บทที่ 813 ต้องโทษเขา
เขากล่าวเสียงหนักแน่น เมื่อคืนนี้ผมได้บอกคุณแล้วว่า จะหา โอกาสส่งเธอออกไป เธอจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าคุณอีก และก็จะ ไม่เป็นภัยคุกคามใดๆกับคุณอีก ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้ มาทำร้ายเธอ คุณทำแบบนี้ทำให้รู้สึก
เขาหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
ในใจเฉียว รู้สึกเหมือนถูกคนใช้กำปั้นทุบที่หน้าอกอย่างแรง เจ็บแน่น จนเสียวสันหลังขึ้นมา
เธอหยุดพูด เม้มริมฝีปากแน่น จ้องมองดูเขาโดยไม่ ขยับเขยื้อน
ทันใดนั้น ถามเสียงเคร่งขรึม ทำให้คนรู้สึกอะไร พูดให้ ชัดเจน กู้ซื้อเฉียน ฉันทำแบบนี้ทำให้คนรู้สึกอย่างไร”ดวงตา ชื่อเฉียนยิ่งอยู่ยิ่งเย็นชา
เขาไม่เกรงใจอีก กล่าวตรงๆว่าทำให้คนรู้สึกแปลกหน้า เบื่อ หน่าย และเฉียวฉีคนก่อนไม่ใจน้อยเช่นนี้
คุณน่าจะรู้ เธอกับคุณไม่เหมือนกัน พวกคุณไม่ใช่คนในโลก เดียวกัน ไม่ว่าจะแง่ไหน เธอก็ไม่ใช่คุณต่อสู้ของคุณ สำหรับคน ที่ไม่มีภัยคุกคามใดๆเช่นนี้ คุณจะหาเรื่องเขาทำไม ปล่อยให้เธอ เป็นอิสระและปล่อยให้ตัวเองเป็นอิสระจะไม่ดีหรือ ” เฉียว ชะงัก ไป
ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะได้ยินคำพูดเช่นนี้ จากปากผู้ชายคนนี้
เธออ้าปากค้าง ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
ทันใดนั้นรู้สึกช่างน่าสมเพช
เธอเลิกคิ้วและมองดูกู้ซื้อเฉียนอย่างเยาะเย้ยที่แท้คุณคิด อย่างนี้นี่เอง ก็ดี กู้ซื้อเฉียน ให้ที่คุณพูด ในวันนี้ไว้ แล้วย้อน มองดูตัวเอง ว่าเวลานี้ตัวเองโง่เขลาขนาดไหน
เธอพูดจบแล้ว ก็ไม่สนใจเขาอีก หันหลังเข็นรถเข็นจากไป กู้ซื้อเฉียนยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้ตามไป เพียงแต่มองดูด้านหลังที่จากไป ด้วยสายตาที่ครุ่นคิด
เฉียว โกรธจนกลับไปห้องนอนโดยตรง ประตูถูกเธอ“ปัง”ปิดลงแรงๆ ยังรู้สึกไม่สาแก่ใจ ก็ใช้แรงเตะ
ไปที่ขาเตียงอีก
พอเตะออกไปไม่ได้ทำให้เตียงสั่น กลับทำขาตัวเองเจ็บจน
เข้าหัวใจ
คนที่สามารถทนความเจ็บปวดเช่นเฉียว ยังขาไว้ แล้ว ร้องเสียงดัง“อ้า”
บัดซบ
ลืมไปว่าบนขายังมีอาการบาดเจ็บอยู่
นอกประตู เสี่ยวเยว่ไปทำธุระเสร็จกลับมาพอดี เมื่อเห็นเธอจับ ขาไว้แล้วกัดฟันนั่งอยู่ตรงนั้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบวิ่งเข้ามา
“คุณเฉียว คุณเป็นอะไรหรือ ”
เฉียว จับขาไว้ แล้วกลอกตาใส่ตัวเอง
ช่างโง่จริงๆ ทำไมถึงตัวเองเตะตัวเองได้
ปกติก็ไม่ได้เป็นคนเอาแต่ใจเช่นนี้ เป็นเพราะผลพวงมาจาก ความหายนะของกู้ซือเฉียนจริงๆ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันด้วยความเกลียด เมื่อเสี่ยวเยว่เห็นเธอไม่พูด ก็กระวนกระวายขึ้นมาทันที แล้วรีบ กล่าวว่า “คุณรอก่อนนะ ฉันจะไปเรียกคุณหมอมาค่ะ”
เธอลุกขึ้น วิ่งไปทางประตู
ยังไม่ทันได้ออกไป ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังตามหลังว่า “กลับ
มา”
เธอหันหน้ามา ก็เห็นเฉียวฉีสีหน้าซีดเซียวนั่งอยู่ตรงนั้น
“คุณเฉียว……….
