วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 549 ความคุกคามที่เห็นได้ชัด



บทที่ 549 ความคุกคามที่เห็นได้ชัด

กังวลว่ามารดาจะเข้าใจผิด เธอรีบอธิบาย “แม่ ท่านอย่าฟังเขา พูดส่งเดช พวกเราไม่ใช่……….

“เหยาเหยา!”

คำพูดยังพูดไม่จบ อยู่ดีๆก็โดนเพิ่งตัดคำแล้ว

เฟิงลุกขึ้นมา เดินไปยังข้างกายเธอ ยกแขนกอดเธอไว้อยู่ใน อ้อมอก น้ำเสียงแม้ว่าเบามากอ่อนโยนมาก แต่ถังลั่วเหยากลับ ได้ยินความหมายที่คุกคามจากข้างใน

“ผมรู้ว่าในสองวันนี้ผมทำให้คุณโมโห คุณกำลังงอแงกับผม อยู่ แต่ว่าพวกเราถึงยังไงก็อยู่ด้วยกันนานขนาดนี้แล้ว ถึงยังไงก็ จะไม่เนื่องเพราะเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้เอะอะโวยวายต่อไปอีก ยิ่ง กว่านั้นน้ายังจ้องมองอยู่ที่นี่ล่ะ คุณก็ไม่อยากทำให้น้าเป็นห่วง ใช่หรือไม่?”

เขาพูดอยู่ ในมือออกแรงเล็กน้อย ความหมายการคุกคาม ไม่ พูดก็ชัดเจนได้เอง

ทันทีนั้นถังลั่วเหยาโมโหจนตั้งสติไม่อยู่ แต่ว่าร่างกาย โดน ผู้ชายโอบอยู่กลับกลายเป็นว่าขยับไม่ได้สักนิด อยู่ต่อหน้า มารดาเธอก็ไม่เหมาะที่จะแสดงให้เห็นมากเกินกว่านี้ จะได้ไม่ ต้องทำให้เธอเป็นห่วง

ด้วยเหตุนี้ ในที่สุดเธอก็ได้เพียงแค่เงยหน้าจ้องเขม็งผู้ชายไว้อย่างรุนแรง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดว่า “ใครอยู่ด้วยกันกับคุณแล้ว

ล่ะ? เฟิง คุณอย่าพูดสุ่มสี่สุ่มห้า เพิ่งยอมยิ้มเล็กน้อย ยิ้มจนอ่อนโยนกระเพื่อมเหลือเกิน

“ดูคุณสิ ยังโมโหอยู่ล่ะ? หรือว่าคุณลืมไปแล้วคืนนั้นอยู่บ้าน

เขาพูดอยู่ นิ้วมือบอกเป็นนัยอยู่ระหว่างเอวเธอบีบหนึ่งที่จาก ข้างหลัง

กระดูกสันหลังของถังลั่วเหยาแข็งที่อทันที ก็นึกถึงคืนนั้นที่อยู่ วิลล่าของเฟิงขึ้นมาในทันที ผู้ชายคนนี้ก็บีบเอวขอ วของตนเอง อย่างนี้เช่นกัน ครั้งแล้วครั้งเล่าขู่จะเอาเธอ

เธอเกือบล้วนจะขาวซีดหมดทั้งใบหน้าในทันที

เพิ่งเห็นผลของการสยบเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้เธอลำบาก ใจอีก แต่เกาะไหล่ของเธอไว้ อมยิ้มกับแม่ถังพูดว่า “น้า บริษัท ยังมีงาน ในเมื่อเหยาเหยามาแล้ว ผมก็จะไม่รบกวนท่าน มากกว่านี้อีก”

แม่ถังรู้ว่าเขาผู้ดีมีงานยุ่งมาก ก็ไม่กล้าหน่วงถ่วงเวลาเขามาก เกินไป ด้วยเหตุนี้รีบพยักหน้า

“ไอ่ ได้ได้ได้ คุณไปทำงานของคุณเถอะ วันนี้รบกวนคุณจริงๆ ล่ะ”

เพิ่งรักษารอยยิ้มไว้ “น้าไม่ต้องเกรงใจ นี่ล้วนเป็นสิ่งที่ผม ควรทํา”
เขาพูดจบ สุดท้ายต้องมองถังลั่วเหยาหนึ่งที นี่จึงพาเหลิ่งเม่ยอ อกไปด้วย

หลังจากรอเฟิงยี่กับเหลิ่งเม่ยออกไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ถังลั่ว เหยาจึงไปปิดประตูไว้ เดินกลับไปอีกครั้ง

แม่ถังแอบมองสีหน้าของเธอ ถามว่า “เป็นยังไงแล้วล่ะ? ไม่

ดีใจหรือ?”

