วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 702 เขาคิดถึงเธอแล้ว



บทที่ 702 เขาคิดถึงเธอแล้ว

ไม่หนานตกตะลึง โดยไม่รู้ตัวเธอไม่ได้ตอบสนองต่อสิ่งที่เขา กําลังสื่อออกมา

อีกฝ่ายคิดว่าเธอไม่ต้องการที่จะยอมรับมัน จึงหรี่ตาและ หัวเราะกว้าง

“พวกคุณไม่จําเป็นต้องปิดบังผมหรอก ผมไม่ได้โกรธแค้น อะไรพวกคุณ และผมก็จะไม่ไปหานักข่าวซุบซิบที่น่าเบื่อพวกนั้น ด้วย”

เขาพูด พลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋า และพิมพ์ ชื่อจิ่งหนิงลงในแถบค้นหา

ในไม่ช้า ข้อความก็แสดงออกมารัว ๆ

เห็นเพียงแต่ว่ามันคือข่าวของสิ่งหนึ่งทั้งหมด ไม่มียกเว้น เนื้อหาทั้งหมดเกี่ยวกับการถ่ายทำภาพยนตร์ครั้งก่อนของเธอใน ฐานะนักแสดง

แม้ว่าเธอจะเกษียณตัวเองหลังจากให้กำเนิดลูกในช่วงไม่กี่ปี หลัง ดังนั้นข่าวนี้จึงเป็นข่าวของเมื่อสองสามปีก่อน แต่ตราบใดที่ มีคนต้องการค้นหา ก็ยังสามารถค้นหาได้ไม่ยาก

โม่หนานรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย

เรื่องนี้ต้องโทษเธอ เพราะหลังจากอยู่กับจิ้งหนึ่งมานานพอสมควร สิ่งที่จิ่งหนิงทำและตัวตนของเธอนั้นซับซ้อนเกินไป ซึ่ง ทำให้เธอลืมไปว่าเธอยังมีตัวตนของนักแสดงอยู่

ไม่หนานพยายามแสร้งยิ้ม โดยยกมุมปากขึ้น พูดอย่างเป็น อาย “เอ่อ… ใช่ คนที่คุณเห็นคือเพื่อนของฉัน ขอบคุณที่เก็บเป็น

ความลับให้เรานะคะ”

เมื่ออีกฝ่ายได้ยินคําสารภาพของเธอ สีหน้าของเขาก็ผ่อน คลายลง และดูเหมือนว่าจะค่อยๆ โล่งใจ

“ผมรู้ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

ทันทีหลังจากนั้น เขายิ้มและแนะนำตัวกับเธอ “ผมชื่อBob คุณ ชื่ออะไร?”

ไม่หนานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “โม่หนาน

“ไม่หนาน? ชื่อเพราะจัง ตอนนี้พวกเรารู้จักกันแล้ว ก็นับว่า เป็นเพื่อนกันแล้วใช่ไหม?”

ในใจของโม่หนานมีความรู้สึกว่าคน ๆ นี้…น่ารำคาญ แต่เธอไม่กล้าพูดออกมาตรง ๆ และจะยิ่งลำบากใจขึ้นอีกถ้า

ไล่เขาไป

อย่างไรซะก็อยู่ในพื้นที่ของคนอื่น

เป็นผลให้ เธอยังคงสามารถรักษาภาพลักษณ์ของเธอที่นั่ง เงียบและสุขุมเยือกเย็นเอาไว้ได้ โดยไม่คุยกับเขา

Bob เห็นว่าเขาพูดไปตั้งเยอะ เธอไม่ตอบแม้แต่คำเดียวแม้แต่การตอบสนองใด ๆ ก็ไม่มี

เขาอดไม่ได้ที่จะคล้าจมูกตัวเอง พลางคิดว่าตัวเองทําอะไรผิด พลาดตรงไหนหรือไม่!

ในขณะนี้ จึงหนิงฝึกซ้อมเสร็จเรียบร้อยไปแล้วหนึ่งรอบ จึงให้

เวลาตัวเองพักสิบห้านาที แล้วเธอก็เดินมาทางนี้

“กำลังคุยอะไรกันนะ? เสียงดังโหวกเหวกมาก

เสียงดังโหวกเหวก?

