วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 491 เข้าร่วมปาร์ตี้



บทที่ 491 เข้าร่วมปาร์ตี้

เพราะเธอขาดแคลนเงินมากจริงๆ

เมื่อนึกถึงแม่ที่นอนป่วยหนักบนเตียง และพ่อที่ติดพนัน ต่อให้ ซูหงนายหน้าที่อยู่ข้างหลังมีท่าทางตื่นตระหนก แต่เธอยังคงเผย สายตากังวลอยู่

สำหรับเรื่องที่บ้านของเธอ ถังลั่วเหยามีสีหน้าเคร่งเครียดมาก เพราะแม้แต่เธอที่เป็นเพื่อนสนิทกับซูหงยังไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย

เมื่อเห็นถึงลั่วเหยามีท่าทางเคร่งเครียด ซูหงก็เดินมาข้างหลัง เธอ แล้ววางบนเก้าอี้ พร้อมจ้องมองเธอในกระจก แล้วซักถาม อย่างสงสัยว่า : “ลั่วเหยา สามารถเข้าร่วมปาร์ตี้นี้เป็นสิ่งที่เธอ ปรารถนา เธอควรดีใจนะ ทำไมถึง……….

ถังลั่วเหยาฝืนยิ้มมุมปากด้วยท่าทางเหนื่อยล้าขึ้น “เปล่า ไม่มีอะไร ฉันแค่รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย

ซูหงจ้องมองเธอด้วยสายตาเอ็นดู และถอนหายใจ : “คุณคง เหนื่อยมากแล้ว”

เธอรู้ว่าถังลั่วเหยาผ่านอะไรมาบ้าง

นับตั้งแต่เข้าสู่วงการ ต่อให้เธอเป็นเพียงแค่ดาราหญิงปลาย แถว แต่เธอก็เริ่มทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน

ขอเพียงมีงานทำ ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน ยากเย็นเพียงใด เธอก็พร้อมยอมรับ

เธอเคยซักถามถึงลั่วเหยามาก่อนว่า ทำไมต้องทํางานหนัก ขนาดนี้ด้วย

ถังลั่วเหยาบอกเธอว่า ถ้าหากเธออยากเป็นคนมีหน้ามีตา เธอ ต้องทํางานอย่างหนัก อีกอย่างการทำงานสามารถทำให้ความ ปรารถนาเป็นจริงได้ ดังนั้นเธอยอมลำบากยากเข็ญเพื่อไม่ ทําลายอนาคตของตัวเอง

หลายปีที่ผ่านมานี้ ซูหงอยู่เคียงข้างถังลั่วเหยามาโดยตลอด และคอยมองดูเธอจากดาราปลายแถวจนกลายเป็นดาราที่โด่ง ดังในทุกวันนี้

แต่ไม่ว่าจะตอนไหน ถังลั่วเหยา”ผู้มุมานะบากบั่น”คนนี้ก็ไม่ เคยเปลี่ยนแปลงเลย

อันที่จริงซูหงเคยสงสัยมาก่อนว่าทั้งที่ยังลั่วเหยาทำงานอย่าง หนักจนเก็บเงินได้จำนวนมากแล้ว แต่ทำไมยังคงใช้ชีวิต ประหยัดและเรียบง่ายเหมือนเดิม

ถังลั่วเหยายิ้มแย้มไม่พูดอะไร จากนั้นไม่นานก็บอกว่าเธอไม่ ชอบชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย

หงยังคงมีความสงสัยอยู่ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ซักถามอะไร

ใครบ้างไม่มีความลับ

ส่วนตอนนี้ซูหงมองดูถังลั่วเหยาที่มีสีหน้าเหนื่อยล้า ขณะที่ ลังเลอยู่นั้น สุดท้ายเธอก็ไม่เกลี้ยกล่อมให้เธอไปพักผ่อน
ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว หากถังลั่วเหยาคิดอยากพักผ่อนจริงคง พักผ่อนไปตั้งนานแล้ว

ซูทงคิดแบบนี้

แต่สิ่งที่เธอไม่รู้คือ อันที่จริงแล้วถังลั่วเหยาอยากจะพักผ่อน

มาก

ใครบ้างที่จะไม่ชอบนั่งพิงโซฟาเหม่อลอยในบ้าน

ค่ารักษาพยาบาลของแม่ยังพอโอเคอยู่ ถ้าหากไม่ใช่เพราะ พ่อเลี้ยงที่เหมือนผีดูดเลือดคนนั้น ถังลั่วเหยาคงไม่ต้องทำงาน หนักแบบนี้

