บทที่ 581 โดนบลัฟ
ทันทีที่ค่นี้ออกมาทุกคนก็ตะลึง
จิ่งหนิงเป็นคนแรกที่มีปฏิกิริยารีบใช้มือปิดปากเธอที่กำลัง อยากจะพูดต่อไปอีก
จากนั้นก็ยิ้มไปที่ถังลั่วเหยาอย่างกระอักกระอ่วนแล้วพูดขึ้น “ขอโทษนะ คำพูดของเด็กอย่าถือสา เด็กๆ ไม่รู้ประสาก็พูดไป เรื่อย”
อย่างไรเสียหากมองที่สำเนียงของถังลั่วเหยาเมื่อครูที่ไม่ได้ เห็นด้วยว่าคบกับเฟิง ในเมื่อไม่ได้คบกัน ย่อมไม่ถือสาเด็กที่ พูดแบบนี้
ถึงจิ่งหนึ่งจะเป็นเจ้านายของถังลั่วเหยา แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าการ
ที่ลูกของตนจะพูดแบบนี้กับคนอื่นเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ถังลั่วเหยาเองก็หน้าแดงก่ำและรีบส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ”
ตอนนี้เองเฟิงก็มีปฏิกิริยา เขากระแอมเล็กน้อยด้วยความ กระอักกระอ่วน เพื่อไม่ให้เด็กน้อยพูดจาไม่เหมาะสมแบบนี้ต่อไป จึงได้เปลี่ยนเรื่องคุย
“ถ้างั้น พี่สะใภ้ครับ นี่ก็สายมากแล้ว พวกเราขอไปเดินทางนั้น ก่อน”
จิ่งหนิงรีบพยักหน้า
“ไปเถอะๆ เที่ยวให้สนุกนะ”
เฟิงยี่จึงได้พาถังลั่วเหยาออกไปอย่างรีบร้อน
หลังจากพวกเขาไปแล้ว จึงหนิงจึงได้ถอนหายใจอย่างแท้จริง ด้านอีกฟากหนึ่ง
หลังจากถังลั่วเหยาและเพิ่งออกจากงานนิทรรศการแล้ว ก็ ไปพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ข้างๆ
งานนิทรรศการภาพก่อนหน้านี้เป็นข้อเรียกร้องของเพิ่ง ส่วนพิพิธภัณฑ์ตรงนี้กลับเป็นถังลั่วเหยาเองที่อยากมา
เดิมทีเธอคิดว่าตามใจเขาก่อนเดินงานนิทรรศการภาพเสร็จ แล้ว เธอค่อยมาเดินเล่นที่นี่
แต่คิดไม่ถึงว่าเฟิงกลับตามมาด้วย
เมื่อออกเป็นแบบนี้คงจะมาเดินเป็นเพื่อนเธอ
ถึงแม้ถังลั่วเหยาจะรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างแต่ในเมื่อฝ่าย ชายตัดสินใจเช่นนี้ เธอก็รู้ดีว่าคงไม่สามารถจะเปลี่ยนอะไรได้ จึงได้แต่ตามเขาไป
ทั้งสองคนเดินเล่นด้านในไปเรื่อย ๆ ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ถังลั่วเหยาที่มีความสนใจอยู่บ้างในเรื่องเล่านี้ แต่เมื่อมา จริงๆ แล้วจึงได้รู้ว่าตนเองยังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ อีกมากมาย
โชคดีที่เพิ่งค่อนข้างมีความชำนาญด้านเทคโนโลยี ดังนั้นการที่มีเขาคอยอธิบายให้ฟังอยู่ข้างๆ จึงเข้าใจหลายอย่างมาก ยิ่งขึ้น ในฉับพลัน
เธอถามเขาอีกเกี่ยวกับสิ่งที่เธอเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีบน อินเทอร์เน็ตที่เธอไม่เข้าใจ
เฟิงตอบเธอทีละข้อแม้ว่ามันจะค่อนข้างลึกซึ้ง แต่เธอก็
สามารถเข้าใจได้ถึงเจ็ดแปดสิบเปอร์เซ็นต์
ในตอนนั้นเองก็เห็นชายสวมสูทวัยกลางคนวิ่งหอบแฮก ๆ เข้ามา และยังมีเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์วิ่งตามเขามาอีกสองคน
ทันทีที่เดินไปเขายิ้มให้เฟิง “คุณชายรองเพิ่งจริงๆ ด้วย ยินดีต้อนรับครับคุณชายรองเฟิง ทำไมถึงไม่ให้คนมาบอกก่อน ล่ะครับว่าคุณจะมา ผมจะได้เตรียมการต้อนรับไว้ให้คุณ
เพิ่งพยักหน้าให้เขาอย่างไม่สนใจ “มาเดินเล่นเป็นเพื่อน
แฟน คุณจะตกใจขนาดนี้ไปทำไม?”
