บทที่ 487 เรียกเขาว่าลุงรอง
จิ่งหนิงถามอย่างระแวง “จริงหรอ?”
“อือ จริง ผมสาบานด้วยเกียรติของผมเอง
“โอเค ฉันเชื่อคุณ”
ลู่วิ่งเซินอยู่เป็นเพื่อนเธอสักพัก ตามคำแนะนำของหมอว่าให้ ป้อนอาหารเหลวกับเธอเล็กน้อย รอจนถึงช่วงบ่าย มีผู้เชี่ยวชาญ เรื่องน้ำนมเข้ามาเร่งน้ำนม ให้เธอ เป็นการนวดโดยธรรมชาติ อย่างหนึ่ง
โชคดีที่คนที่ตระกูลลู่หามา เป็นคนที่ประสมการณ์และความ สามารถระดับสูง ไม่กี่นาทีก็ทำสำเร็จ นับว่าได้รับความเจ็บปวด น้อยลง
หลังจากผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำนมออกไป คุณย่าก็พากวนหมิง เข้ามา
ในมือยังถือซุปบำรุงที่ตั้งใจกลับไปตุ๋นโดยเฉพาะ
จึงหนิงหิวนานแล้ว เพราะว่าพึ่งจะผ่าตัดเสร็จ ไม่สามารถกิน เยอะมาก เห็นน้ำซุปที่ส่งกลิ่นหอมก็อดไม่ได้ที่จะน้ำลายไหล แต่พอดื่มเข้าไป สีหน้ากลับเปลี่ยนไปในทันที
มองไปที่คุณย่า ถามอย่างเกรงใจว่า “คุณย่าคะ ซุปนี้…ม ใส่เกลือรึเปล่าคะ?”
คุณย่าโดนเธอถามแบบนี้ก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้ ตอบอย่าง ข่าๆว่า “อยู่เดือนกินเค็มมากไม่ได้ ดังนั้นฉันตั้งใจสั่งให้พวกเขา ใส่น้อยมาก ลำบากเธอแค่หนึ่งเดือน หลังจากออกเดือนเธอ อยากจะกินอะไรก็ได้
ใบหน้าเล็กๆของจิ่งหนึ่งทรมานขึ้นในทันที
แต่พอนึกถึงลูก เธอก็บีบจมูก และดื่มเข้าไปอีก
ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ จึงเป็นอยู่กับเธอตลอด อยู่ด้วย กันตลอดเวลา
เดิมทีกวนจี้หมิงเห็นเธอจู่ๆก็คลอดลูก รู้สึกไม่ค่อยวางใจ แต่ หลังจากมา ก็เห็นตระกูลลู่ดูแลเธอเป็นอย่างดี ก็วางใจแล้ว
จิ่งหนิงอยู่เดือนไม่ได้ไปที่ศูนย์อยู่เดือน แต่อยู่ที่บ้าน เชิญคน
ดูแลมาดูแลโดยเฉพาะ
คนดูแลสองคน และยังมีอีกสองคนที่มาดูแลลูกโดยเฉพาะ ทั้งวิลล่าก็คึกคักขึ้นมาในทันที
คุณย่าก็มาดูพวกเขาแทบจะทุกวัน รักเหลนคนนี้มากที่สุด แทบอยากจะย้ายมาอยู่ด้วยกันเลย
แต่เพราะความเข้มงวดของลู่วิ่งเงินแล้ว ข้อเสนอนี้จึงไม่ สามารถยินยอมได้
ถึงอย่างไร เหล่าคนดูแลและคนรับใช้ในบ้าน ก็ทำให้เขารู้สึก ว่ารบกวนโลกของเขาและวิ่งหนึ่งมากเกินพอแล้ว ถ้าพวกคุณย่ามาอีก นั่นไม่ยิ่งทำให้ไม่สะดวกขึ้นหรอ?
