บทที่ 661 ลงมือเข้าครัวเอง
บรรดาคุณหญิงคุณนายเหล่านั้น อย่าว่าแต่เรื่องทำอาหารเลย พวกเธอไม่เคยแม้แต่เดินเข้าไปในประตูห้องครัวด้วยซ้ำ
ดังนั้นพวกเธอจึงเกิดความเคยชินกับมันแล้ว ห้องครัวเปรียบ เสมือนโลกทั้งใบของพวกเธอ เจ้านายอยากกินอะไรก็ทำให้กิน เพียงเท่านั้นพอ
แต่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเมื่อมาอยู่ที่บ้านของถังลั่วเหยา เธอจะพูดออกมาอย่างเต็มใจว่าเธอจะลงมือทำอาหารเอง
เมื่อพี่หวงเห็นว่าเธอกำลังหยิบเมนูอาหารขึ้นมา ทำท่าจะ ลงมือจริง
เธอก็รีบพูดขึ้นด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆและจริงใจว่า “นาย หญิงคะ ถ้าอยากทานปลาน้ำแดงละก็ พวกเราจะลงมือทำให้เอง นะคะ นายหญิงไม่ต้องลงมือเข้าครัวเองหรอกค่ะ
“หากคุณมีความคิดเห็นเกี่ยวกับรสชาติอาหารหรืออย่างไร เพียงแค่บอกพวกเรามา เราจะพยายามทำออกมาเพื่อนายหญิง อย่างดีที่สุด คุณไม่จำเป็นต้องลงมือทำเองจริงๆค่ะ
ถังลั่วเหยามองไปที่พวกเขาและยิ้ม
“คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่มีความเห็นเกี่ยวกับฝีมือคุณ ฉันแค่…”
เธอหยุดชั่วคราว ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ แต่ใบหน้า ของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มอันอ่อนโยนขึ้นทันใด
“ฉันแค่รู้สึกคันไม้คันมือเท่านั้นเองค่ะ ก็เลยอยากลองลงมือ ด้วยตัวเอง ทุกคนไม่ต้องตกอกตกใจขนาดนั้นหรอกนะคะ ไปทำ ธุระของตัวเองต่อเถอะค่ะ ถ้าฉันต้องการความช่วยเหลือแล้วฉัน จะบอกพวกคุณเอง”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ทุกคนก็รับรู้ว่าเธอจะลงมือทำอาหารเอง ไม่ใช่เพราะเธอไม่ชอบฝีมือของพวกเขา ต่างก็วางใจลงไม่น้อย
พี่หวงพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นนายหญิงระมัดระวังด้วย นะคะ ดิฉันจะนำส่วนผสมที่คุณต้องการใช้ออกมาให้ค่ะ
ถังลั่วเหยาพยักหน้า “ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่เราควรทำอยู่แล้ว”
ถังลั่วเหยาให้พี่หวงน้ำปลาออกมาและทำการชำแหละ จาก นั้นเธอจึงเริ่มลงมือปรุงปลาน้ำแดงตามกระบวนการที่ค้นหามา
พี่หวงและคนอื่นๆไม่รู้มาก่อนว่ายังลั่วเหยาทำอาหารเป็น ตอน แรกทุกคนดูเป็นกังวลเล็กน้อย หากว่านายหญิงทำไม่เป็นจริงๆ ละก็ เกรงว่าสุดท้ายคงเป็นพวกเธอที่ต้องมารับกรรม
ไม่คาดคิดว่าเมื่อเธอเริ่มลงมือ ก็พบว่าถังลั่วเหยาไม่เพียงทำ อาหารเป็น แต่การเคลื่อนไหวของเธอก็คล่องแคล่วมากด้วย แทบไม่รู้สึกว่าเป็นคุณหนูที่ถูกทะนุถนอมมาแต่เล็กแต่น้อยเลย ทุกคนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ หลังจากที่ถังลั่วเหยาหมักปลาเรียบร้อยแล้ว เธอก็เริ่มทอดปลาหลังจากเวลาผ่านไป
