วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 756 ไม่กลับไปที่บ้านแล้ว



บทที่ 756 ไม่กลับไปที่บ้านแล้ว

แม้ว่าเธอจะไม่รักคุณพ่อถัง แต่ก่อนหน้านั้น เธอก็มักจะคิดมา ตลอดว่า ถึงแม้ว่าเขาจะทำไม่ดีกับเธอ แต่เขาก็เป็นครอบครัว ของเธอ

แต่ตอนนี้ครอบครัวนี้ไม่ได้ต้องการเธอแล้ว และหล่อนยัง อยากจะให้เธอกลับไปประจบประแจงและเรียกเขาว่าพ่อ แสดง ความกตัญญูต่อเขา เคารพเขา และอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกับ เขา

กินข้าวที่เขาซื้อ ใส่เสื้อผ้าที่ใช้เงินของเขาซื้อ เธอยอมรับมัน ไม่ได้หรอก

ดังนั้น เธอจึงปฏิเสธ และเอาแต่นั่งนิ่งเงียบ ริมฝีปากของเธอ

เม้มเข้าหากัน เหมือนกับก้อนหินที่ดื้อรั้น

เมื่อคุณแม่เฉียวเห็นปฏิกิริยาของเธอ หล่อนก็รู้ได้ในทันทีว่า เธอกำาลังคิดอะไรอยู่

ท้ายที่สุดแล้ว คนที่เข้าใจลูกสาวของตัวเองดีที่สุดก็คือแม่ หล่อนจึงเริ่มวิตกกังวล จากนั้นก็พยายามเกลี้ยกล่อมเธอ โดย การบอกเหตุผลมากมายกับเธอ

บนในโลกนี้ การที่ผู้หญิงจะออกไปเผชิญกับโลกภายนอกคน เดียว มันเป็นเรื่องที่ยากและขมขื่นมาก พวกเธอไม่มีทางที่จะมี ชีวิตอยู่ได้
ถึงแม้ว่าหล่อนจะพูดอะไรออกมา มันก็เหมือนกับเธอต้องเห็น อกเห็นใจแม่ของเธอ และเธอก็ต้องให้โอกาสพ่อเลี้ยง เพราะครั้ง นี้เขาก็แค่ผีหลงสติปัญญาเท่านั้น เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทิ้งเธอ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหล่อนจะพูดอะไรออกมามากมายสักแค่ ไหน แต่ เฉียวฉีก็ไม่ได้ยินมันเลยแม้แต่น้อย

ในใจของเธอคิดเพียงแค่ว่า ทำไมกันนะ?

ก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเธอถูกทำร้าย แต่ทำไมแม่ของเธอถึงอยู่ฝั่ง คนอื่น และพยายามเกลี้ยกล่อมเธอเพื่อให้อภัยอีกฝ่าย

ทำไมในใจของหล่อน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ลูกจะเกรงใจหล่อน และไม่ง่ายที่จะนึกถึงพ่อเลี้ยงของเธอ

หล่อนไม่เคยคิดจะทำอะไรเลยพวกเขาเคยทำอะไรให้กับ หล่อนบ้าง?

เฉียวไม่ได้ร้องไห้ เธอทำเพียงแค่มองไปที่หล่อนด้วยสายตา ที่ว่างเปล่า

อาจเป็นเพราะสายตานั้นมันชัดเจนเกินไป มีเงาของความน่า เกลียดและน่าสมเพชสะท้อนออกมาจากดวงตาของเธอ

สุดท้ายคุณแม่เฉียวก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเธอไม่ ยอมตอบ จากนั้นหล่อนก็ยื่นมือออกไปตีที่หลังของเธออย่างแรง

หล่อนตีเธอ พร้อมกับร้องไห้ออกมาด้วยความโกรธ “แกมัวทำอะไรอยู่? ทำไมแกไม่พูด? แกเป็นใบ้รึไง? แม่ถามทําไมแกไม่ตอบ?”

“แกพูดกับฉันเดี๋ยวนี้นะ!”

“แกห้ามมองฉันแบบนี้อีก ได้ยินไหม?”

เมื่อ เฉียวได้ยินมัน

ในใจของเธอก็รู้สึกเจ็บปวด และรู้สึกอยากที่จะประชดประชัน จากนั้น เธอก็หันกลับมา ก้มศีรษะลง และตอบกลับไปคำเดียว เงียบ ๆ ว่า “อือ”

จากนั้นเธอก็หยุดไปครู่หนึ่ง และพูดออกไปอีกว่า “หนูเข้าใจ แล้ว”

ร่างเล็ก นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความรู้สึกอ่อนแอ ราวกับต้นหญ้าที่ เหี่ยวเฉา

คุณแม่เฉียวร้องไห้ออกมา และมองมาที่เธอ หล่อนยังคง

โบกมือไปมาในอากาศ แต่หล่อนก็ไม่สามารถที่เธอได้อีกแล้ว

น้ำตาของหล่อนค่อยๆ ไหลลงมามากขึ้นเรื่อยๆ และความเจ็บ ปวดในใจของหล่อนก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

