วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 62 รอเขากลับบ้านพร้อมกัน



บทที่ 62 รอเขากลับบ้านพร้อมกัน

พอวันรุ่งขึ้นจึงหนิงก็มุ่งหน้าไปที่อานหนิงกั๋วจี้โดยตรง

หลังจากที่เซ็นสัญญาไปหลายชุด ในที่สุดวัฒนธรรมชิงฮุ

ยก็ถือว่าได้ทำงานร่วมกับอานหนิงกั๋วจื้อย่างแท้จริงแล้ว เนื่องจากเป็นคำสั่งโดยตรงจากลู่จิ่งเซิน เพราะฉะนั้น แม้ว่าผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจะรู้สึกประหลาดใจ แต่

พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา

หลังจากเซ็นสัญญาทำงานร่วมกันแล้ว ซูมู่ก็พาจึงหนิงไปที่ แผนกประชาสัมพันธ์ และทำการประกาศว่าเธอจะมารับ ตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์

สองปีมานี้ จิ่งหนิงได้สร้างชื่อเสียงในสังคมมามากมาย

และแม้ว่าเธอจะทำตัวไม่โดดเด่นในสายงานมากแค่ไหน เพื่อนร่วมงานส่วนมากก็ยังคงรู้จักเธอและยอมรับในความ สามารถของเธอ

แล้วพอยิ่งรู้ว่าประธานลู่เป็นคนเชิญเธอมา พวกเขาจึงมี ความสุขมากอย่างอดไม่ได้

แต่แน่นอนว่าก็มีคนบางส่วนที่ทำงานมานานแล้วเห็นว่านี่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยกับการที่ตำแหน่งของผู้อำนวยการ ว่างอยู่ พวกเขาต่างก็หวังว่านี่จะเป็นโอกาสของพวกเขาที่จะได้นั่งตำแหน่งนั้น ทว่าจู่ๆก็เหมือนกับมีทหารพลร่มคนหนึ่ง กระโดนลงมาปล้นตำแหน่งของตัวเองไปซะยังงั้น

พวกเขาอยากตำหนิเรื่องนี้มาก แต่เนื่องจากทุกคนต่าง พร้อมใจกันอ้าแขนต้อนรับ พวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไร

จึงหนิงเริ่มทำความคุ้นเคยกับบุคลากรและสถานการณ์ ต่างๆ ในแผนกอยู่พักใหญ่ จากนั้นก็ตกลงว่าจะมาทำงานใน วันพรุ่งนี้แล้วเธอก็กลับไป

พอกลับออกมาจากอานหนิงกั๋ว จี้ เธอก็กลับไปที่วัฒนธร รมชิงฮุยอีกครั้ง

ตอนที่เธอพึ่งได้รับช่วงต่อที่วัฒนธรรมชิงฮุย เธอก็ได้โทร หาเสี่ยวเหอเอาไว้ก่อนแล้ว

และเผอิญว่าวันนี้เสี่ยวเหอจัดการเรื่องลาออกเสร็จ แล้วได้ เข้ามาทำงานที่นี่อย่างเป็นทางการพอดี

จึงหนิงรู้สึกดีใจมากสำหรับการมาถึงของผู้ช่วยคนนี้

พูดได้เลยว่า ถ้ามีหล่อนช่วยนั่งบริหารแทน บวกกับรอง ประธานหลิน เธอก็ไม่จำเป็นต้องกังวลที่วัฒนธรรมชิงฮุยอีก แล้ว

หลังจากที่พาเสี่ยวเหอทำความคุ้นเคยเสร็จ จู่ๆจิ่งหนิงก็ ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง ปลายสายบอกว่าจะมาดูร้านของ

เธอ
เธอเลยพึ่งนึกออกว่า ก่อนหน้านี้ที่ร้านได้แขวนป้ายขาย ร้านไว้ ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้จัดการให้เสร็จซักที

นี่ถ้าไม่มีคนโทรมา เธอก็คงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

หลังจากเลิกงาน จึงหนิงจึงไม่ได้มุ่งหน้ากลับไปที่คฤหาสน์ บ้านลู่ เธอไปที่ร้านแทน

คนที่นัดเธอไว้มาถึงแล้ว และพอคุยกันไปได้ซักพักถึงได้รู้ ว่านี่เป็นญาติของเสี่ยวจาง

เสี่ยวจางนั้นช่วยเธอดูแลร้านมาเป็นเวลานานแล้ว ส่วนผล กำไรที่ได้รับคร่าวๆก็ดีมาก พอมีโอกาสดีๆแบบนี้ แน่นอนว่า หล่อนจึงอดไม่ไหวที่จะแจ้งให้กับคนในบ้านรู้

หลังจากที่จึงหนิงรู้ เธอก็ยิ้มร่า ไม่พูดอะไร อีกทั้งยังให้ สิทธิพิเศษไปอีกด้วย

การโอนย้ายเจ้าของเป็นไปอย่างราบรื่น

หลังจากทำธุระทั้งหมดเสร็จก็ปาเข้าไปสองทุ่มแล้ว

จึงหนิงจึงโทรไปที่คฤหาสน์บ้านลู่ก่อน เพื่อบอกป้าหลิวว่า ไม่ต้องเตรียมอาหารเย็นให้เธอ