ไม่นานถึงลั่วเหยาก็แต่งหน้าเสร็จ

เธอสวมชุดราตรีสีขาว สวมสร้อยคอสีเงินอันวิจิตรประณีต และสวมรองเท้าส้นสูงคริสทัล จากนั้นยังลั่วเหยาก็เดินขึ้นไปนั่ง บนรถยนต์ส่วนตัวของตัวเอง

ระหว่างทางนั้น ถังลั่วเหยามองดูทิวทัศน์ยามค่ำคืนสีสัน ตระการตาด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ โดยไม่หลับตาพักผ่อน

ไม่ใช่เพราะเธอไม่อยากพักผ่อน แต่ตอนนี้เธอเหนื่อยล้ามาก เกินไป เธอกลัวตัวเองจะหลับไม่ตื่น จนไม่สามารถเข้าร่วมงาน ปาร์ตี้นี้ได้

เพราะเธอต้องเข้าร่วมปาร์ตี้นี้ให้ได้

ไม่นานก็มาถึงงาน
ท่ามกลางแสงไฟระยิบระยับ ถังลั่วเหยายิ้มแย้มอย่างเบิกบาน พร้อมเดินลงจากรถด้วยท่าทางอ่อนช้อย

ถังลั่วเหยาจับหน้าอกตลอดทาง พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย ต่อเหล่าสื่อมวลชน บางครั้งก็จัดทรงผมให้เรียบร้อยด้วย ซึ่งทุก กิริยาบทของเธอนั้นราวกับนางฟ้าจำแลง

แต่กลับไม่มีสื่อมวลชนคนไหนมาสัมภาษณ์เธอเลย

สื่อมวลชนที่ถ่ายภาพอยู่ข้างนอกมาถ่ายเก็บภาพบรรยากาศ คนที่มีสิทธิ์พูดจริงๆคือกลุ่มคนที่สามารถเข้าร่วมงานปาร์ตี้

แต่สื่อมวลชนที่สามารถเข้าร่วมปาร์ตี้ล้วนเป็นผู้อาวุโสใน วงการ แต่เธอในฐานะดาราธรรมดาที่สามารถเข้าร่วมปาร์ตี้ พวกเขายังคิดว่ายังไม่คู่ควร

ขณะที่ถังลั่วเหยาคิดว่าเธอสามารถเข้าร่วมปาร์ตี้อย่างราบรื่น

นั้น จู่ๆก็เห็นผู้ชายที่มีท่าทางสง่าผ่าเผยคนหนึ่งรอเธออยู่เบื้อง

หน้า

“ลั่วเหยา คุณมาแล้วหรอ” เดินเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้ม แล้วโอบแขนของเธออย่างคุ้นเคย “ทำไมเธอไม่แจ้งผมล่วงหน้า ปล่อยให้ผมรออยู่ตรงนี้ตั้งนาน

ถังลั่วเหยาเผยสายตาเก้อเขินขึ้น แล้วยิ้มมุมปากเล็กน้อยขึ้น “ฉันแค่คิดไม่ถึงว่าคุณจะมาเร็วขนาดนี้ ตอนแรกฉันคิดอยากรอ คุณ”

ฉ่ยี่ลูบปลายจมูกของถังลั่วเหยาเล็กน้อย และหัวเราะฮ่าฮ่าดังขึ้น : “ดูเธอสิ มีผู้หญิงที่ไหนรอผู้ชาย?”

ถังลั่วเหยาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเป็น อายขึ้น : “อันที่จริงคุณไม่ต้องทำแบบนี้หรอกค่ะ แต่ก็ขอบคุณนะ คะ”

เธอรู้ว่า คิดอยากพึ่งพาอิทธิพลของตัวเองเพื่อแนะนำให้

กับผู้อาวุโสในวงการ

รู้เจตนาของถังลั่วเหยา

เขาลูบใบหน้าของเธอ พร้อมเผยสายตาจริงใจ : “ระหว่าง พวกเราสองคนไม่ต้องเกรงใจกันหรอก มีเรื่องอะไรก็บอกผมได้ เลย หากผมช่วยได้ผมช่วยเต็มที่”