หลังจากที่หล่อนไม่สามารถอดกลั้นมันเอาไว้ได้แล้ว หล่อนก็ ดึงตัวของ เฉียวเข้ามากอด จากนั้นก็พูดออกไปพร้อมกับร้องไห้ ว่า ” เฉียวฉีแกต้องเข้าใจแม่ แม่ไม่มีทางเลือกจริงๆ”

เฉียวน้อยถูกดึงเข้าไปกอดอยู่ในอ้อมแขนของหล่อนอย่าง แรง และไม่มีแรงแม้แต่จะกระตุกที่มุมปาก
ไม่มีทางเลือก…

มันไม่มีทางเลือกมากขนาดนั้นเลยหรือ?

ประโยคนี้ หล่อนพูดมาหลายครั้งแล้ว และเธอก็ได้ยินมันมา หลายครั้งแล้วเช่นกัน

ในตอนที่พ่อเลี้ยงดุด่าว่ากล่าวเธอ ทุบตีเธอ หรือตอนที่เขา เกลียดชังเธอครั้งแล้วครั้งเล่า และตอนที่เขาใช้คำพูดทําร้าย จิต ใจเธอ

เพราะอย่างนั้น มันไม่มีทางเลือกจริงๆ หรือ? เฉียวไม่เข้าใจ และไม่อยากที่จะยอมรับ

ดังนั้น ตอนที่คุณแม่เฉียวพาเธอกลับไปที่ตระกูลถังเธอจึงมอง ไปที่ใบหน้าเย้ยหยันของคุณพ่อถัง

จากนั้นเธอพูดออกไปตรงๆ ว่า “คุณไม่เต็มใจที่จะรับฉัน ฉันก็ จะไม่บังคับคุณ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันไม่ใช่ลูกเลี้ยงของคุณอีก ต่อไป และฉันจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวนี้อีก และ ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ไปฟ้องศาลเรื่องที่คุณละทิ้งฉัน เพราะพวก คุณไม่ได้ละทิ้งฉัน แต่เป็นฉันที่จะไปเอง จากนี้เป็นต้นไป พวก คุณก็มีชีวิตที่ดีแล้วกัน”

เมื่อพูดจบ เธอก็หมุนตัวและเดินออกไปทันที

คุณแม่เฉียวและคุณพ่อถังถึงกับตกตะลึง เมื่อคุณแม่เฉียวได้สติกลับมา หล่อนก็รีบวิ่งเข้าไปลากตัวเธอกลับมา และถามเธอออกไปว่า “ลูกจะไปไหน?”

เฉียว มองไปที่หล่อนด้วยสายตาเรียบเฉย จากนั้นก็พูดออก

ไปว่า “แม่ แม่ใช้ชีวิตของตัวเองให้ดีเถอะ หนูมีที่ไปของหนู หลัง

จากนี้ถ้ามีโอกาส หนูจะกลับมาเยี่ยมแม่นะ” เมื่อพูดจบ เธอก็ดึงมือของหล่อนออก จากนั้นก็วิ่งออกไปอย่าง

รวดเร็ว

ด้วยความที่คุณแม่เฉียวกำลังตั้งครรภ์ เพราะเด็กในท้องของ หล่อน หล่อนจึงไม่กล้าวิ่งเร็ว ดังนั้นหล่อนจึงตามเธอไปไม่ทัน

เพราะอย่างนั้นหล่อนจึงทำได้แค่กระทืบเท้าปึงปังเท่านั้น

จากนั้นคุณพ่อถังก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นซาว่า “ปล่อย ให้เธอไป ฉันจะรอดูสิว่าเธอจะไปไหนได้ ถ้ามีปัญญาทั้งชีวิตนี้ก็ อย่ากลับมาอีกเลย!

พอพูดเสร็จ เขาก็หมุนตัวและเดินกลับเข้าไปในบ้านทันที หลังจากนั้น เฉียวฉีก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านจริงๆ

เธอไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าในหมู่บ้าน เธอรู้จักกับท่านผู้อำนวยการที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่ง

นั้น

เธอมีโอกาสได้พบเขาที่ถนนหลายครั้ง ด้วยความที่เขาอายุ มากแล้ว เธอจึงได้ช่วยเขาข้ามถนนหลายครั้ง

เธอได้ยินมาว่า ท่านผู้อำนวยการกำลังจะเกษียณอายุ แต่เขาไม่มีลูกหรือญาติพี่น้องเลย เพราะอย่างนั้นเด็กๆ ในสถานรับ เลี้ยงเด็กกำพร้าจึงเป็นเหมือนกับคนในครอบครัวของเขา

ในตอนที่ เฉียว วิ่งไปถึงบ้านของท่านผู้อำนวยการอีกฝ่ายก็

กำลังรดน้ำดอกไม้อยู่ในสวน

เมื่อได้ยินเสียงคนมา เขาจึงหันกลับมามอง และเขาก็เห็น ศีรษะน้อยๆ กำลังปืนขึ้นมาบนรั้ว จากนั้นเธอก็ส่งยิ้มหวานมาให้ เขา

เธอพูดออกไปว่า “ท่านผู้อำนวยการหนูได้ยินมาว่าคุณไม่มี หลานสาว หนูขอมาเป็นหลานสาวของคุณได้ไหม?”

