วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 670 บังเอิญพบตอนช้อปปิ้ง



บทที่ 670 บังเอิญพบตอนช้อปปิ้ง

เธอหยิบโทรศัพท์ออกมามองแล้วขมวดคิ้ว

ถังลั่วเหยาถามว่า “มีอะไรผิดปกติเหรอ?”

จิ่งหนิงกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ฉันขอรับสายก่อนนะ คุณลองดูไป ก่อนแล้วกัน”

ถังลั่วเหยาพยักหน้าและดูเธอเดินออกจากร้านเพื่อไปรับ โทรศัพท์ จากนั้นจึงเข้าไปในห้องลองเสื้อ

หลังจากที่จิ่งหนิงเดินออกไปแล้ว เธอก็กดรับสาย

ฝั่งตรงข้าม เสียงของกู้ซื้อเฉียนก็ดังขึ้น

“เสี่ยว ผมอยากขอความช่วยเหลือจากคุณ แต่ผมไม่รู้ว่าคุณ ไม่สะดวกหรือเปล่า?”

จิ่งหนิงขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่พอใจเล็กน้อยว่า “กู้ซื้อเฉียน ฉันคิดว่ามิตรภาพของเราสิ้นสุดลงนานแล้วนะคะ ดังนั้นฉันไม่ ต้องการให้คุณโทรหาฉันเพื่อขอความช่วยเหลืออะไรอีก

กู้ซื้อเฉียน ไม่โกรธเมื่อได้ยินคำพูดนั้นและยิ้มขึ้น

“อย่ารีบปฏิเสธไปเลย ลองฟังมันดูก่อนนะ ไม่ต้องกังวล ใน เมื่อผมมาให้คุณช่วยเหลือ แน่นอนว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องที่มี ประโยชน์ต่อผมคนเดียวแน่นอน

จิ่งหนิงเงียบลงหลังจากได้ยินคำพูดนั้น
ทันทีหลังจากนั้น กู้ซือเจียนก็บอกเธอถึงความปรารถนาที่จะ ให้เธอช่วย

หลังจากที่จิ้งหนิงฟังจบเธอก็ไม่พูดอะไรออกมา

ไม่นาน เธอก็พูดขึ้นว่า “ฉันช่วยคุณได้ แต่ฉันมีข้อแม้อีกนิด หน่อยนอกเหนือจากที่คุณพูดมา”

ฝั่งตรงข้าม เสียงของกู้ซื้อเฉียนไม่ได้ฟังดูน่าประหลาดใจเท่า ไหร่นัก

เขาถอนหายใจออกมาสองครั้ง “เห้อ เสี่ยวซีของเราดูเหมือน จะโลภขึ้นกว่าเดิมนะ โอเค ทำตามที่คุณบอกก็ได้

จิ่งหนิงจึงได้วางสายโทรศัพท์ลง

หลังจากวางสาย เธอก็ยังไม่รีบกลับเข้าไปในร้าน แต่กลับยืนถือโทรศัพท์อยู่ตรงที่เดิม ครุ่นคิดแล้วโทรออกอีก

ครั้ง

อีกด้านหนึ่ง

หลังจากที่ถังลั่วเหยาลองชุดเรียบร้อยแล้ว เธอออกมาและ เห็นจิ้งหนึ่งเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ลึกล้ำ

เธอเห็นว่าหล่อนมีบางอย่างอยู่ในใจ จึงถามด้วยความเป็น ห่วงว่า “พี่หนิง เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?”

จิ่งหนึ่งขมวดคิ้วเล็กน้อยและโบกมือ “ไม่เป็นไร หลังจากนั้น เธอก็จ้องมองไปยังชุดที่เพิ่งลองและยิ้มว่า “สวยดีชื่อเถอะ

ถังลั่วเหยา

เธอพบว่าตัวเองสวมชุดหางปลาสีขาวสวยงามร่างกายเธอเต็มไปด้วยความแวววาวสดใส เธออดได้จะพยักหน้าแล้ว

ค่ะ ฉันเลยนะคะ

จิ่ง

ดังนั้นลั่วเหยาจึงเข้าไปเปลี่ยนชุดและเดินออกมาจ่ายเงิน

ทั้งสองเดินออกจากพร้อมกับพวก

มายังอดได้จะพูดว่า พี่หนิง คุณแน่ใจหรือขึ้น?