แฟน?
ชายกลางคนคนนั้นอึ้งไป แล้วจึงได้สังเกตเห็นถังลั่วเหยาที่
อยู่ข้างๆ
เพราะเธอใส่ทั้งหมวกและสวมหน้ากาก อีกฝ่ายจึงดูเธอไม่ ออกในทันทีจึงได้พูดอย่างไม่แน่ใจ “ท่านนี้คือ…ขอถามชื่อได้ ไหมครับ?”
ถังลั่วเหยาหันไปดูรอบๆ แล้วก็พบว่าพิพิธภัณฑ์นี้ไม่ค่อย เป็นที่นิยมและมีคนมาค่อนข้างน้อย
ต่อให้ไม่พรางตัวก็คงไม่เจอใครอยู่ดี
เธอจึงได้ถอดหมวกและหน้ากากออก จากนั้นก็ยิ้มให้เขา อย่างสุภาพ
“สวัสดีค่ะ ฉันคือถังลั่วเหยา”
เมื่อชายคนนั้นเห็นเธอก็ตกตะลึงในทันที
หลังจากได้สติแล้วก็แสดงท่าทางประจบประแจงจนเกินจริง “คุณถังสวัสดีครับๆ ผมชื่อเป็นหลินฮั่วหัวหน้าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ คุณเรียกผมว่าเสี่ยวหลินก็ได้ครับ”
แน่นอนว่าถังลั่วเหยาไม่มีทางเรียกเขาแบบนี้ได้แน่ ผู้ชาย คนนี้ดูแล้วน่าจะอายุสี่สิบปีเป็นอย่างน้อย อายุมากพอจะเป็นพ่อ เธอได้ให้เรียกเสี่ยวหลิน มันดูไม่สอดคล้องเลย
เธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่เกรงใจมาก “หัวหน้าหลิน
หลินฮั่วรีบโบกมือแล้วพูดกับเธอด้วยความเคารพ: “คุณถัง คงจะเพิ่งมาเป็นครั้งแรกสินะครับ ให้ผมเดินเป็นเพื่อนใหม ครับ?”
เฟิงยี่ขมวดคิ้วและไม่สบอารมณ์กับชายคนที่เข้ามาเป็นก้าง ขวางคอคนนี้เลยและพูดเสียงขรึม: “เป็นหัวหน้าพิพิธภัณฑ์มัน ว่างมากเหรอ? ไปทำงานของคุณไป!”
พอหลินฮั่วได้ยินก็รู้ได้เลยว่าที่นี่ไม่ต้องการตนแล้วจึงได้ แสร้งยิ้มและพูด: “ครับๆ ๆ ถ้าเช่นนั้นเชิญคุณชายรองเฟิงและ แฟนเดินเล่นตามสบาย มีอะไรก็เรียกผมนะครับ”
เฟิงยี่ขี้เกียจจะสนใจเขา ถังลั่วเหยากลับตอบกลับเขาอย่าง ใจดีและรอยยิ้ม “ได้ค่ะ แน่นอนค่ะ”
ผ่านไปครึ่งทางโทรศัพท์มือถือของเฟิงก็ดังขึ้นและเมื่อเขา ก้าวออกไปเพื่อรับสายถังลั่วเหยาก็เดินไปข้างหน้าเพียงลำพัง
พอดีกับหลี่เซียงหลันที่เพื่อนสนิทของสังเจียเจีย ที่มักจะอยู่ กับสังเจียเจียและเพื่อนดาราอีกหลายคนซึ่งคอยรังแกพวกหน้า ใหม่
ถังลั่วเหยารู้สึกว่าวันนี้ออกจากบ้านมาไม่ได้ดูปฏิทินหวง เป็นวันกาลกิณี ทำไมถึงมาเจอพวกเธอที่นี่ได้?