โม่หนานรู้สึกเหมือนได้ยินมุกตลก ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ด้วยความตกใจ

จิ้งหนิงเขินอายเล็กน้อย ใบหน้าของเธอมีสีอ่อน ๆ

แน่นอนว่าเธอสามารถเห็นได้ว่าคนทั้งสองเริ่มอึดอัดวางตัวไม่ ถูก แต่เพียงเพราะเธอสามารถมองออก เธอจึงอยากจะเข้ามา ช่วยไกล่เกลี่ย

บังเอิญเจอคนอย่างไม่หนานที่เป็นคนตรงไปตรงมา คิดอะไรก็ พูดออกมาตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม บรรยากาศก็ยิ่งอึดอัดมากขึ้นไป อีก

ก่อนหน้านี้ Bob ยังคงสามารถใช้อารมณ์ขันของตัวเองดึงส ถานการณ์กลับมาได้

แต่ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเขาก็ดึงบรรยากาศกลับมาไม่ได้แล้ว และสุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงยิ้มเจื่อน ๆ แสร้งทำเป็นว่างานยุ่งต้องขอตัวรีบไปสะสาง

เมื่อ Bob เดินจากไป จึงหนิงก็นั่งลง มองไม่หนานอย่างจน ปัญญา

“เธออ่ะ ดูไม่ออกเหรอว่ามีคนตั้งใจพยายามจะคุยกับเธอ มัน ไม่มีความหมายอะไรสําหรับเธอเลยเหรอ? ทำไมถึงได้ทำหน้า เย็นซาเช่นนี้?”

และปฏิเสธอย่างดื้อรั้น “ตรงไหนกัน อย่าไร้สาระน่า

“ซี ฉันพูดไร้สาระงั้นเหรอ จริงสิ คงมีบางคนไม่กล้ายอมรับ

เธอจิบน้ำแล้วพูดอย่างเงียบ ๆ ว่า “ไม่หนานของเราเป็นคน สวย หุ่นดี บุคลิกดี แต่ขี้อายเกินไป ไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีลูกชาย ของผู้สูงศักดิ์คนไหน จะรับดอกไม้ช่อนี้ของพวกเราไปน้า”

ใบหน้าของโม่หนานก็พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ

เธอลังเลปนกับตื่นตระหนกเล็กน้อย “หนิงหนึ่ง เธอไม่ต้องพูด แล้ว มันไม่มีอะไรอย่างนั้นหรอกน่า

จิ่งหนิงเมื่อเห็นท่าทางประหม่าของเธอ ก็อดหัวเราะไม่ได้

“ทำไมจะไม่มี? ชายหนุ่มเมื่อเติบใหญ่ขึ้นก็ต้องแต่งงาน หญิง สาวก็ต้องออกเรือนเช่นกัน การมีคนรักก็เป็นเรื่องปกติ ตอนนี้ เธอก็อายุไม่น้อยแล้ว เริ่มพิจารณาเรื่องนี้ได้แล้วล่ะ”

โม่หนานเม้มปากแน่น ไม่พูดอะไร

จึงหนิงไม่ได้ตั้งใจจะถามถึงเรื่องส่วนตัวของเธอ แต่ในฐานะเพื่อน อะไรที่เตือนกันได้ก็อยากจะเตือนเอาไว้ แต่การตัดสินใจ เลือกก็ต้องแล้วแต่เจ้าตัว

หลังจากนั่งพักจนหายเหนื่อยแล้ว เธอก็ไปซ้อมขับรถต่อ

หลังจากการฝึกฝนมาทั้งวัน จนกระทั่งเวลาสองทุ่ม การฝึก

ก็สิ้นสุดลง

เมื่อเดินทางกลับถึงโรงแรม เธอก็กินข้าว พลางวิดีโอคอลคุย กับลู่นิ่งเซินไปด้วย

ลู่จิ่งเซินเป็นฝ่ายโทรศัพท์มาหาเธอ โดยกะเวลาอย่างเหมาะ

สม รู้ว่าเธอเพิ่งมีเวลาว่าง และตอนนี้กำลังกินข้าวอยู่ การวิดีโอคอลคุยกันนั้น ไม่ทำให้เสียเวลาพักผ่อนของเธอเลย แม้แต่น้อย คุยกันนาน ก็ไม่ทำให้เสียเวลา

ในวิดีโอคอล อานอานกับจิ้งเจ๋อก็อยู่ด้วยครบ

ขณะนี้ ที่ประเทศจีนเป็นเวลาเช้า เนื่องจากยังเช้าเกินไป ลู่วิ่ง เซินจึงยังไม่ได้เข้าไปที่บริษัท จึงพาเด็กน้อยที่อยู่ที่บ้านสองคน คุยมากับเธอ