ประจวบเหมาะกับคืนนี้ลู่จิ่งเซินทำโอทีพอดี เห็นทีคงจะยัง

ไม่กลับ พอเธอเดินออกจากร้านมา ถึงได้พบว่าตอนนี้ข้างนอกฝนเริ่มตกตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้

เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงจึงมีลมหนาว จากทางเหนือพัดมา บวกกับฝนตกเข้าไปอากาศมันเลยยิ่ง เย็นกว่าเดิม

เธอกระชับเสื้อไหมพรมที่สวมอยู่ไว้แน่นแล้วเดินตรงไปที่ โรงรถพร้อมกับส่งข้อความไปให้เขาด้วย

พอรู้ว่าชายคนนี้ยังอยู่ที่บริษัท เธอจึงขับรถไปยังวิลล่าลู่

สุย

เธอพึ่งจะรู้ว่าอาหารรสชาติไหนที่ถูกปากลู่จิ่งเซินก็เมื่อ ตอนที่ทำอาหารเมื่อวานตอนเย็น

เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ค่อนข้างที่จะเลือกกิน เขาชอบกินเพียง แค่อาหารที่ป้าหลิวกับที่วิลล่าลู่สุยทำเท่านั้น และถึงแม้ว่า ตอนนี้มันจะดึกมากแล้ว แต่เธอก็ยังดั้นด้นขับรถไป

โชคดีที่รถตอนกลางคืนไม่เยอะมาก และที่ที่เธออยู่ก็อยู่ ไม่ไกลจากวิลล่าลู่สุย ฉะนั้นนี่จึงไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรเลย

เธอซื้ออาหารไปสองสามอย่างจากวิลล่าลู่สุย จากนั้นก็มุ่ง หน้าไปที่สู่ชื่อกรุ๊ป

สู่จึงเซินยังคงประชุมอยู่ในห้องทำงาน

ในฐานะผู้ถืออ่านาจในปัจจุบันของลู่ชื่อกรุ๊ป การที่ยุ่งนั้น จึงเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องไหญ่ทุกอย่างล้วนจะต้องผ่านการตัดสินใจจากเขาทั้งหมด

และยิ่งไปกว่านั้นไม่นานมานี้การวิจัยและพัฒนา เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ครั้งใหม่ที่ต่างประเทศยังประสบ ความสำเร็จอีกด้วย ซึ่งสู่จิ่งเซินให้ความสำคัญกับมันมาก ฉะนั้นเขาจึงจำเป็นต้องไปจัดการมันด้วยตัวเองในหลายๆ ด้านถึงจะวางใจได้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมช่วงนี้ถึงมีการ ประชุมกับทางต่างประเทศบ่อยๆ

เมื่อจึงหนิงมาถึง ที่หน้าจอขนาดใหญ่ก็กำลังฉายภาพห้อง ประชุมที่อยู่อีกที่หนึ่งอยู่

เธออึ้งไปพักหนึ่ง แต่พอรู้สึกตัวก็รีบปิดปากเงียบ แล้วเดิน

ย่องเข้าไป

พอลู่จิ่งเซินเห็นเธอมาแล้วจึงรีบจบการประชุมลงอย่าง รวดเร็ว แล้วลุกยืนขึ้น

“ฝนตกเหรอ?”

เมื่อเห็นเหมือนกับว่าตัวเธอดูเปียกนิดหน่อย เขาจึงขมวด คิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

จึงหนิงยิ้มไปพลางลูบผมที่โดนน้ำฝนเมื่อกี้อย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็นำอาหารวางลงบนโต๊ะแล้วพูดขึ้น: “แค่ฝนตก ปรอยๆน่ะ เดาว่าถ้าตกเสร็จก็น่าจะเข้าฤดูหนาวแล้ว”

สู่จึงเป็นเข้าใจสถานการณ์ดี จึงไม่พูดอะไรอีก แต่กลับเดินไปปรับอุณหภูมิห้องให้สูงขึ้นอย่างเงียบๆ

จึงหนิงพูดขึ้น : “ฉันรู้ว่าคุณยังไม่ได้กินข้าว เพราะงั้นฉัน เลยไปซื้อกับข้าวที่วิลล่าลู่สุยมาให้โดยเฉพาะเลยนะ เป็น ไง? ฉันดูเอาใจใส่คุณมากเลยใช่ไหมล่ะ? ”

สู่จิงเซินยิ้มร่า

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่แบบนี้จาก คุณนายลู่ ผมมีความสุขมาก”

พอค่าพูดน้ำเน่าๆแบบนี้ถูกพูดออกมาจากชายคนนี้พร้อม กับรอยยิ้ม มันจึงทำให้จิ่งหนิงรู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมาอย่าง อดไม่ได้

