บทที่ 672 ตาต่อตาฟันต่อฟัน
ชูหวานจึงพยักหน้า
เธอเงยหน้ามองถึงลั่วเหยาด้วยร่องรอยของคำขอโทษและยิ้ม อย่างอ่อนโยน “ขอโทษนะคะคุณถัง ฉันสุขภาพไม่ค่อยดี ต้อง กลับไปพักก่อน”
ถังลั่วเหยายิ้ม: “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็จะกลับพอดี”
จากนั้นก็พูดขึ้นอีก: ไม่ทราบว่าสาเหตุที่สุขภาพของคุณไม่ดี เกิดจากอะไรคะ? ก่อนหน้านี้แม่ของฉันก็สุขภาพไม่ดี ดังนั้นฉัน จึงพาเธอมาที่เมืองหลวงเพื่อเสาะหาทางรักษา จึงได้รู้จักกับคุณ หมอหลายท่าน ถ้าหากต้องการล่ะก็ ฉันแนะนำให้คุณได้นะคะ
ซูหวานยิ้มอย่างอบอุ่นและส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันเป็น
โรคเดิม ๆ รักษาไม่หายหรอกค่ะ”
พูดแล้วก็หันไปมองเงินเหวินจวิน
“พี่เงิน พวกเราไปกันเถอะค่ะ”
เงินเหวินจวินพยักหน้าและช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้น จากนั้นก็เดิน ออกไปข้างนอก
ถังลั่วเหยามองพวกเขาเดินออกไป ผ่านไปครู่หนึ่งจึงได้ลุกขึ้น และเดินออกไป
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอไม่เห็นคือ หลังจากเธอออกไปไม่นาน
ที่ลานจอดรถชั้นล่างของห้างสรรพสินค้า ซูหว่านและตูกยิงได้ เผชิญหน้ากันแบบตัวต่อตัว
ในเวลานั้นเป็นเหวินจวินไปขับรถและขอให้ซูหวานรอที่นั่น คิด ไม่ถึงว่ารอตรงนั้นยังไม่ถึงสองนาที ก็มีรถคันหนึ่งเข้ามาจอดตรง หน้า จากนั้นกูยิงก็ลงมาจากรถ
ทั้งสองเผชิญหน้ากัน และทั้งคู่ก็ชะงักครู่หนึ่ง จากนั้นใบหน้า ของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
“เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ตู้กูยิงต้องโกรธอยู่แล้ว เธอหันมองไปรอบๆ และเมื่อแน่ใจว่า ไม่มีใคร ก็ลาก หวานไปที่มุมข้างๆ กับเธอ
จากนั้นก็ต้องเขม็งและพูดอย่างโกรธเคือง: “ฉันบอกเธอแล้ว
ไม่ใช่เหรอว่าห้ามกลับมา? ทำไมเธอถึงกลับมา? เธอคิดจะทำ
อะไรกันแน่?”
ซูหวานอึ้งอยู่ตรงนั้นยังไม่ได้สติกลับมา
ทันใดนั้นก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น จากนั้นรถสีดำก็ดัง “เอี๊ยด” และหยุด
เงินเหวินจวินลงจากรถมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและเร่งฝีเท้า ก้าวเข้ามาและดึงตัวของซูหว่านที่ยังตกตะลึงอยู่ไปไว้ด้านหลัง
เธอ
“คุณทําอะไร?”
เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
เสียงตะโกนนี้ไม่ได้ทำให้ดูกยิงตกใจกลัวเลย กลับทำให้ หว่านได้สติกลับมา
เธอมองคนตรงหน้าและมีสีหน้าตื่นตระหนกและรีบอธิบาย “พี่คะ ฉะ…ฉันไม่ได้ตั้งใจจะกลับมา พี่ฟังฉันอธิบาย…
อย่างไรก็ตามตู้กูยิงไม่ได้โอกาสกับเธอเลย
เธอขัดจังหวะขึ้นทันที “พอแล้ว! ซูหวาน ตอนนั้นเธอรับปาก อะไรไว้? ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่สามารถเอามันมาเป็นข้อ อ้างที่จะทำลายสัญญานั้นได้
ซูหวานได้ยินเธอพูดแบบนี้ก็รู้สึกเจ็บปวดใจราวกับมีดบาด และน้ำตาก็ไหลลงมาในทันใด
“พี่คะ..”