ประมาณ 20 นาที
ถังลั่วเหยาทอดปลาพลางสนทนากับหวงและอื่นด้วย รอยยิ้มอย่าดูถูกการทอดไปนะเราต้องทอดให้ทั้ง สองด้านเหลืองเกรียมเล็กน้อย อย่าทอดเกินไม่อย่าง นั้นอาจจะไหม้ได้ จริงการใช้มากเลยล่ะค่ะ”
พี่หวงเห็นแล้วว่าถังเหยารู้ทำอาหารเป็นอย่างดี นอกจากชื่นชมในใจแล้ว เธอค่อนข้างจะนับถือกว่า
ดังนั้นเธอจึงหัวเราะและพูดจริงค่ะ ถ้าทอดนานไปจะไหม้ แต่ถ้าทอดเร็วปลาก็เสียรสชาติไปได้ คะ
ถังลั่วเหยายิ้ม หลังจากที่ทอดปลาเสร็จแล้วเธอเริ่มต้ม
เนื่องจากหลายคนอยู่ในครัวมักยุ่งกับงานของตน ตาม เวลาก็ยัง มากและมักจะไม่ค่อยได้ใช้เวลาอยู่ที่บ้าน ดังนั้นคนใช้ เวลาร่วมกันน้อยมาก
ด้วยเหตุผลเอง เนื่องจากค่อยรู้จักนิสัยเท่าไรใช้ต่างไปว่าเธอเป็นคนประเภทที่เข้าถึงยาก เช่นเดียว นายหญิงในบ้านตระกูลส่งเหล่านั้นเคยมาก่อน
แต่สิ่งที่เคยคาดคิดก็คือ หลังได้พูดคุยกับเธอ กลับ ว่าถังลั่วเหยาเป็นและได้ง่าย
ไม่มีการวางท่าเหมือนภรรยาชนชั้นสูงหรือดาราดังๆเหล่านั้น
เลย
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ และกลับเกิดความชื่นชอบนาย หญิงแสนสวยคนนี้มากขึ้นไปอีก
หลังจากที่ถังลั่วเหยาได้นำปลาลงหม้อและเริ่มเคี่ยว เธอก็โทร หาเฟิง และบอกให้เขากลับมาทานอาหารเย็นที่บ้าน
เพิ่งรู้ว่าเธอกลับมาบ้านในวันนี้
แต่ไม่รู้ว่าเธอลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง
หลังจากสนทนากันทางโทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว ยังไม่ทันหก โมงเย็น เขาก็กลับมาถึงบ้านแล้ว ถังลั่วเหยามองดูเวลาเห็นว่าสมควรแล้ว เธอจึงกำชับให้คน
รับใช้เสิร์ฟอาหาร
อาหารมื้อเย็นเต็มไปด้วยสีสันสดใส กลิ่นหอมยวนใจ ทุก อย่างครบพร้อม
เนื่องจากมีคนรับประทานเพียงสองคนเท่านั้น ทั้งถังลั่วเหยา และเฟิงก็ไม่ชอบการสิ้นเปลือง ดังนั้นแม้ว่าจะมีอาหารมากมาย แต่ในแต่ละจานก็มีปริมาณไม่มาก
เดิมทีเฟิงเพียงแค่เหลือบมองไปยังอาหาร แต่เขาไม่ได้ใส่ใจ มากนัก
แต่ทันทีที่เขาเห็นปลาน้ำแดงที่วางอยู่กลางโต๊ะ สายตาของเขาก็หยุดชะงักลง
แม้จะมีคนรับใช้มากมายในบ้าน และเขาก็ทานอาหารที่บ้าน อยู่บ่อยๆ ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับฝีมือของแม่ครัวที่บ้านเป็นอย่างดี
แม้จะยังไม่ได้ชิมรสของปลา แต่ดูจากสีสันและหน้าตาแล้วเขา รู้ได้ทันทีว่าแม่ครัวไม่ได้เป็นคนทำ
เขาเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองไปยังถังลั่วเหยา ดวงตาของ เขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“คุณทําเหรอครับ?”
