บทที่ 479 เธอ ใจอ่อนแล้ว
จึงหนิงมองไปยังแสงไฟที่อยู่ไกลๆ จึงเกิดอารมณ์มึนงงเล็กน้อย ลู่วิ่งเซินสังเกตเห็นเธอผิดปกติ แล้วเอ่ยถาม “เป็นอะไรไป? กำลังคิดอะไรอยู่? ”
จิ่งหนึ่งได้สติกลับมา แล้วส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีอะไร ก็แค่จู่ๆ ก็นึกถึงจูเก่อหลิวเฟิงมาหาฉันหลายๆ ครั้ง ก็แค่อยากให้ฉันยอมรับว่าตัวเองเป็นทายาทของตระกูลเก่อ และฉันกลับปฏิเสธทุกครั้ง แม้กระทั่งวันนี้เขาเอาหยกชิ้นนั้นออก มา เอาของตกทอดของพ่อออกมาแบบนี้ ฉันยังไม่ยอมรับ ฉันก็ แค่ไม่อยากไปมีความสัมพันธ์กับตระกูลเก่อ ฉันทำแบบนี้ ฉัน ใจร้ายไปหน่อยไหม? ”
ลู่จิ่งเซินมองเธอเพียงพริบตาอย่างแปลกใจเล็กน้อย
จึงหนิงยิ้ม “รู้สึกว่าคาดคิดไม่ถึงใช่ไหมที่ฉันคิดแบบนี้? ” ลู่จิ่งเซินกลับไม่ได้ปิดบัง แล้วพยักหน้าตามความจริง
“ก่อนหน้านี้คุณรู้สึกต่อต้านพวกเขา ดังนั้น…..เลยรู้สึกคาด คิดไม่ถึงอยู่เหมือนกัน”
วิ่งหนึ่งถอนหายใจเบาๆ
เธอยื่นมือไปจับท้องน้อยของตัวเองเบาๆ มุมปากกระตุกยิ้ม อันอ่อนโยน
“จริงๆ ฉันก็รู้สึกคาดคิดไม่ถึง ความคิดนี้เพิ่งจะผุดออกมาใน หัวสมองของฉัน ฉันรู้สึกว่าตัวเองถูกพระแม่มารีสิงร่างหรือเปล่า ทำไมถึงคิดแบบนี้? ”
เขาที่เป็นพ่อ แล้วจะทำให้แม่แท้ๆ ของฉันต้องตาย เกิดเป็น สามี ไม่ได้ปกป้องภรรยาของตัวเองให้ดี เกิดเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ก็กลับทำในหน้าที่ผู้ชายพึงกระทำ ก่อนหน้านี้ฉันโทษเขา และไม่ ยอมยอมรับว่าพ่อแท้ๆ ของตัวเองจะเป็นแบบนี้ แต่หลังจากที่ตัว เองมีลูก ความคิดบางอย่างก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ฉันเหมือนไม่ค่อย อยากไปเรียกร้องเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นว่าใครถูกใครผิดแล้ว รู้สึกค่อนข้างเหนื่อย และรู้สึกไม่จําเป็นอะไร คนก็เสียไปแล้ว คน ที่เหลือจะเรียกร้องหรือสนใจยังไง พวกเขาก็ไม่มีทางรู้อยู่แล้ว แค่จะทำให้คนที่มีชีวิตอยู่ลำบากซะเปล่า แล้วจะทำแบบนั้นไป ทำไมล่ะ? ”
ลมกลางคืนพัดผ่านมาเบาๆ พักผ่อนเส้นผมของเธอ ทำให้ไร ผมตรงข้างหูปลิวขึ้น ใบหน้าที่สวยงาม ตอนอยู่ในค่ำคืนก็ยิ่ง ทำให้เธอดูจิตใจเลื่อนเลยและอ่อนปวกเปียกอย่างพบเห็นได้ ยาก
ลู่วิ่งเซ็นมองแล้วรู้สึกถูกบีบหัวใจ ทำให้ค่อนข้างเจ็บปวด เขายื่นมือไปจับมือของเธอไว้ แล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด จิ่งหนึ่งไม่หยุดฝีเท้าลงไม่ได้ แล้วเงยหน้ามองเขา
ลู่จิ่งเซินจับจ้องไปที่เธอด้วยสายตาที่ลุ่มลึก สายตาเคล้าด้วย ความเอ็นดู
“ถ้ารู้ว่าเรื่องแบบนี้จะทำให้คุณคิดมากขนาดนี้ ผมน่าจะ ปกป้องคุณไว้อย่าถูกพวกเขาสังเกตเห็นตลอดไป”
จิ่งหนึ่งหลุดยิ้ม “นี่มันคำพูดอะไรกันเนี่ย? ”
ผู้ชายกลับทำสีหน้าจริงจัง “ถึงแม้ปากของคุณพูดได้อย่างยืน หยัดหนักแน่น แต่ผมก็สามารถมองออก ภายในใจของคุณยัง รู้สึกหวั่นไหวไม่ใช่หรอ? คุณก็เคยคิดว่าจะกลับไปที่บ้านตระกูล เก่อใช่ไหม? ”
จิ่งหนิงเม้มปากแล้วเงียบงันไปสักพัก
ผ่านไปสักพัก แล้วถึงพยักหน้าเบาๆ
“ลู่วิ่งเซิน คุณรู้ความรู้สึกที่โดดเดี่ยวไหม? ” ลู่วิ่งเซินรู้สึกปวดใจ เหมือนถูกมือใหญ่บีบอย่างแรง เขาพยักหน้า “ผมรู้”
“เหมือนแทนต้นหนึ่งที่ลอยไปลอยมาไม่อยู่นิ่ง ไม่มีที่ไป และ
หาทิศทางที่มาไม่เจอ แต่ก่อนฉันนึกมาโดยตลอด จิ่งเซี่ยวเต๋อ
เป็นพ่อของฉัน แม่ของฉันก็คือแม่ของฉัน ถึงแม้ฉันจะเกลียดจึง เซี่ยวเต๋อ แต่ในใจของฉันกลับคิดอย่างง่ายดาย หลังๆ มาฉันถึงรู้ พวกเขาต่างก็ไม่ใช่ ถึงแม้แม่ของฉันจะดีกับ
ฉันมาก ฉันก็รักท่าน แต่บางครั้งคนเรามักจะแปลกแบบนี้
คุณอดไม่ได้ที่จะคิด พ่อแม่แท้ๆ ของคุณเป็นใครเป็นยังไง? พวกเขามีนิสัยแบบไหน? พวกเขามีหน้าตายังไง? และผ่านอะไรมาบ้าง?
