ว่า ใช่สินะ คนมีระดับอย่างหนานช่วย คนที่ไปร่วมงานแต่งงานของเขา ก็ควรจะพาสมาชิกในครอบครัว ของตัวเองไปร่วมงานด้วย

นี่เขากำลังแนะนำหล่อนอยู่อย่างนั้นหรือ?

เดิมทีแล้ว ในใจของเขา หลินเยว่เอ๋อร์ก็เป็นผู้หญิงที่เหมาะสม และเป็นที่โปรดปรานของเขามากที่สุด หรือว่าเขาจะจริงจังกับหลินเยว่เอ๋อร์ อย่างนั้นหรือ?

สีหน้าของเธอหม่นหมองลงทันทีโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว และ ดวงตาที่สดใสคู่นั้น ก็ดูเหมือนว่ามันจะถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นสี เทาบางๆ และมันก็ทำให้แววตาของเธอสูญเสียความแวววาวไป

กู้ซื้อเฉียนเห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ด้วยสายตาของตัว เอง และเขาก็รู้สึกพอใจกับมันมากจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ ได้แสดงออกมาทางสีหน้าแต่อย่างใด

เขาเดินตรงเข้าไปหาเธอ และจ้องมองเธอด้วยสายตาประชด ประชัน “คุณกำลังคิดอะไรอยู่?”

เฉียวได้สติกลับมาอีกครั้ง

และทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นชายหนุ่มเดินมาถึงตัวเธอ เรียบร้อยแล้ว ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาถูกแสงสลัวในห้อง บดบัง และมันก็ทำให้ใจของเธอยิ่งขมขื่นมากขึ้นไปอีก

เธอฝืนยิ้มออกมาอย่างไม่เต็มใจ

“ไม่ ไม่มีอะไร”

และในขณะที่เธอพูด เธอก็ค่อยๆ หันหน้าหนีและมองไปทาง อื่น ราวกับว่าเธอไม่ต้องการที่จะมองหน้าเขา

เธอรู้สึกได้เพียงแค่ว่าภายในหัวใจของเธอมันกำลังสับสน และบางสิ่งบางอย่างที่เธอเคยเชื่อและตั้งใจเอาไว้ดูเหมือนว่าใน เวลานี้ จู่ๆ มันก็พังทลายลงมาในทันที
เธอไม่อยากจะแสดงอารมณ์ออกมาให้เขาเห็น เธอจึงรีบพูด ออกไปว่า “ฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ขอตัวกลับไปที่ห้องก่อนนะ”

หลังจากที่พูดจบ เธอก็ไถลมือลงไปที่ล้อของวีลแชร์และเตรียม ตัวที่จะออกไป

แต่ทันทีที่เธอหันหลังกลับ กู้ซื้อเฉียนก็จับที่วางมือบนวีลแชร์

เอาไว้เสียก่อน

แรงของเขาที่ส่งมามันเยอะมากจริงๆ แม้แต่เธอเองก็ไม่ สามารถต้านทานมันเอาไว้ได้

จู่ๆ หัวใจของเฉียว ก็สั่นไหวขึ้นมา ความคับข้องใจและความ รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้มันก็พวย พุ่งเข้ามากอบกุมหัวใจของเธอเอาไว้ทันที

ผู้ชายคนนี้ เขาต้องการจะทำอะไรกันแน่?

ก็เห็นๆ อยู่ว่าในใจของเขามันมีหลินเยว่เอ๋อร์อยู่แล้ว แล้ว ทำไมเขายังต้องมาก่อกวนเธอครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้ด้วยล่ะ?

หรือว่าเขาจะไม่รู้ว่า การที่เขาทำแบบนี้มันน่าเกลียดชังมาก แค่ไหน?

