บทที่ 804 เป็นแผนของเธอ
หลังจากที่กล่าวขอบคุณแล้ว กู้ซื้อเฉียนก็ปล่อยให้หล่อนลงไป ชั้นล่าง หลังจากนั้น เขาก็สั่งให้ลุงโอนชาขึ้นมา ส่วนเขากับ หนานมู่หรงก็พูดคุยกันต่อ
จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน
กู้ซื้อเฉียนและหนานทรงก็เดินออกมาจากห้องรับแขกด้วย กัน กู้ซื้อเฉียนเดินมาส่งเขาที่หน้าประตู จากนั้นก็พูดออกไปว่า “คุณหนานมีธุระที่จะต้องไปทำต่อ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะไม่รั้งให้ คุณทานมื้อค่ำด้วยกันแล้ว ครั้งต่อไปถ้ามีเวลาเราก็มาพูดคุยกัน ใหม่นะครับ ”
หนานหรงพยักหน้าตอบรับ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เพราะจู่ๆ เขาก็พูดออกมาว่า “ซื้อเฉียน ผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ในบ้าน ของคุณ… ถ้าเกิดว่าไม่มีเรื่องอะไร ผมก็หวังว่าคุณจะเห็นแก่ผม และปฏิบัติต่อหล่อนด้วยความกรุณา
กู้ซือเฉียนเลิกคิ้วขึ้น
เห็นได้ชัดว่า คำพูดพวกนี้ที่ออกมาจากปากของแขก มันค่อน ข้างกะทันหัน อีกทั้งก็ดูไม่ค่อยสุภาพ
แต่ถึงอย่างนั้น กู้ซื้อเฉียนก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป เขาเพียงแค่ ยิ้มและพยักหน้าเป็นการตอบรับเท่านั้น
“ในเมื่อคุณหนานสั่งมาแบบนี้แล้ว มันก็ต้องเป็นหน้าที่ของ
หนานมู่หรงนิ่งอึ้งไปทันที
หลังจากที่มองดูกู้ซื้อเฉียนอย่างพินิจพิจารณาแล้ว เขาก็ไม่พูด อะไรออกมา จากนั้นเขาก็หันหลังและเดินออกไป
รถเคลื่อนตัวหายลับไปจากหน้าประตูปราสาท
ฉินเยว่เดินเข้ามาที่ด้านหลังของกู้ซื้อเฉียน เขาขมวดคิ้วเล็ก น้อย ขณะที่มองไปที่ทิศทางที่รถเคลื่อนตัวกำลังออกไป
เขาจึงถามออกไปด้วยความสงสัยว่า “คุณชาย คุณคิดว่าหนา นมู่หรงจะถูกหลอกรึเปล่า?”
กู้ซือเฉียนกัดริมฝีปาก
ดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อยนั้น มันเต็มไปด้วยแสงประกายวาววับ
“เขาถูกหลอก”
ตราบใดที่มันเกี่ยวข้องกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิง คนนั้น แม้ว่ามันจะคล้ายคลึงกันเพียงแค่แปดในสิบส่วน เขาก็ถูก หลอกได้
เมื่อฉินเยว่เห็นแบบนี้ เขาก็รู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่ถามอะไรออกไป
อีก
กู้ซือเฉียนยืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หันหลังกลับ และ เดินเข้าไปด้านใน
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากหลินเยว่เอ๋อร์ไปที่ตึกหลักกลับมา หล่อนก็ร้องไห้ อย่างยากที่จะเข้าใจ และกลับมาสับสนอีกครั้ง
ขนาดตอนนี้หล่อนนั่งอยู่ในห้อง หล่อนก็ยังสับสนอยู่เล็กน้อย เมื่อคิดไปถึงใบหน้าที่เย็นชาและไร้น้ำใจของผู้ซื้อเฉียนใน ห้องรับแขกเมื่อสักครู่นี้ หล่อนก็อดที่จะรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้ อะไรที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาทำแบบนี้?
ก่อนหน้านี้เขาก็พูดเอาไว้ชัดเจนแล้วว่า เขาจะไม่ส่งหล่อนกลับ ไป แต่ทำไมตอนนี้จู่ๆ เขาถึงเปลี่ยนใจ อยากจะส่งหล่อนกลับ ไป?
หรือว่าหล่อนจะทำได้ไม่ดีพอ ก็เลยทำให้เขาโกรธ
หลินเยว่เอ๋อร์นั่งอยู่ในห้อง และพยายามครุ่นคิดอย่างหนัก แต่หลังจากที่นั่งครุ่นคิดอยู่นาน หล่อนก็คิดไม่ออกว่าก่อนหน้านี้ หล่อนทําอะไรผิดกันแน่
สุดท้าย ก็มีแสงแวบเข้ามาในสมองของหล่อน
หรือว่ามันจะเป็นเพราะ…
นังบ้านั่น!