กูยิงมองไปที่เธอและยิ้มอย่างเย็นชา “ว่าไง? เธอยังคิดว่า พวกเธอยังจะสามารถจุดถ่านไฟเก่าได้อยู่เหรอ? เธอยังคิดว่าจะ ยังสามารถยั่วเขาได้อีกครั้ง? หว่าน ทำไมเธอถึงได้หน้าไม่อาย แบบนี้? แกล้งทำเป็นอ่อนแอแบบนี้ให้ใครดูเหรอ? เธอคิดว่าฉัน จะเห็นใจเธอ สงสารเธองั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!
“หุบปาก!”
เงินเหวินจนทนไม่ได้อีกต่อไป ไม่สนใจว่าหว่านจะขวางไว้ เขาก้าวเข้าไปข้างหน้าและดึงหว่านไปไว้ด้านหลังตน
เขาจ้องมองกูยิงด้วยความโกรธและพูดเสียงดัง “เสี่ยวหวั่น เป็นคนมีชีวิตจิตใจ เธอมีอิสระเป็นของตัวเอง เธออยากจะกลับ มาหรือไปที่ไหนก็ได้ คุณไม่มีสิทธิ์จะมาก้าวก่าย!”
กูยิ่งมองดูผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าแล้วมองซูหวานและยิ้มเย็น อย่างไม่อยากจะเชื่อ
“หี ดูไม่ออกเลยนะ อายุปูนนี้แล้ว ยังจะมีผู้ชายจะเป็นจะตาย เพราะเธอ พยายามจะปกป้องเธอสุดกำลัง
สายตาของเธอมองหน้าของเงินเหวินจวินอีกครั้งและยิ้มอย่าง เย็นชา: “คุณเป็นอะไรกับเธอ? คนรัก? สามี? หรือว่าไม่ได้เป็น อะไรเลย? เธอให้กลับมาเป็นเพื่อนเธอนั้นเหรอ?”
เงินเหวินจนพูดอย่างเย็นชาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ไม่ใช่ เรื่องของคุณที่จะต้องรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเรา คุณนายเฟิง คุณ เองก็เป็นคนมีศักดิ์ศรี พวกคุณเองก็เคยเป็นพี่น้องกัน ทำไมถึง พูดจาไม่น่าฟังแบบนี้เวลาที่พบกัน ทำให้ต่างฝ่ายต้องอับอาย
ยินได้ยินอย่างนั้นเหมือนได้ยินได้ฟังเรื่องตลกที่ไม่เคยมี ที่ไหนมาก่อน
ตอนแรกเธอแสดงความไม่เชื่อและเธอก็หัวเราะร่วน
“ศักดิ์ศรี? เป็นคำที่น่าขันที่สุดที่ฉันได้ยินในวันนี้เลย เธอบอก อย่างนั้นเหรอว่าเราเป็นพี่น้องกัน? งั้นตอนนี้ฉันจะบอกเธอให้นะ พวกเราไม่ใช่พี่น้องกันนานแล้ว ตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีก่อน ตั้งแต่เธอ หน้าไม่อายและยั่วยวนพี่เขยตัวเอง ในวันนั้น พวกเราก็ไม่ใช่พี่ น้องกันอีกแล้ว!”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ตกตะลึง
สีหน้าของซูหวานเปลี่ยนเป็นซีดขาว ตัวเธอแข็งเกร็งและมอง ไปที่ถูกยิงที่มีสีหน้าเย็นชาอย่างรุนแรง
ควาความทรงจําในอดีตที่ไม่อาจทนได้กลับมาท่วมท้นในใจ อีกครั้ง น้ำตาก็ไหลท่วมเหมือนวาล์วน้ำที่ถูกเปิด
“พี่คะ ฉันไม่ได้อยากจะเข้าไปรบกวนชีวิตพี่อีกจริงๆ ฉัน เพียง…ฉันเพียงแค่อยากมาให้เห็นกับตาเป็นครั้งสุดท้าย…
ตู้กูยิงยิ้มเย็นและพูด: “ดูอะไร? อยากจะมาดูผู้ชายที่เธออยาก จะได้เขามานานตลอดหลายปีที่ผ่านมา หรือว่าจะมาดูว่าฉันกับ เขายังรักกันดีอยู่ไหม จะมีโอกาสมาคั่นกลางได้หรือเปล่า?”