ในใจของเฉียว รู้สึกเศร้าขึ้นมา แต่เธอกลับได้ยินเสียงหัว เราะเบาๆ เหนือศีรษะของเธอ

เธอตกใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นไปมองเขา เธอเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของชายหนุ่มที่ถูกแสงสาดส่องสว่างไสวทำให้หน้าของเขาดูมีมิติมากยิ่งขึ้น นัยน์ตาที่มืดมิดนั้น เต็มไปด้วยรอยยิ้มแสนอ่อนโยน แววตานั้นจ้องมองมาทางเธอ ราวกับว่าเขากำลังมองดูสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของตัวเอง

“บอกฉันมาสิ เมื่อกี้เธอกำลังคิดอะไรอยู่? เขา โน้มตัวลงมา จากนั้นก็เท้าแขนทั้งสองข้างเอาทีวีลแชร์ของ

เธอ แล้วกดเสียงต่ำถามออกมา เมื่อชายหนุ่มทําท่าทางเช่นนี้ ระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสอง

คนก็แคบลงในทันที

เฉียวฉีแทบจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาที่เป่าลดลงมาที่ ใบหน้าของเธอ อีกทั้งร่างกายของเธอก็หดเกร็งลง โดยที่เธอเอง ก็ไม่ตั้งใจ

แต่ถึงอย่างนั้น ร่างกายที่มีขนาดเล็กกะทัดรัดของเธอก็ถูก

ปกคลุมไปด้วยเงาของเขาทั้งหมด

เธอขยับริมฝีปากขึ้นลง หลังจากที่ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็พูด

ออกไปว่า “ฉันไม่ได้คิดอะไร

เห็นได้ชัดว่าเธอปากแข็ง

กู้ซือเฉียนคลี่ยิ้มออกมา

เขายื่นมือออกไปจับคางของเธอเอาไว้ จากนั้นก็บีบมันเบาๆ เพื่อบังคับไม่ให้เธอหันหน้าไปทางอื่น และให้เธอมองมาที่เขา เท่านั้น
ดวงตาของเขามันดูลึกล้ำ ราวกับวังวนสีดำสองดวง และเมื่อ เฉียว จ้องมองไปที่มัน ก็ดูเหมือนว่าเธอกำลังถูกมันดูดกลืน

เข้าไป เธอเห็นเพียงว่าจู่ๆ เขาก็โน้มตัวลงมา และกดจูบลงมาริม

ฝีปากของเธอ

หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นมาทันที

จู่ๆ สมองของเธอก็หยุดทำงาน ราวกับว่าเธอไม่สามารถรับรู้ อะไรได้อีก จากนั้นเธอก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและนุ่มนวลที่ ตามมา

เกิดเสียงดัง “ตูม” ขึ้นมาในหัวสมองของเฉียว

เพียงแค่ได้สัมผัสมันครู่หนึ่ง ริมฝีปากของชายหนุ่มก็ผละออก ไปทันที

เขาจ้องมองมาที่เธอ และพูดออกมาเบาๆ ว่า “เฉียว หลัง จากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเรากลับมาดีกันนะตกลงไหม?”

เฉียวฉีขมวดคิ้วมั่นในทันที

สิ่งที่เขาพูดมา มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

เพราะอย่างนั้น เธอจึงพูดออกไปด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่าได้ ความรู้สึกว่า “กู้ซือเฉียน พวกเราเลิกกันไปตั้งนานแล้ว

ใช่ มันจบไปตั้งแต่สี่ปีก่อนแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้น กู้ชื่อเฉียนก็ไม่ได้สนใจคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย

เขาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “คุณต้องเชื่อผมนะ ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด ผมไม่เคยหักหลังคุณ ขอ เวลาให้ผมหน่อยได้ไหม แล้วผมจะบอกเรื่องทุกอย่างให้คุณรู้ ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ แต่มันยังมีเรื่องเมื่อปีก่อนด้วย ปมทั้งหมดที่มัน อยู่ก้นบึ้งในหัวใจของคุณ ผมจะช่วยคลายปมนั้นออกมาทีละ น้อยๆ ให้คุณเอง เชื่อผมนะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