ใช่แล้ว มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ
ก่อนหน้านี้ที่หล่อนอยู่ในปราสาทมันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ตั้งแต่ที่ผู้หญิงคนนี้จากไป หลังจากนั้นที่เธอกลับมามันก็เกิด ปัญหาขึ้น ทัศนคติของกู้ซือเฉียนที่มีต่อหล่อนก็เปลี่ยนไป
ครั้งล่าสุด ที่เขาพาหล่อนออกไปเล่นบอลข้างนอก เขาก็ยัง อบอุ่นและใจดีกับหล่อนมาก
แต่หลังจากนั้น เขาก็ไม่อยากจะเจอหน้าหล่อนอีกนาน และ หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นจากไปและกลับมา เมื่อเขามาเจอเธออีก ครั้ง ทัศนคติของเขาไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน
ครั้งนี้ เขาตั้งใจที่จะขับไล่หล่อนออกไปจริงๆ อย่างนั้นหรือ? ต้องเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นไปพูดอะไรบางอย่างกับเขาแน่ๆ ใช่ มันต้องเป็นแบบนั้นแน่
หลินเยว่เอ๋อ ไม่สามารถคิดหาเหตุผลอื่นได้อีก นอกจาก เฉียว จะไปฟ้องซื้อเฉียน เพื่อทำให้เขาเปลี่ยนใจ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันด้วยความ
เกลียดชัง
เฉียวฉี! ในเมื่อเธอกล้าที่จะโจมตีฉันลับหลัง งั้นฉันก็จะไป ปล่อยเธอไป!
เมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้ว หล่อนก็อดที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่ ได้ จากนั้นดวงตาของหล่อนก็กลอกไปมาพลางครุ่นคิด
ช่วงเย็น หลังจากที่รับประทานอาหารเย็นเสร็จ กู้ซือเฉียนก็ไม่ ได้กลับไปทํางานที่ห้องหนังสือแต่เขากลับสั่งให้ฉันเยว่ไปหาคน มาสักสองสามคน ไปที่ค่ายมวยในปราสาทเพื่อเป็นคู่ซ้อมให้กับ เขา
ตอนที่เขายังเด็กเขามีสุขภาพไม่ค่อยดี และความรู้ส่วนใหญ่ที่ เขาไม่สามารถเรียนรู้ได้จากในหนังสือ เขาก็ได้เรียนรู้มันมาจาก ท่านผู้อำนวยการทั้งนั้น
ส่วนทักษะด้านกังฟู ก็มีครูมืออาชีพมาสอนเขาตั้งแต่เด็ก ๆ ช่วงระยะหลายปีที่ผ่านมา มันก็ได้เสริมความแข็งแกร่ง ให้กับ ร่างกายที่อ่อนแอของเขาได้เป็นอย่างมาก
แต่ถึงอย่างนั้น โรคทางพันธุกรรมที่เขาเป็นมาตั้งแต่เด็กๆ มัน ไม่ใช่โรคที่จะหายขาด ทุกๆ วันเขาจึงต้องพึ่งยา
แต่ถึงอย่างนั้น โรคชนิดนี้มันก็ไม่ใช่โรคที่จะแสดง สดงอาการออก มา ดังนั้น ไม่ว่าเขาจะป่วยแค่ไหน เมื่อมองดูจากภายนอก เขาก็ ไม่ต่างจากคนทั่วไป
คนรอบข้างหรือแม้แต่คนใกล้ชิดของเขาอย่างฉินเยว่ ก็ไม่มี ใครรู้เกี่ยวกับอาการป่วยของเขา
มีเพียงสิ่งเดียวที่พวกเขารู้ก็คือ ลุงโอเลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็กจน
โต
เมื่อกู้ซื้อเฉียนมาถึงค่ายมวยคู่ซ้อมที่เขาให้ฉันเยวไปหามาให้ ก็มารออยู่ที่นี่เรียบร้อยแล้ว
พวกเขาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นชายรูปร่างใหญ่โตและเต็มไป ด้วยหมัดกล้าม พวกเขาสวมเพียงแค่เสื้อกั๊กสีดำตัวเดียว และ เมื่อมองดูไกลๆ แล้ว พวกเขาก็เหมือนกับภูเขาหนักๆ ลูกใหญ่
เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของพวกเขา กู้ซื้อเฉียนที่สวมเพียงแค่เสื้อยืดสีดำนั้น มีรูปร่างที่ผอมเพรียวกว่ามาก
ถึงแม้ว่า เสื้อยืดที่บางเบานั้นจะสามารถมองเห็นถึง ร่างกายที่ แข็งแกร่งก๋ายำของเขาได้ แต่เมื่อเทียบกับผู้ชายพวกนั้นแล้ว ชื่อเฉียนก็เป็นเหมือนกับนักวิชาการที่อ่อนแอ และไม่มีโอกาสที่ จะชนะเลยแม้แต่น้อย
เมื่อคนกลุ่มนั้นเห็นเขา พวกเขาต่างก็ตะโกนออกมาด้วยความ เคารพว่า “คุณชาย