ดวงตาของถังลั่วเหยาเป็นประกาย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“ใช่ค่ะ ก็แค่รู้สึกเบื่อค่ะ เลยลงมือทำอะไรเล็กน้อย คุณลองชิม ดูสิคะว่าอร่อยไหม”
เฟิงยี่ยิ้มและนั่งลง หยิบตะเกียบของเขาไปคืบปลามาชิม
ต้องบอกว่ารสชาติดีทีเดียว
รสชาติของปลาผสมผสานกับรสชาติของผัก ให้ความรู้สึกที่ แตกต่างอย่างบรรยายไม่ถูก
แม้ว่าท่าทางของถังลั่วเหยาอาจดูเหมือนไม่สนใจ แต่ในความ เป็นจริงแล้วเธอใส่ใจกับความคิดของเขามากทีเดียว
เมื่อเห็นเขาลงมือกิน เธอก็มองมาที่เขาอย่างประหม่าแล้วถาม
ว่า “เป็นไงบ้างคะ รสชาติโอเคไหม?
เพิ่งมองดูเธออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยิ้มและพยักหน้าพูดว่า”อร่อยมากครับ
ถังลั่วเหยายิ้มด้วยความโล่งใจ
“ถ้าอร่อยก็ทานเยอะๆนะคะ”
เมื่อพูดจบ เธอก็ใช้ตะเกียบคีบปลาชิ้นโต ให้เขา
ในมื้อนั้นเพิ่งทานข้าวเพิ่มอีกหนึ่งชามเพราะเขาอารมณ์ดี เป็นพิเศษ
เมื่อกินเสร็จ เขาก็รู้สึกว่ากินเยอะไปหน่อย ก็เลยพาถังลั่วเหยา ไปเดินย่อยที่สนาม
มีสวนขนาดใหญ่อยู่หน้าวิลล่าหลาน และมีทัศนียภาพ สวยงาม อากาศดี
ทั้งสองคนจับมือกันเดินไปรอบๆ เพิ่งถามเธอขึ้นว่า “ครั้งนี้
พักผ่อนนานแค่ไหนครับ?”
ถังลั่วเหยาชนิ้วขึ้นมานับ “อืม……… สามวันได้มั้งคะ”
เฟิงยี่ขมวดคิ้ว
“แค่สามวัน?”
ถังลั่วเหยาพยักหน้า “ใช่ค่ะ มีรายการวาไรตี้อีกไม่กี่วันข้าง หน้า และฉันต้องเดินทางไปที่หมู่บ้านชนบทซึ่งห่างไกลจากที่นี่ มาก อาจใช้เวลา 20 วันกว่าจะกลับมา”
เมื่อพูดประโยคเหล่านี้ออกมาเฟิง ก็ดูไม่มีความสุขขึ้นทันที
เขามองออกไปเห็นศาลาซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก จึงพาถังลั่วเหยา
เดินไปนั่งลงเขากอดหญิงสาวตัวเล็กๆเอาไว้บนตักของเขา เขามองมาที่เธอแล้วพูดว่า “เหยาเหยา คุณวิ่งไปมาแบบนี้จะ เหนื่อยเกินไปไหมครับ?”
ถังลั่วเหยาผงะไปครู่หนึ่ง
เหนื่อยไหมนั้นหรือ? ดูเหมือนจะไม่เหนื่อยนะ
ปริมาณของงานในวงการบันเทิงมากมายเกินกว่าคนทั่วไปจะ จินตนาการได้
แต่โชคดีที่เธอมีเจ้านายที่ใจดีอย่างยิ่งหนึ่ง
จึงหนึ่งไม่เหมือนบริษัทนายหน้าอื่นๆ ที่ต้องการใช้ศิลปินเพื่อ เป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้เมื่อศิลปินยังมีมูลค่าทางการค้า เท่านั้น
ในด้านนี้ บริษัทซิงฮุยค่อนข้างจะมีมนุษย์ธรรมกว่าที่อื่น
ทุกครั้งหลังจากงานหลักแต่ละงานเสร็จสิ้น จะให้เวลาแก่ พนักงานสองสามวันเพื่อพักผ่อนและปรับสถานะร่างกาย
ต่างจากบริษัทอื่นๆ ตรงที่ส่วนใหญ่จะเชื่อมต่องานเข้ากันโดย ไม่หยุดพัก คนงานเปรียบเสมือนกับลูกข่าง และบริษัทก็เปรียบ เสมือนกับเชือกที่คอยหมุน
ตราบใดที่เชือกยังไม่หยุด ลูกข่างก็หยุดลงไม่ได้ หรือมันอาจจะไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะหยุดลงด้วยซ้ำไป
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