ถังลั่วเหยาพยักหน้าเล็กน้อย และรู้สึกอบอุ่นใจเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มีน้ำเสียงผู้ชายไม่ค่อยพอใจดังขึ้น : “ช่างเป็นภาพ อันน่าประทับใจจริงๆ”

ทั้งสองคนหันหน้ามองทางนั้น

ถังลั่วเหยาเผยสายตาตกใจและเก้อเขินอย่างไม่ปิดบังขึ้น ส่วนฉ่ยี่หรี่ตาจ้องมองด้วยสายตาอันตราย

แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกตามความตั้งใจของเขาเลย แต่ หัวเราะอย่างเบิกบานเดินไปหาผู้ชายคนนั้น : “ที่แท้คุณชายรอง เฟิงนี่เอง ลั่วเหยาเป็นคู่หมั้นของผม ผมสมควรดูแลเธอ ไม่ทราบ

ว่าคุณชายรองเฟิงมีธุระอะไรหรอครับ?”
เฟิงสวมชุดสูทสีแดงที่สั่งตัดทั้งตัว เขาแสร้งยิ้มแย้มอย่าง เบิกบานใจ จนแทบมองไม่เห็นสายตาอาฆาตที่เมื่อกี้จ้องมอง พวกเธอเลย

“เปล่าหรอกครับ เพียงแค่ตกใจที่เห็นคุณชายแสดงท่าทาง แนบชิดแบบนี้ ต่อให้เป็นคู่หมั้นกัน แต่ในสถานที่แบบนี้เกรงว่า จะไม่สมควรนะครับ! เพราะมีหลายคนกำลังจ้องมองอยู่

ขณะพูดก็หันหลังพยักหน้าต่อสื่อมวลชนเล็กน้อย

สื่อมวลชน ในงานต่างพากันสบตากัน และเห็นสายตาตื่นเต้น ของกันและกัน

ข่าวฉาว ข่าวฉาวในวงการ

คนในงานล้วนเป็นผู้อาวุโสที่มีประสบการณ์ ดังนั้นจึงรู้เรื่อง งานหมั้นของคู่กับถังลั่วเหยา เมื่อก่อนเฟิงเป็นเพียงคนนอก แต่วันนี้……..

ด้วยสัญชาตญาณที่ละเอียดอ่อนในหน้าที่การงานของ สื่อมวลชน เมื่อเห็นแบบนี้ก็รีบยกกล้องขึ้นมาเตรียมถ่ายรูปทันที

เมื่อถังลั่วเหยาเห็นแบบนี้ก็อยู่ห่างจากเล็กน้อยอย่าง อัตโนมัติ

เธอหมั้นหมายกับฉ่ยี่เป็นความจริง แต่การแสดงการกระทำที่ แนบชิด ในงานแบบนี้ อาจส่งผลกระทบต่อเธอไม่ดี

เป้าหมายของปาร์ตี้ในวันนี้คือการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กันของคนในวงการ ซึ่งไม่ใช่สถานที่ที่เธอและฉัยจะมาแสดงความรักกันที่นี่

เห็นได้ชัดเจนว่าก็คิดแบบนี้เหมือนกัน

ดังนั้นเขาจึงปล่อยมือของถังลั่วเหยาออก แล้วหันหน้ามองเฟิง ด้วยสายตาพิฆาต

เฟิงยี่เป็นคุณชายตระกูลใหญ่ไม่ใช่หรอ หากยึดตามหลักการ ถังลั่วเหยาคงไม่ค่อยได้คลุกคลีกับเขา หรือว่าเขาแอบมีใจให้ กับถังลั่วเหยา?

ทำไมเมื่อก่อนถึงไม่สังเกตเห็นว่าเฟิงมีอาการ? ดูเหมือนว่า เขาจะละเลยแล้ว

เฟิงจ้องมองพวกเขาสองคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมี ความสุข

จากนั้นเขาก็เดินฝ่าตรงกลางระหว่างพวกเขาไป พร้อมกับมอง ด้วยสีหน้าแข็งทื่อ จากนั้นก็ยิ้มจางๆและพูดว่า : “ไม่ว่าจะพูด ยังไง วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล คุณชายอย่าเพิ่งหวั่นไหวเร็ว เกินไปนะครับ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