จึงในไม่วินาที

เธอยิ้มขึ้นบาง“จริงมีนิดหน่อย”

หลังจากหยุดไปพักหนึ่ง เธอพูดขึ้นเดี๋ยวขอไปจัดการธุระบางอย่างก่อน แล้ววันหลังถ้าเวลาโทรไปนัดเธอใหม่”

ถังลั่วเหยาพยักหน้ารวดเร็ว

โอเคค่ะ ไม่เป็นไรเลย คุณไปจัดการเรื่องของตัวเองก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันเดินอีกสักพักก็กลับแล้ว”

จิ้งหนึ่งพยักหน้าแล้วกำชับว่า ให้เธอใส่ใจความปลอดภัยของ ตัวเองด้วยก่อนจะจากไป

หลังจากที่วิ่งหนิงจากไป ถังลั่วเหยาก็เริ่มเดินชอปปิ้งตาม ลำพัง

ความแตกต่างระหว่างการช็อปปิ้งคนเดียวกับสองคนยังไงมัน ก็ยังมีอยู่ไม่น้อย

ถังลั่วเหยาเดินเล่นอยู่พักหนึ่งและรู้สึกเบื่อเล็กน้อย ในขณะที่ เธอกำลังลังเลว่าจะกลับบ้านดีหรือไม่ ทันใดนั้นก็เห็นร่างอันคุ้น เคยปรากฏอยู่ข้างหน้ากำลังเดินตรงมา

“พี่เป็น อันที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องอยู่กับฉันตลอดเวลาแบบนี้ ก็ได้นะคะ ฉันแค่อยู่บ้านเบื่อๆเลยออกไปเดินเล่นเฉยๆ ไม่มีอะไร หรอกค่ะ”

ซูหว่านพูดกับเงินเหวินจวินที่อยู่ข้างๆเธอเบาๆ

ใบหน้าของเวินเหวินจวินยังคงเย็นชาเช่นเคย แต่คำพูดที่เขา พูดนั้นอบอุ่นมาก

“คุณไม่ได้กลับมากว่า20ปีแล้ว เรียกได้ว่าคุณไม่คุ้นเคยกับ เมืองหลวงเลยก็ได้ บางทีแค่คุณบอกว่าไม่เป็นไร มันก็ใช่จะไม่ เป็นไรจริงๆนะครับ”

เขาหยุดลงชั่วคราวแล้วพูดว่า “อีกอย่างผมก็ไม่มีอะไรทำ ออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนคุณแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกครับ”
เมื่อเห็นเขาพูดเช่นนี้ ซูหวานก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ดังนั้นเธอจึงไม่พูดอะไรอีก

ทั้งสองคนกำลังเดินไปข้างหน้า และทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นถึง ถั่วเหยาอยู่ตรงหน้า พวกเขาจึงหยุดลง

“คุณถัง บังเอิญจริงๆนะคะ คุณมาที่นี่ได้อย่างไร?”

ถังลั่วเหยารู้สึกว่าสิ่งต่างๆ ในโลกนี้แปลกมากจริงๆ จนบาง ครั้งคนสองคน อาจเดินผ่านกันไปอย่างไม่รู้จัก

แต่บางทีอาจจะได้พบกันบ่อยๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ มันช่าง บังเอิญเสียจริง

เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “พี่ซูบังเอิญจริงๆด้วยค่ะ คุณ ออกมาช้อปปิ้งเหรอคะ?”

หว่านพยักหน้าและยิ้ม “อยู่บ้านมันน่าเบื่อเกินไปค่ะ ก็เลย

ออกมาเดินเล่น”

เธอหยุดมองไปข้างหลังแล้วถามว่า “คุณมาคนเดียวเหรอ?”