“ซูหว่าน หากรู้แต่แรกว่าจะมีวันนี้ ตอนนั้นฉันจะช่วยเธอไว้ ทำไมนะ? สู้ให้เธอจมน้ำตายในทะเลนั่นไม่ดีกว่าเหรอ? เธอจะได้ ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แบบที่เธอทำตอนนี้ ส่วนฉันจะได้ไม่ต้อง รู้สึกเกลียดชัง เธอว่าไง?”
ซูหวานตกใจและก้าวถอยไปสองก้าว ทุกอย่างที่ถูกยิงพูดมา นั้นเป็นเหมือนกับมีที่ปักเข้าไปในหัวใจของเธอ
เธอกัดริมฝีปากล่างแน่น ผ่านไปครู่หนึ่งแล้วจึงส่ายหน้า
“พี่คะ ฉันรู้ว่าตอนนี้ไม่ว่าฉันจะพูดอะไร พี่ก็ไม่ยกโทษให้ฉัน ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก พี่วางใจเถอะค่ะ ฉันไม่มีความคิดแบบที่พี่พูด ในเมื่อพี่ไม่อยากเจอฉัน อย่างนั้น ต่อไปฉันจะหายไป ไปไกลแสนไกล จะไม่มาให้พี่เห็นหน้าอีก
ตู้กูยิงมองเธอและไม่พูดอะไร
แววตาของเธอเย็นเยียบแต่มันกลับพูดทุกอย่าง
สายตาของซูหวานหรี่ลง และครู่หนึ่งเธอก็ถอยหลังหนึ่งก้าว จากนั้นก้มลงและโค้งคำนับให้ถูกยิงแล้วหันหลังและเดินไปที่รถ
เงินเหวินจนเห็นแบบนั้นแล้วขมวดคิ้วแน่น
สุดท้ายเขาก็เหลือบไปมองยิ่ง ไม่พูดอะไรและหันหลังวิ่ง ตามไป
จนกระทั่งซหว่านขึ้นรถและรถก็ออกไปยิงถอนหายใจอย่าง โล่งอก
สีหน้าเธอของเธอยังดูแย่มาก เธอจ้องไปทางรถที่ขับออกไป และสั่งสาวใช้ที่ตามมาข้างหลัง “ช่วยฉันตรวจสอบที เธอกลับ มาตอนไหน ตอนนี้อยู่ที่ไหน
สาวใช้คนนนั้นดูมีอายุบ้างแล้ว เป็นคนที่อยู่กับเธอมาตั้งแต่
เด็ก
เมื่อได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าและพูดกับเธอด้วยความเคารพ
“ค่ะ”
หลังจากตู้กูยิงสั่งเสร็จ ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่สบายใจ แต่ก็ดี กว่าเมื่อครู่แล้ว
เธอคิดถึงสีหน้าของหว่านเมื่อครู่ มันดูซีดขาวและเปราะบาง อย่างนั้น มันช่างดูแตกต่างจากท่าทีฮึกเหิมดุจเสือและมังกรที่โลดโผน ในตอนนั้นอย่างสิ้นเชิง
มีการต่อสู้ดิ้นรน ในแววตาของเธอ แต่เธอไม่พูดอะไรอีกและ เดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้า
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