ได้เห็นเพียงแก้มน้อย ๆ ที่งดงามและดูสดใสมีชีวิตชีวาของ อานอานจากในวิดีโอ ออดอ้อนเธอ “หม่ามีไปที่นั่นมาสองวัน แล้ว หนูนับให้เรียบร้อยแล้ว หม่ามีจะกลับมาวันมะรืนนี้ใช่ไหม

จิ่งหนิงยิ้มและพูดว่า “มะรืนนี้ที่ไหน อีกสามวันต่างหาก นับ เพิ่มไปอีกหนึ่งวันนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อานอานก็เบ้ปากเล็ก ๆ อย่างไม่พอใจ ถัดไปข้าง ๆ จิ้งเจ๋อก็พูดเสียงอ้อแอ้แทรกเข้ามา ตอนนี้เขาสามารถพูดบางคำได้แล้ว เพียงแต่ยังพูดไม่ค่อยชัด เสียงอ้อแอ้นั้นพูดว่า “ หม่ามีตะไมหม่ามีไม่กลับมา ปมคิดถึง หม่ามี”

จิ้งหนึ่งเมื่อได้ยินลูกน้อยพูดดังนั้น ก็รู้สึกว่าหัวใจของเธออ่อน ระทวยกลายเป็นน้ำ

เธออธิบายอย่างจริงจัง “เพราะหม่ามีต้องทำงานไงคะ จิ้งเจ๋อ อยู่ที่บ้านต้องไม่ดื้อ และก็ต้องเชื่อฟังแด๊ดดี้กับพี่สาว เข้าใจ ไหม?”

เจ้าก้อนกลมตัวน้อยพยักหน้าอย่างจริงจัง

หลู่จิงเซินเมื่อเห็นว่าเธอคุยกับเด็ก ๆ เป็นเวลาพอสมควรแล้ว ก็เรียกให้สาวใช้พาเด็กๆ ออกไป แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พลาง เดินออกไปคุยกับจิ่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว

“ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง? โอเคไหม?”

จิ่งหนิง เห็นวิดีโอของเขากระตุกสองครั้ง ราวกับว่ากำลังนั่ง อยู่บนรถ

เธอพยักหน้า ตอบกลับไปว่า “ทางนี้สบายดีค่ะ แล้วคุณล่ะ?”

ลู่วิ่งเซินเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ปรากฏคมชัดบนหน้าจอ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูนุ่มนวล
“ดีเหมือนกัน แต่จะดีกว่าถ้าคุณอยู่ที่บ้าน

จึงหนิงได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มแก้มปริ

แม้ว่าจะรู้ว่าที่เขาพูดแบบนี้ก็เพื่อจะทำให้เธอมีความสุข แต่ใน ใจก็อดหวั่นไหวกับคำพูดหวาน ๆ ราวกับน้ำผึ้งนี้ได้

ลู่จิ่งเซินคาดเข็มขัดนิรภัย แล้วถามอีกว่า “สองวันผ่านมาคุณ คิดถึงผมไหม?”

แต่เป็นเพราะอยู่ในร้านอาหารสาธารณะ และไม่หนานก็อยู่ ข้าง ๆ จึงหนึ่งจึงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย

ใบหน้าเล็กๆ ที่น่ารักแดงระเรื่อ เธอมองซ้ายทีขวาที จากนั้นก็ พูดอย่างเขินอาย “คิดถึง”

ในวิดีโอ หลังจากที่ชายหนุ่มได้ยินคำนี้ รอยยิ้มอย่างพึงพอใจ

ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

“ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกัน”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ราวกับไม่ได้คำนึงถึงเลยแม้แต่ น้อยว่าบนรถยังมีคนขับและซูมอยู่ด้วย เขามองไปที่เธอและพูด อย่างจริงจังว่า “คิดถึงหลายครั้งเลยด้วย”

ใบหน้าเล็ก ๆ ของจิ่งหนึ่งเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่ได้คาด

คิด

พูดอย่างเคร่งครัด เธอและลู่วิ่งเซ็นแต่งงานกันมาสี่ปีแล้ว เธอคิดมาตลอดว่า สิ่งที่เรียกว่าความรัก จะค่อย ๆ จืดจางไปตามกาลเวลา และในที่สุดก็กลายเป็นความผูกพันของครอบครัว

ที่แยกจากกันไม่ได้ แต่จนกระทั่งเธอแต่งงานกับลู่วิ่งเซ็น เธอถึงพบว่า มันไม่ใช่ แบบที่เธอคิดเลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