ถังลั่วเหยาจ้องมองเธอหนึ่งที

“แม่ ท่านยังกล้าพูดหรือ ก่อนหน้านั้นฉันไม่ใช่พูดกำชับกับ ท่านมาก่อนแล้วหรือ? คนที่ไม่คุ้นเคยอย่าให้เข้ามา ยามปกติ ท่านอยู่ที่นี่คนเดียว ฉันก็ไม่อยู่ด้วย ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นจะทำยัง ไงดีล่ะ?”

แม่ถังได้ยินคำพูด ยิ้มแล้วยิ้มอีก “ฉันจะเกิดอะไรขึ้นได้ล่ะ? คนแก่คนหนึ่งที่ต้องกอดขวดยาไว้ตลอดทั้งปี คนอื่นเขายังจะ ทําให้ฉันเป็นยังไงได้ล่ะ?”

ทันทีที่คำพูดนี้พูดจบ รู้สึกถึงถังลั่วเหยาอาจจะไม่พอใจด้วย เหตุนี้ รีบเสริมอีกคำหนึ่ง

“อีกทั้งเสี่ยวยี่ก็ไม่ใช่เป็นคนนอกอะไรล่ะ แกลืมแล้วหรือ? แต่ ก่อนพ่อของแกยังเป็นทหารของเขาล่ะ ตอนเด็กแกทั้งสอง เติบโตอยู่ด้วยกัน ในลาน หรือว่าแกล้วนจำไม่ได้แล้วหรือ?”

คิ้วของถังลั่วเหยาที่กำลังเตรียมตัวจะเทน้ำตึงแน่นเล็กน้อย เธอหันหลังให้แม่ถัง น้ำเสียงฟังไม่ออกว่าดีใจหรือเศร้า “ลืมแล้ว”

แม่ถังโกรธ โมโหจ้องมองเธอหนึ่งที “เวลานั้นแกล้วน ใกล้จะ สิบปีแล้ว ลืมได้ยังไงล่ะ?”

พูดอยู่ ทั้งเหมือนทอดถอนใจจนถอนใจหนึ่งที พูดว่า “พูดขึ้น มาแล้วคุณชายตระกูลเฟิงคนนี้ ก็ยังมีน้ำใจมากนะ แม้เพียงรู้ว่า พวกเราตระกูลถังหายนะหมดสิ้นแล้ว ตอนนี้ฉันยังป่วยหนักอีก ด้วย กลับไม่รังเกียจสถานะของพวกเราเหมือนเดิม ยังมาเยี่ยม ฉันในโรงพยาบาลด้วยตนเอง เหยาเหยาเอ่ย เขาเป็นเด็กที่มีคน หนึ่ง แกต้องทะนุถนอมไว้

ถังลั่วเหยาหมุนตัวมา วางน้ำแก้วหนึ่งอยู่บนหัวเตียงจ้องมอง มารดา สีหน้าเย็นชาพูดว่า “แม่ ฉันไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับ เขา”

แม่ถังถือน้ำขึ้นมาดื่มไปคำหนึ่ง ยิ้มพูดว่า “อยู่ต่อหน้าฉันแก ยังรู้สึกเขินหรือ? เมื่อกี้ตอนที่ตัวเขาพูดอยู่ สุดท้ายแกไม่ได้ คัดค้านอะไรเลย ก็ไม่ใช่ยอมรับโดยปริยายแล้วหรือ

ถังลั่วเหยาขมวดคิ้ว

เธอยอมรับโดยปริยายที่ไหนล่ะ?

ทั้งๆที่โดนคุกคาม ไม่กล้าพูดออกมาอยู่ต่อหน้าเธอเท่านั้น นึกถึงตรงนี้ สีหน้าของเธออดไม่ได้ที่จะยิ่งดูแย่กว่าอีก

ก็อาจจะดูออกว่าเธอไม่พอใจคร่าวๆ แม่ถึงก็ไม่ยอมพูดอยู่กับ ประเด็นที่คุยกันมากกว่านี้อีก โบกมือแล้วโบกมืออีกพูดว่า “เอาล่ะ เอาล่ะ แกไม่ยอมยอมรับก็ไม่เป็นไร แต่ว่าฉันเห็นเด็กคนนั้น คือชอบแกจริงๆ ไม่อยากให้แก่พลาดจึงพูดอย่างนี้ตามโอกาส เท่านั้น แกคิดว่าแม่ดูไม่ออกว่าพวกแกไม่มีความสัมพันธ์ที่เป็นคู่ รักจริงๆหรือ? งั้นสิบกว่าปีที่ผ่านมาฉันก็อยู่เปล่าๆแล้ว?”

เห็นมารดาไม่ได้เข้าใจผิด ถังลั่วเหยาดีเลวในที่สุดก็โล่งอก หนึ่งที

เธอลากเก้าอี้มา นั่งลงอยู่ข้างเตียง

จับมือของมารดาไว้ เงยหน้าจ้องมองเธอ พูดอย่างจริงจังว่า “แม่ ตอนนี้ฉันยังไม่อยากแต่งงาน ซึ่งไม่เคยคิดว่าจะแต่งงานมา ก่อน ดังนั้นไม่ว่าเขามีใจอะไรกับฉัน ฉันล้วนไม่มีความหมาย อย่างนั้น คราวหน้าถ้าหากว่าเขามาอีก ท่านก็อย่าเจอเขาอีกเลย ได้หรือไม่?”