คุณย่าเห็นเขายังไม่ทันคิดก็ปฏิเสธทันที โกรธมากจนด่าว่า เขาไม่มีคุณธรรม
ไม่นาน ก็ครบหนึ่งเดือนเต็ม
ตระกูลลู่จัดงานเลี้ยงครบหนึ่งเดือนให้เด็กน้อยอย่างยิ่งใหญ่
นายท่านคิดชื่อมาสองสามชื่อ จึงเป็นคิดอยู่นานมาก
สุดท้าย ก็เลือกชื่อลู่จิ้งจื่อ ที่นายท่านเป็นคนตั้ง เลือกจาก ความหมายคือสิ่งมีชีวิตที่แข่งขันและปรับตัวได้อยู่ตลอด
ทุกวันนี้ถึงแม้ว่าตระกูลลู่จะเจริญรุ่งเรืองมากอยู่แล้ว แต่ อำนาจ อิทธิพลและทรัพย์สินเงินทองก็มาได้ไม่ง่าย ที่เลือกชื่อนี้ ก็เพื่ออยากจะบอกว่าเด็กคนนี้เติบโตมาท่ามกลางความรักและ ความเอาใจใส่ของทุกคน
อย่าลืมว่าทุกอย่างบนโลกใบนี้ ต้องปรับตัวได้ถึงจะอยู่รอด ไม่มีคนไหนที่จะสามารถอยู่ที่สูงได้ตลอดไป มีเพียงแค่ความ พยายามอย่างไม่หยุดของตัวเองเท่านั้น ถึงจะสามารถอยู่บน ยอดสูงสุดได้
ในวันครบรอบหนึ่งเดือนวันนั้น บุคคลสำคัญของทั้งเมืองมา เกือบจะทั้งหมด
จิ่งหนึ่งยังไม่ฟื้นตัวทั้งหมดนัก ดังนั้นเลยไม่ได้ออกไปเจอ แต่มี คุณย่าอยู่ในห้องเป็นเพื่อน
เรื่องด้านนอกส่วนใหญ่แล้วเป็นลู่วิ่งเซินและคุณพ่อที่กำลัง จัดการ สมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงก็เป็นคุณย่าที่เป็นคน ต้อนรับ
และโอกาสครึกครื้นยิ่งใหญ่วันนี้ ก็เป็นไปตามความคาด หมายของเธอเอง
มีเพียงคนเดียว ที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเธอ
ในตอนที่จูเก่อหลิวเฟิงเดินเข้ามา คนทั้งห้องก็ตะลึงไป คุณย่ามีปฏิกิริยากลับมาก่อน
ยังไงก็เป็นคนของบ้านวิ่งหนึ่ง แม้จิ้งหนึ่งจะไม่ยอมรับ แต่ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดแสดงอยู่ตรงนั้น ยิ่งกว่านั้นคือวันนี้ เป็นวันที่น่ายินดี คงไม่ดีถ้าจะเป็นเฉยเกินไป ดังนั้นจึงยิ้มและพูดว่า “ท่านจูเก่อมาแล้ว”
“คุณย่าสวัสดีครับ”
จูเก๋อหลิวเฟิงทักทายคุณย่าอย่างตามมารยาท หลังจากนั้นยิ้ม และพูดกับจิ้งหนิง “รู้นานแล้วว่าเธอคลอดลูก เพียงแต่ช่วงนี้โดน งานรุมเร้ากวนใจ มาไม่ทัน โชคดีที่ในที่สุดก็มาถึงงานเลี้ยงครบ รอบหนึ่งเดือน น้ำใจเล็กน้อย เธออย่าต่อว่า
พูดพร้อมกับ ให้คนส่งกล่องผ้าไหมมาให้
เปิดกล่องออก เป็นกุญแจอายุยืนสีทองอันหรูหรา มองดูน้ำหนักของมันด้วยตาเปล่า ก็ดูว่าท่าจะหนักมาก
“ของสิ่งนี้ตอนนี้เด็กก็ยังใส่ไม่ได้ เก็บไปก่อนเถอะ!” จูเก่อหลิวเฟิงพยักหน้า
คุณย่าพูดอย่างยิ้มๆ
จิ่งหนิงนึกถึงครั้งที่แล้วที่เขายืมถาดหยกของตนไป ในใจก็ รู้สึกชื่นชมเขาขึ้นมาเล็กน้อย พูดอย่างยิ้มๆว่า “คุณย่าคะ หนู ต้องการคุณกับท่านเก่อลำพังเล็กน้อยค่ะ
คุณย่าพยักหน้า สั่งให้คนมาพยุงตัวเองออกไป
จิ้งหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในอ้อมกอดอุ้มลูกไว้อยู่ ไม่ได้มองที่เขา “คุณมาวันนี้ ไม่เพียงแค่มาร่วมงานวันครบรอบหนึ่งเดือน ใช้
ไหม?”