กู้ซื้อเฉียนพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเข้าไปตรงกลาง แต่ แทนที่เขาจะให้คนพวกนั้นเข้ามาทีละคน เขากลับโบกมือไปมา และพูดออกไปว่า “เข้ามาพร้อมกันเลย”
หลังจากที่พูดจบ ทุกคนก็เงยหน้าขึ้น จากนั้นก็เริ่มขยับ ร่างกาย
ตอนที่ยังไม่ได้ลงมือ พวกเขาก็รู้สึกเพียงแค่ว่าชายตรงหน้า อ่อนแอราวกับนักวิชาการ แต่หลังจากที่ได้เริ่มลงมือ พวกเขาก็ ตระหนักได้ว่า ชายคนนี้มีพลังมากกว่าที่เห็นด้วยตาเปล่ามาก
ทุกๆ การเคลื่อนไหว และทุกๆ หมัด ล้วนตีโดนจุดที่ถูกต้องทั้ง สิ้น
ไม่มีการเคลื่อนไหวเร็วเกินกว่าหนึ่งนาที และก็ไม่มีการ เคลื่อนไหวที่ช้าไปกว่าหนึ่งวินาที ความสม่ำเสมอของผลลัพธ์ และการยึดเกาะของร่างกาย เกือบจะถึงจุดที่สมบูรณ์แบบแล้ว ไม่นานหลังจากนั้น ชายกลุ่มนั้นก็ถูกทุบตีจนกองลงไปกับพื้น
กู้ซื้อเฉียนชายกลุ่มนั้นจนนอนลงบนพื้นอย่างต่อเนื่อง สายตาของเขากวาดมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็พูด ออกไปอย่างเคร่งขรึมว่า “ลุกขึ้นมา!
ถึงแม้ว่าร่างกายของชายกลุ่มนั้นจะยังเจ็บปวดอยู่ แต่เมื่อพวก เขาได้ยินเสียงของกู้ซื้อเฉียน พวกเขาจึงต้องกัดฟัน และ พยายามที่จะลุกขึ้นมาอย่างไม่ลดละ
กู้ซื้อเฉียนพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “เข้ามา!” หลังจากที่พูดจบ หมัดก็พุ่งออกไป
เมื่อพวกเขาเห็นแบบนี้ พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจาก ต้องเดินหน้าต่อไป
ถ้าพูดตามหลักเหตุผลแล้วล่ะก็ การต่อสู้ห้าต่อหนึ่งเช่นนี้ มันก็ เป็นไปไม่ได้ที่จะแพ้
อีกอย่าง กู้ซื้อเฉียนก็ไม่ปล่อยให้พวกเขาได้พักเลยแม้แต่น้อย เพราะอย่างนั้นตราบใดที่เขาเริ่มลงมือ พวกเขาต้องใช้ความ แข็งแกร่งและทุกหนทางเพื่อประมือกับเขา
และด้วยจำนวนคนที่มากขนาดนี้ เพียงแค่ให้คนโจมตีด้านใด ด้านหนึ่งพร้อมๆ กัน แค่นั้นมันก็เพียงพอที่จะควบคุมกู้ซื้อเนียน ได้แล้ว
แต่ในความเป็นจริง แม้แต่มือเพียงข้างเดียวของกู้ซื้อเนียน พวกเขาก็จับมันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
การเคลื่อนไหวของเขา เร็วมากจริงๆ
การเคลื่อนไหวทั้งหมดนั้น มันรุนแรงและดุดัน นั่นจึงทำให้ พวกเขาไม่รู้ว่าการเคลื่อนไหวต่อไปของเขามันจะมาจากทางไหน และพวกเขาก็ยิ่งไปรู้ว่า สุดท้ายแล้วเขาจะมีท่าไม้ตายอะไร
เขาเป็นเหมือนกับนกนางแอ่นที่ว่องไว และเหมือนกับปลาที่ลื่น ไหล ซึ่งทําให้พวกเขาไม่สามารถโต้กลับ หรือจับเขาเอาไว้ได้ และสุดท้ายก็ถูกเขาสกัดจนล้มลง
หลังจากที่ผ่านไปประมาณ 20 กระบวนท่า ชายกลุ่มนั้นก็ถูก เขาทุบตีจนร่วงลงไปกองกับพื้น
กู้ซื้อเฉียนเหลือบตาไปมองที่พวกเขา ครั้งนี้เขามีความเห็นอก เห็นใจอยู่บ้าง โดยการที่ไม่เรียกให้พวกเขาลุกขึ้นมาอีก
“ลุกขึ้นเถอะ วันนี้พอแค่นี้ ”
เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดนั้น มันก็เหมือนกับพวกเขาได้รับการ อภัยโทษอย่างไรอย่างนั้น
พวกเขารีบลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว หลังจากที่กล่าวลาเขา เสร็จ พวกเขาก็หันไปช่วยพะยุงเพื่อนที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็พากัน เดินออกไป
ฉินเยวที่ยืนรออยู่ข้างๆ เขาตลอด ก็ยื่นผ้าขนหนูและน้ำสะอาด ให้เขาทันที
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