“ห้ามไป”
แล้วเฉียวฉีก็พูดว่า “ฉันไม่เป็นอะไร ก็แค่ถูกกระแทก พูดจบ ก็นวดตรงที่ตัวเองถูกกระแทกเจ็บ
เมื่อเสี่ยวเยว่เห็นเช่นนั้น ก็เดินกลับมาอย่างกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย
“คุณเฉียว คุณเป็นอะไรหรือ
คนที่สะเพร่าเช่นเธอ ก็รู้สึกได้ถึง เวลานี้สีหน้าและอารมณ์ เฉียว มีความผิดปกติเล็กน้อย
ปกติ ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร เฉียวนั้นอาจจะพูดไม่ได้ว่า กระตือรือร้นในการช่วยเหลือ แต่อย่างน้อยก็ไม่มีท่าทีเฉยเมย เวลาส่วนใหญ่จะเงียบๆ ยิ่งไม่เคยโกรธ แต่เวลานี้ เห็นได้ชัดว่า เธออารมณ์ขึ้นลงไม่ปกติเล็กน้อย หว่างคิ้วนั้นผสมปนด้วย อารมณ์โกรธเคืองและความวิตกกังวล ปกติเสี่ยวเยว่ไม่เคยเห็น เช่นนี้มาก่อน
แม้แต่ในตอนที่ถังซีซีตายไป เธอก็เพียงแค่โกรธ แต่ไม่ใช่ สีหน้าซับซ้อน เหมือนสภาพในตอนนี้
เฉียวเงยหน้ามองเธอแวบหนึ่ง
แววตานั้น บอกไม่ถูกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน เธอเงียบไปครู่หนึ่ง
แล้วกล่าวว่า ไม่มีอะไร
หรี่ตาลง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเผยให้เห็นถึงอาการไม่ได้รับ ความเป็นธรรมเล็กน้อย
เมื่อเสี่ยวเยว่เห็น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารมากขึ้น
เธอเดินไปนั่งลงข้างๆเฉียว มองดูเธอด้วยความห่วงใยแล้ว กล่าวว่า “คุณเฉียว ถึงแม้ว่าฉันรู้ว่าฉันเป็นเพียงคนรับใช้ ไม่มี สิทธิ์จะห่วงใยคุณ แต่หากคุณมีเรื่องอะไรที่ต้องการให้ฉันช่วย เหลือ จะต้องบอกฉันนะ ขอเพียงเป็นสิ่งที่ฉันสามารถทำได้ ฉันก็จะช่วยคุณทําค่ะ”
ขณะพูด ก็หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “หากคุณ ต้องการคนคนหนึ่งเพื่อระบายความในใจ ถ้าคุณไม่รังเกียจ ก็ สามารถพูดกับฉันได้ ”
เฉียวเงยหน้ามองเธอ
ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
แววตานั้น เป็นแววตาที่มีความอ่อนโยนและอ่อนหวานอย่าง ไม่เคยมีมาก่อน
“พูดไร้สาระอะไร อะไรรังเกียจไม่รังเกียจ ขณะที่เธอพูด ก็ยื่นมือออกมาจับเสี่ยวเยวไว้เบาๆ เสี่ยวเยวจึง ลุกขึ้น
เธอเงยหน้ามองดูเธอ แล้วกล่าวว่า “แกคิดว่านี่เป็นสังคมสมัย เก่าหรือ คนรับใช้จะต่ำต้อยกว่าหนึ่งชั้นหรือ ใช้ความสามารถ ของตัวเองหาเงิน เป็นเพียงการทำงานธรรมดาอย่างหนึ่งเท่านั้น ถึงแม้ฉันไม่ต้องไปรับใช้ใคร แต่เมื่อพูดไปแล้ว ก็เป็นเพียงแขก ที่พักอาศัยอยู่ที่นี่เท่านั้น ถ้าจะพูดขึ้นยังไม่เท่าแกเลย”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เธอเงยหน้าขึ้นมองไปทางนอกหน้าต่าง และดูเหมือนจะมีความเศร้าอยู่ที่หว่างคิ้วของเธอ