เธอรีบหยุดหัวข้อสนทนาที่ตัวเองพึ่งพูดออกไปทันที

เมื่อทั้งสองคนนั่งทานอาหารในห้องทำงานเสร็จ ลู่จิ่งเชินก็ รินน้ำอุ่นให้เธอแก้วหนึ่ง แล้วหันไปเก็บกวาดทำความ สะอาดอาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะด้วยตัวเอง แล้วถึงพูดขึ้น “ผมคงยุ่งไปอีกซักพัก คุณพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อนสิ แล้วเดี๋ยว ค่อยกลับบ้านพร้อมกันกับผมดีไหม? ”

จึงหนิงไม่รู้ว่าเพราะอะไรวันนี้ร่างกายถึงได้เมื่อยล้าเป็น พิเศษ อีกอย่างไหนๆก็มาถึงนี่แล้วเธอไม่ได้อยากขับรถกลับ บ้านเองซักหน่อย เธอจึงพยักหน้าตอบรับไป

สู่จึงเซ็นขิ้มร่าพลางเอามือลูบหัวเธอ จากนั้นก็กลับไปจัดการงานที่ค้างไว้ในห้องทำงาน

จึงหนิงนั่งลงบนโซฟา ในมือถือแก้วน้ำไว้พร้อมกับเล่น โทรศัพท์ไปด้วย

หลังจากเลื่อนอ่านข่าว และเลื่อนดูเวยโป๋อยู่ซักพัก เธอก็ รู้สึกว่าหนังตาเริ่มหนัก สมองก็เริ่มเบลอขึ้นเรื่อยๆ

เธอคิดว่าอาจเป็นเพราะวันนี้คงเหนื่อยเกินไป แต่ก็ไม่ได้ คิดมากอะไร พอเห็นว่าลู่จิ่งเซินเหมือนจะยุ่งอยู่อีกนาน เธอ จึงวางแก้วน้ำลง แล้วหยิบหมอนที่อยู่ข้างๆ มาหนุนนอน

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเต็มในที่สุดลู่จิ่งเซินก็จัดการงานเสร็จ เรียบร้อยแล้ว

เพราะว่ามีจึงหนิงอยู่ เขาเลยไม่อยากทำงานหนักมากจน ดึกเกินไป พอเขาปิดคอมลงแล้วลุกขึ้นก็พบว่าเธอนอนหลับ อยู่บนโซฟาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ลู่จิงเซินขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไป จากนั้นก็ก้มตัว ลงตีที่ไหล่เธอเบาๆ

“หนิงหนิง พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”

ผู้หญิงที่อยู่บนโซฟาขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย แต่ไม่ได้

มีปฏิกิริยาอะไรกลับมา

เขาจึงยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของเธอ
เธอตัวร้อนนิดหน่อย เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ซักพักก็ถูกตี เข้าที่หลังมือดังเพี้ยะ

เหมือนว่าผู้หญิงที่กำลังเคลิบเคลิ้มอยู่ในความฝันกำลังไม่ พอใจที่เขามารบกวน เธอจึงยกมือขึ้นมาโบกไปที่หลังมือ ของเขา แล้วยังบ่นอุบอิบๆอยู่ในคออีก

ลู่จิงเซินหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้

เขาหันไปมองที่นอกหน้าต่าง ฝนยังตกอยู่เลย และแม้ว่า ในห้องจะเปิดฮีตเตอร์แล้ว แต่ถ้านอนอยู่แบบนี้ก็ยังไงก็ยัง ทำให้ไม่สบายได้ง่ายอยู่ดี

เขาจึงหันหลังไปหยิบเสื้อคลุมของตัวเองมาคลุมไว้ที่ตัว ของจึงหนิง จากนั้นก็โน้มตัวลงไปอุ้มเธอขึ้นมา

ซูมู่ที่อยู่ในฐานะผู้ช่วยส่วนตัวของลู่จิ่งเชินคอยเฝ้าอยู่ด้าน

นอกตลอด

เมื่อเห็นเขาอุ้มจิ่งหนิงออกมา เขาเลยเบิกตากว้างเล็กน้อย ด้วยความตกใจ จากนั้นก็รีบก้มหัวลงอย่างรวดเร็ว

“ท่านประธาน กลับบ้านเลยใช่ไหมครับ?

“อืม”

ลู่จึงเซินอุ้มจึงหนิงลงตึกมาจนถึงที่รถ ทว่าเธอก็ยังไม่ตื่น

ขึ้นมา
แต่เขาก็ไม่ได้หมายความว่าอยากจะปลุกเธอให้ตื่นขึ้น เขาปล่อยให้เธอนอนพิงอยู่ในอ้อมกอดของตัวเองต่อไป และ ในระหว่างที่เดินทางเขาก็แต่สั่งให้ซูมู่ปรับอุณหภูมิในรถสูง ชิ้นหน่อยเท่านั้น

ภายในรถเงียบสงัด

จนกระทั่งใกล้จะถึงบ้าน จึงหนิงถึงได้งัวเงียตื่นขึ้น

“หีม? นี่ฉันมาอยู่บนรถได้ยังไงเนี่ย ? ๆ เธอขยี้ตาแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความงุนงง

มีเสียงหัวเราะเบาๆของผู้ชายดังขึ้นอยู่บนหัวของเธอ”ตื่น แล้วหรอ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