แต่ครั้งนี้ส่งเจียเจียไม่อยู่ด้วย มีเพียงหลี่เซียงหลั่นกับเพื่อน ไฮโซในเมืองหลวงประเภทเดียวกันกับเธออีกสองคน
“ไม่รู้ว่าวันนี้ซวยอะไรนักหนา ถึงต้องมาเจอตัวน่ารำคาญ
แบบนี้!”
หลี่เซียงหลันพูดอย่างน่าฉงนสนเท่ห์และทั้งสองคนที่อยู่ข้าง เธอก็เห็นถังลั่วเหยาและหัวเราะขึ้นมา
“นี่ เธอชื่ออะไรนะ? เห็นพี่เซียงหลันของเราแล้วไม่ทักทาย ไม่กลัวจะทําให้เธอโกรธรึไง?”
“นั่นสิ รู้ไว้ด้วยนะ ครอบครัวของพี่เซียงหลันของเรา นอกจากสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวงแล้วก็เจ๋งมากที่สุดแล้ว เธอ ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงหรอกเหรอ? พอดีเลย พี่เซียงหลันของ เราก็อยู่วงการบันเทิง หากวันนี้เธอยอมคุกเข่าและคารวะให้เธอสามครั้งไม่แน่ว่าพี่เชียงหลันอาจจะยอมปกป้องเธอในวงการ
เมื่อพูดจบอีกฝ่ายก็หัวเราะร่วนขึ้นมา
ถังลั่วเหยามองไปที่คำเตือนที่แสร้งทำเป็นหวังดีของอีกฝ่าย อย่างไม่แยแสไม่ตอบพวกเขาหันหลังและเดินต่อไป
ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าไปอย่างไม่สบอารมณ์และดึงเธอไว้ “นี่ นี่มันทัศนคติแบบไหนกัน? คุณหนูของเราเตือนเธอด้วยความ หวังดี เธอไม่แม้แต่จะพูดอะไรสักคำ หมายความว่ายังไง?”
ถังลั่วเหยาหันมาสบตาเธอ
ถ้าหากเธอจําไม่ผิดล่ะก็คนคนนี้คือลูกพี่ลูกน้องของหลี่เซียง หลัน ชื่อหลี่ยไปเป็นคนที่มีชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีนักในวงการเป็น พวกหน้าไหว้หลังหลอกมาตลอด
เธอหัวเราะอย่างเย็นชา ปัดมือของหลี่ยไปออกและพูดเบา ๆ: “ขอบคุณค่ะที่เตือน แต่ฉันก็เพียงนักแสดงคนหนึ่งตัวเล็กๆ ที่ ไม่ได้โด่งดังอะไร ต่อให้ไม่ได้มีความทะเยอทะยานอะไรมากมาย ในวงการบันเทิง ไม่ทำอะไรเกินตัวดังนั้นคุณเป็นกังวลมากไป แล้วล่ะค่ะ”
“ที่แท้ก็เป็นพวกไม่มีความทะเยอทะยาน! ฉันยังคิดว่าเธอ เป็นใครสักคนเสียอีก!”
หลี่เซียงหลันหัวเราะเยาะและพูดเสียงดัง: “นี่ เธอเดินอะไร ตั้งนาน ของในนี้เธอซื้อไหวเหรอ?”
ถังลั่วเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย
หลี่ยไปก็ก้าวเขามาและพูด: “เธอก็คงจะรู้ใช่ไหม? ว่างานนี้ เป็นงานรูปแบบการกุศล ของที่นำมาแสดงสามารถขายได้ เงินที่ ขายได้จะบริจาคให้กับสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อ เป็นทุนในการวิจัย เธอเดินนานขนาดนี้ คงจะไม่ได้ซื้ออะไรสัก อย่างเลยสินะ!”
ถังลั่วเหยามองลงไปที่มือที่ว่างเปล่าของเธอแน่นอนว่าไม่ได้ ซื้ออะไรสักชิ้น
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