เสี่ยวเยวหรี่ตาเล็กน้อย กลอกตาไปมา ไม่แน่ใจว่าวันนี้เกิด เรื่องอะไรขึ้น และก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรถึงทำให้เธอเป็นเช่นนี้
ดังนั้น จึงพูดอย่างทะนุถนอมว่า “คุณเฉียวคุณอย่าพูดเช่นนี้ คนอื่นอาจจะดูไม่ออก แต่คุณจะดูไม่ออกเลยหรือ ว่าคุณชายรู้สึก กับคุณไม่เหมือนกัน”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ หว่างคิ้วของเฉียวฉีกขมวดเข้มขึ้นมา
ใบหน้าที่สงบนิ่ง ทันใดนั้นปรากฏให้เห็นอารมณ์โกรธ
“อย่าพูดถึงเขา”
เสี่ยวเยวชะงักไป
เฉียวฉียิ้มเยาะเย้ยแล้วกล่าวว่า “ฉันไม่มีความเกี่ยวข้องอะไร กับเขาอยู่แล้ว ต่อไปก็ไม่อยากได้ยินชื่อของคนคนนี้อีก ดังนั้น เรื่องแบบนี้ต่อไปอย่ามาพูดต่อหน้าฉันอีก”
เสี่ยวเยวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ตามที่รู้ ก่อนวันนี้ ทั้งคู่ยังดีกันอยู่นี่
พอกลับมาคิดอีกครั้ง ทันใดนั้นก็นึกถึงเรื่องที่เมื่อวานเฉียว วิ่งไปหากู้ซื้อเฉียนที่โรงยิมมวย จึงเหมือนจะเข้าใจอะไรเล็กน้อย
ดังนั้นจึงยิ้มกล่าวว่า ได้ค่ะ คุณไม่ให้พูดก็ไม่พูด ในเมื่อเป็น เช่นนี้ ก็ไม่ต้องไปเสียใจกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องพวกนั้นอีก ฉันว่า ใกล้ได้เวลากินยาแล้ว ฉันไปเอายามาให้คุณกินก่อนนะ”
เฉียวไม่ปฏิเสธ พยักหน้ารับ
เสี่ยวเยว่เอายาของเธอมาให้อย่างเร็ว ยาพวกนี้ ล้วนเป็นยาที่คุณหมอหญิง ให้เธอไว้รักษาอาการบาดเจ็บ เน้นย้ำให้เธอต้องกินก่อนอาหารและหลังอาหารอย่าง ละชนิด
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ควรจะต้องไปทานข้าวแล้ว ดังนั้นก็ ต้องทานก่อนหนึ่งครั้ง
เฉียว รับยาลูกกลอนสีชมพูขาวจากมือเธอมา โยนเข้าไปใน
ปาก จากนั้นก็ดื่มน้ำตาม ยกหัวขึ้นกลืนลงไป
เสี่ยวเยวมองดูท่าทางเธอกินยาด้วยดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย
หลังจากทานยาแล้ว เดี๋ยวก็ตามเธอไปทานข้าวที่ห้อง อาหารด้วยกัน
หลังจากทานข้าวแล้ว เธอรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ดังนั้นจึงกลับ มาพักผ่อน
อากาศเช่นนี้ เหมาะสำหรับนอนกลางวันมาก
เฉียว นอนลงที่เตียงสะลึมสะลือหลับไป แต่ขณะเดียวกันนี้ ที่ ข้างนอกมีเสียงทะเลาะดังเข้ามา
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