ถังลั่วเหยากล่าวว่า “ตอนแรกมากับเพื่อนอีกคนหนึ่งค่ะ แต่ พอดีเธอเพิ่งกลับไปเมื่อครู่เพราะมีธุระ ฉันเลยเดินคนเดียวค่ะ

ซูหวานยิ้ม “ช้อปปิ้งคนเดียวมันน่าเบื่อนะคะ ถ้าคุณไม่รังเกียจ เราไปช้อปปิ้งด้วยกันไหม?”

เงินเหวินจวินขมวดคิ้วเข้าหากันโดยไม่รู้ตัวเมื่อเขาได้ยินคำ พูดนั้น และต้องการจะหยุดเธอ
แต่ว่าซูหวานได้เดินนำหน้าเขามาหนึ่งก้าวและก้าวไปข้างหน้า จับมือถังลั่วเหยาไว้

เมื่อถังลั่วเหยาเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกว่าการไปช้อปปิ้งด้วยกันน่าจะ

ดีกว่า

เธอค่อนข้างเบื่อเมื่ออยู่คนเดียว ประกอบกับเธอเองก็ชอบ หวานมาก ดังนั้นเธอจึงเห็นด้วย

เงินเหวินจวินมองตามหลังทั้งคู่ที่เดินจับแขนกันไป สีหน้าของ เขาเคร่งขรึม แต่ก็ไม่ได้เดินเข้าไปหยุดเธอเอาไว้ ต่อมาเมื่อถังลั่ว เหยาเดินช้อปปิ้งกับซูหวาน ดูเหมือนเธอจะมีความสุขไม่น้อย

ต้องยอมรับว่าซูหวานเป็นคนที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว ทั้ง หน้าตาสวยงาม มีอารมณ์ขันและใจกว้าง เห็นได้ว่าภูมิหลังทาง ครอบครัวของเธอคงต้องดีเยี่ยมจึงจะเป็นแบบนี้ได้

ถังลั่วเหยาอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น ในเรื่องความ

สัมพันธ์ของเธอกับเฟิงสิงสัง

เมื่อคิดเช่นนั้น พวกเธอก็หาที่นั่งจิบน้ำชาหลังเหน็ดเหนื่อยกับ การเดินมาสักพัก

ถังลั่วเหยาถามคำถามที่อยู่ในใจของเธอออกมาว่า

“พี่คะ ฉันได้ยินคุณพูดว่าคุณกับคุณลุงเพิ่งรู้จักกัน พวกคุณ เป็นอะไรกันเหรอคะ?”

ซูหว่านรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินคำถามนั้น หลังจากครุ่นคิด ดูแล้ว เธอก็ไม่ได้หลบเลี่ยงคำถามของหล่อน
จึงพูดออกมาเบาๆว่า “เขาเป็นพี่เขยของฉันเอง”

“คะ?”

ต้องยอมรับว่าเป็นถังลั่วเหยาที่อยากรู้อยากเห็นในเรื่องนี้ไม่ ว่าค่าตอบที่เธอคิดไว้ล่วงหน้าในใจจะมีมากมาย แต่เธอไม่คิดว่า คำตอบสุดท้ายจะเป็นเช่นนี้

เธอมองไปที่ซูหวานครุ่นคิดและขมวดคิ้วเล็กน้อย

“แต่คุณป้าชื่อกูยิง เธอแซก แต่คุณแซ่ซู นี่มัน…….

หว่านมองดูท่าทางงุนงงของเธอและยิ้มขึ้นเบาๆ

เธอช่างอ่อนโยนเหลือเกิน เธอไม่มีร่องรอยของความ แหลมคมเลย แม้แต่แววตาก็เช่นกัน

เธอพูดขึ้นเบาๆว่า “เราไม่ใช่พี่น้องกันในสายเลือดหรอก ตอน ที่ฉันยังเป็นเด็กครอบครัวของฉันมีปัญหา ต่อมาฉันถูกตระกูลก รับเลี้ยงเอาไว้ พวกเขาใจดีมากและอนุญาตให้ฉันเก็บนามสกุล เดิมไว้ ดังนั้นนามสกุลของฉันคือซู แต่ฉันเติบโตขึ้น ในตระกูล คุณป้าที่เธอพูดถึง คือพี่สาวที่ฉันนับถือเหมือนพี่สาวแท้ๆค่ะ”

ถังลั่วเหยาตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบนี้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