ผู้อำนวยการตกตะลึง แล้วจู่ๆ เขาก็หัวเราะออกมา เขาถามเธอออกไปว่า “สาวน้อยบ้านไหนเนี่ย? มาพูดจาไร้ สาระอะไรแบบนี้ รีบลงมาเร็ว”

เฉียวฉีปีนลงไป เธอเดินเข้าไปในบ้านทางประตูใหญ่ หลังจาก นั้นเธอก็เล่าสิ่งที่เธอได้เจอมา และความคิดทั้งหมดของเธอให้ กับท่านผู้อ่านวยการฟัง

ในยุคสมัยนั้น กฎหมายยังไม่แข็งแรงมากนัก เมื่อได้ยินเรื่อง ราวทั้งหมดที่เธอเล่าให้ฟังจบแล้ว ท่านผู้อำนวยการก็รู้สึกโกรธ และรู้สึกเกลียดชังพ่อเลี้ยงของเธอเป็นอย่างมาก

แต่ เฉียวฉีกลับสงบนิ่งมาก

เธอนั่งอยู่ที่นั่น และพูดเกลี้ยกล่อมออกไปด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “คุณปู่คะ อย่าโกรธไปเลยค่ะ ความจริงแล้วหนูก็เข้าใจว่าสุดท้ายแล้วธรรมชาติของมนุษย์ก็เห็นแก่ตัว หนูกับเขาก็ไม่เคยมี ความสัมพันธ์กันมาก่อน และยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่ได้มีความ เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดด้วย การที่เขาไม่ชอบหนู ไม่อยาก เลี้ยงหนู มันก็เป็นเรื่องปกติ

เมื่อท่านผู้อำนวยการได้ยินเธอพูดเช่นนั้น เขาก็รู้สึกเป็นทุกข์ มากขึ้นไปอีก

เขาจึงพูดออกไปว่า “เด็กดี เธอเป็นเด็กดีที่ไม่คู่ควรที่จะได้รับ ความทุกข์นะ”

เฉียวยิ้มกว้างสว่างไสว เผยให้เห็นฟันขาวเล็กๆ เต็มปาก

“งั้น ท่านปู่ จะรับเลี้ยงหนูไหมคะ?”

ท่านผู้อำนวยการถึงกับตกใจ

สีหน้าของเขาแสดงถึงความลำบากใจออกมา

เฉียวเห็นการแสดงออกทั้งหมดทางสีหน้าของเขา แม้ว่าเธอ จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยในใจ แต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงสงบนิ่ง

เธอทำได้เพียงแค่ยิ้ม แล้วพูดออกไปว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณ ไม่สะดวก หนูไปหาคุณย่าหลี่ที่หมู่บ้านถัดไปก็ได้ค่ะ หนูได้ยินมา ว่าหล่อนอยู่คนเดียว ถึงแม้ว่าหล่อนจะมีหลานชายกับหลานสาว แต่พวกเขาก็ไม่ได้อยู่กับหล่อน แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูช่วย ดูแลหล่อนได้ ช่วยป้อนข้าวป้อนน้ำให้หล่อน คุณปู่คะ อย่าดูถูก ว่าหนูยังเป็นเด็กเลยนะคะ หนูทำอาหารได้ และถ้ายิ่งทำอาหาร มากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งอร่อยมากขึ้นเท่านั้น ถ้าตอนไหนที่พวกคุณทําอาหาร ก็แบ่งให้หนูกินสักคำก็พอแล้วล่ะค่ะ

เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่กลับทำให้ผู้ใหญ่รู้สึกเจ็บ ปวดหัวใจ

แล้วอย่างนี้เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร? เขาจึงตอบตกลงในทันที

มือของเขาสั่นเทา จากนั้นเขาก็ก้าวขึ้นไปข้างหน้าเพื่อที่จะจับ ฝ่ามือเล็ก ๆ ของเฉียวเอาไว้ และพูดออกไปว่า “เด็กโง่ อย่าพูด ไร้สาระเลย คุณปู่ไม่ได้ไม่สะดวกอะไรหรอกนะ มา มา คุณจะ พาเธอไปเจอใคร”

ขณะที่เขาพูด เขาลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายที่สั่นเทา

เฉียว มองไปข้างหน้าเพื่อช่วยเขา จากนั้นเธอก็เดินตามเขา ไปที่สวนด้านหลัง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