“ใช่”
จูเก่อหลิวเฟิงไม่เลี่ยงหลบเลยแม้แต่น้อย
ในมุมมองของเขา จิ่งหนึ่งเป็นคนฉลาดที่พบเจอได้น้อย แต่ การคุยกับคนฉลาด ถ้าปิดบังไปก็จะดูเหมือนใจแคบและน่าตลก ตรงกันข้ามไม่พูดอย่างเปิดเผยใจกว้างไปเลย
จึงหนิงเงยหน้าขึ้นมา สบตากับเขาโดยตรง
ยืดแขนออกไปทำท่าเชิญ
“นั่งก่อนสิ”
จูเก่อหลิวเฟิงนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆอย่างคล้อยตาม จิ่งหนึ่งให้มาเสิร์ฟชา จากนั้นถึงพูดที่คุณมาวันคือน้อย”
จูเก่อหลิวเฟิงยอมรับอีกครั้ง
เขาหยุดไปสักพัก และว่า หนิงหนิง ฉันรู้ว่าเธอเข้าใจผิด ต่อตระกูลเก่อมากมาย มันเรื่องของอธิบายให้เธอเข้าใจ และก็ไม่ทางปมในของ
“แต่เป็นสายเลือดของตระกูลจูเก่อ นี่เป็นเรื่องจริงที่ไม่ ไป เนื้อไม่แล้ว ต่อให้เหลือเพียงแต่กระดูก เธอยังเป็นของ ตระกูล
ยินยอมจะรับช่วงต่อของตระกูล ฉันสามารถสามารถปฏิเสธทางเลือกในอนาคตของลูกได้
จิ่งหนึ่งหันหน้ามองเขา
จูเก่อเฟิงมีตาสงบ
จู่เธอยิ้มออกมา
ดวงตาสวยข่มลงเล็กน้อย อย่างผ่อนคลายรองไหม?”
ดวงตาของจูเก่อหลิวเฟิงแสดงอารมณ์ออกมา พยักหน้า
“โอเค งั้นฉันจะเรียกคุณว่าลุงรอง
น้ำเสียงของจิ่งหงอบอุ่นและแผ่วเบา ดูเหมือนจะไม่ได้เย็นชา แต่ก็ไม่ได้กระตือรือร้นอย่างแน่นอน
“ฉันมีคำถามนึงที่ไม่เข้าใจมาตลอด ในโลกใบนี้ทุกคนรัก อำนาจและความร่ำรวย ทำไมทั้งหมดส่งมาอยู่ในมือคุณแล้ว คุณไม่ต้องการมันหรอ? ต้องให้ฉันคุณถึงสบายใจ?”
ไม่รอให้ดูเก่อหลิวเฟิงพูด จึงหนิงก็พูดเสริมว่า “ไม่ต้องพูด เรื่องสายเลือดครอบครัวอะไรกับฉัน ฉันไม่รู้จักพวกนี้ คนที่ เกี่ยวข้องทางสายเลือดกับฉัน ในชีวิตสิบแปดปีก่อนหน้านี้ของ ฉันไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน และก็ไม่เคยให้ความอบอุ่นกับฉัน แม้แต่นิดเดียว ฉันไม่เชื่อว่าพวกคุณพยายามอย่างเต็มที่เพื่อ ตามหาฉัน”
“ในมุมมองของฉัน แม่ผู้ให้กำเนิดไม่สำคัญเท่าแม่ผู้เลี้ยงฉัน มาจนโต ตั้งแต่เล็กทั้งดื่มทั้งกินทั้งใส่ทั้งใช้แม่ของฉันให้ฉัน ทั้งหมด ฉันได้รับการเลี้ยงดู ความรู้ที่ฉันได้เรียน เหตุผลในการ จัดการกับคนก็เป็นเธอที่สอนให้ฉัน
“ดังนั้น วันนี้ฉันโตแล้ว ก็ไม่ต้องการตระกูลเก่อ หน้าที่ความ รับผิดชอบทั้งหมดของตระกูลพ่อแม่ที่ให้กำเนิดฉัน กับลูกของ ฉันยิ่งไม่มี”
จูเก่อหลิวเฟิงเห็นท่าทางที่แน่วแน่มั่นคงว่าไม่ใส่ใจของเธอ หัวใจก็ยุ่งเหยิงขึ้นมาในทันที
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