แม่ถังอึ้งชะงัก นึกไม่ถึงว่าเธอจะพูดคำพูดอย่างนี้ออกมา จนถึง ในนี้ เธอจึงรู้สึกถึงความร้ายแรงของเรื่อง ก็ขรึมลงเช่น

พลิกมือจับมือของถังลั่วเหยาไว้ ขมวดคิ้วพูดอย่างคำพูดอัด แน่นเต็มไปด้วยน้ำใสใจจริงกับแฝงไว้ด้วยความหมายที่ลึกซึ้งว่า “เหยาเหยาเอ่ย แกมีเรื่องอะไรปิดบังแม่หรือไม่? แม่ทำไมรู้สึกถึง คำพูดของแกนี้มีความประหลาดเล็กน้อยล่ะ?”

ถังลั่วเหยาก้มหัวเล็กน้อย ไม่อยากทำให้มารดาเห็นความเจ็บ ปวดใจที่กวาดผ่านนัยน์ตาของตนเอง ฝืนใจยิ้มพูดว่า “ฉันไม่ เป็นไร ก็เพียงแค่พูดกับท่านสักหน่อยเท่านั้น”
แต่ว่า รู้ใจลูกสาวไม่นอกจากแม่

ในปีนั้นทหารถังป่วยตาย หลังจากแม่ถังแต่งงานกับสามีใน ปัจจุบัน ชีวิตล้วนผ่านไปอย่างไม่สมปรารถนาโดยตลอด

หลายปีนี้ แทบจะเป็นตัวคนเดียวที่เลี้ยงลูกสาวจนโต

ด้วยเหตุนี้ อารมณ์ที่กวาดผ่านนัยน์ตาของถังลั่วเหยานั้น จะ หลบหนีได้พ้นตาของเธอได้ยังไงอีกหรือ?

เธอขมวดคิ้วอยู่ ครุ่นคิดเล็กน้อย ก็นึกคำตอบได้แล้ว

“จะเป็นเหอศี อคนนั้นที่หน้าด้านมาเอาเงินกับแกอีกแล้วใช่ หรือไม่?”

เหอ อ ก็เป็นพ่อเลี้ยงของถังลั่วเหยา

ถังลั่วเหยาเม้มปากแล้วเม้มปากอีก ยิ้มแล้วยิ้มอีกกับมารดา

อยู่

“ไม่มีจริงๆหรือ? แกอย่าโกหกแม่”

คนที่แม่ถังเป็นห่วงที่สุดก็คือเหอ อคนนี้ ในปีนั้นก็ต้องโทษ เธอ ตอนที่อับจนยังเจอกับคนไม่ดีอีก จึงทำให้ลูกสาวตกกระได พลอยโจนไปด้วย

ถังลั่วเหยาสายหัวแล้วส่ายหัวอีก จับมือของมารดาไว้ ปลอบโยนเธออยู่ “ไม่มีจริงๆ พูดได้อีกว่า ถึงแม้ว่าเขามาหาฉัน ฉันก็ไม่มีเงินให้เขา เขาอาจจะรู้ว่าฉันก็ไม่มีเงินให้เขามั้ง ดังนั้นนานมากแล้ว ไม่เคยมาหาฉันอีก”

ถังลั่วเหยาไม่อยากทําให้มารดาเป็นห่วง

คนคนหนึ่งที่ร่างกายที่ป่วยไว้ สำคัญที่สุดคือ ในใจสงบร่าเริง จึงมีผลดีต่ออาการ

ถ้าหากว่าทำให้เธอรู้ เหอ อพัวพันตนเองไม่เพียงแค่สาม ครั้งห้าครั้ง อีกทั้งยังอยากร่วมมือกับคนอื่นรังแกเธอ มารดาจะ ต้องรับไม่ได้แน่นอน

ในครั้งนี้ แม่ถังไม่ได้สังเกตเห็นความฝันใจที่อยู่ในสีหน้าถัง ลั่วเหยาเลย

เธอพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก โล่งอกเล็กน้อยหนึ่งที

“งั้นก็ดี เหยาเหยา ถ้าหากว่าเขามาหาแก แกจะต้องบอกกับ ฉันอย่างแน่นอน คนมหาเหี้ยคนนี้ ในปีนั้นฉันตาบอดแล้วจึงโดน เขาหลอกได้ ตอนนี้แกยากที่จะคลานขึ้นมาจากโคลนตมนั้นได้ ฉันย่อมไม่อนุญาตให้เขามาทำร้ายแกอีกอย่างเด็ดขาด”

พูดจบ เนื่องเพราะรุนแรง หอบนิดๆไปหลายครั้ง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