คุณยังมีญาติคนไหนอีกบ้าง? พวกเขาทำอะไร? พวกเขามีชีวิต ที่ดีไหม? และรู้ว่าคุณมีชีวิตอยู่ไหม? ”
“ความคิดแบบนี้มันเล็กมากใช่ไหม? แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ ก็คิดแบบนี้ เหมือนมีเรื่องมากมายรวมอยู่ในหมอกก้อนหนึ่ง ถ้า ฉันไม่ได้เป็นฝ่ายเข้าใกล้ ก็จะไม่มีวันมองเห็นชัดเจน
อนาคตลูกของฉันเกิดมา ตอนเขาถามฉัน คุณตาของฉันคือ ใคร? คุณยายของฉันคือใคร? ฉันควรตอบยังไง? ”
จึงเดินจับมือเธอไว้แน่นๆ แล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด
วิ่งหนึ่งยื่นมือ แล้วโอบเอวของเขาไว้ น้ำเสียงค่อนข้างเศร้า
หมอง
“ลู่จิ่งเซิน ฉันรู้สึกเสียใจหน่อย” 11
“ผมรู้”
เขาพูดด้วยเสียงต่ำ และแหบพร่าเล็กน้อย จากนั้นก็โอบเอว ของเธอให้แน่น แล้วกดตัวเธอเข้าไปในอ้อมกอด
“อย่าเสียใจไปเลย คุณยังมีผม ยังมีคุณปู่คุณย่า แล้วยังมีอาน อาน ตอนนี้ยังมีเด็กน้อยอีกคน เรื่องอื่นไม่สำคัญอะไรอีก
จิ่งหนิงออกแรงกอดแขนของเขาให้แน่นขึ้น แล้วไม่พูดไม่จา กระแสลมกลางคืนพัดผ่านระหว่างพวกเขาสองคนไป ทำให้มี เสียงเศร้าหมองดังขึ้นเบาๆ
ผ่านไปสักพัก สุดท้ายจิ้งหนึ่งก็ปล่อยมือ
แล้วปล่อยเขา พร้อมเงยหน้ายิ้มพูดเบาๆ “โอเครแล้ว ฉันไม่ เป็นไรแล้ว! เรากลับบ้านกันเถอะ”
ลู่วิ่งเซ็นมองเธออย่างลุ่มลึก นัยน์ตาดูลุ่มลึกมาก
“ได้”
เขาจับมือของเธอไว้ ทั้งสองเดินเข้าไปในบ้านต่อ
ที่นี่ห่างจากวิลล่าไม่ไกลแล้ว แค่ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น หมอบ อกว่า ถึงแม้จิ่งหนิงจะตั้งครรภ์ ทว่าก็ต้องระวังเรื่องการออก กำลังกายที่เหมาะสม ดังนั้นทุกๆ วันจึงเป็นก็จะมาเดินเป็น เพื่อนเธอไปสักพัก
หลังจากกลับถึงบ้าน จึงหนิงก็รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เลยหลับไป
โดยเร็ว
วันนี้ตอนกลางคืน เธอฝันถึงฝันนั้นอีกครั้ง
แล้วยังคงอยู่บนเรือลำนั้น ในทะเลนั้น เธอถูกคนผลักลงไปใน น้ำ แล้วจมลงไปไม่หยุด จมลงไป……
จู่ๆ ลู่วิ่งเซินก็ปรากฏ แล้วจับเอวของเธอไว้แล้วว่ายจากล่างไป บน แล้วผลักเธอขึ้นไปข้างบน
หลังจากที่มีคลื่นยักษ์ซัดมา เธอก็เห็นเขาถูกคลื่นพัดไปกับตา แล้วจมลงไปในทะเลกว้างใหญ่และลึกจนไม่เห็นก้น……….
จู่ๆ จิ่งหนิงก็ตื่นขึ้นมา
ทั้งสี่ทิศเคล้าด้วยความเงียบสงบ ในห้องที่มืดมน มีเพียงไฟ ติดพื้นสีเหลืองสลัวที่อยู่ตรงมุมผนังสว่างอยู่เท่านั้น
เธอหลับตา แล้วถอนหายใจเบาๆ
แล้วหันไปมองตรงผนัง ก็เห็นแค่ว่าดึกมาแล้ว นาฬิกาแขวน อยู่ตรงผนังชี้ไปยังเที่ยงตรง
เธอไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน แค่ได้ยินเสียงลมพัดฟูๆ ข้างนอก ข้างกาย ผู้ชายคนนั้นไม่ได้นอนหลับไปจริงๆ ทั้งร่าง เอียงไปพิงบนหมอน ดวงตาหลับลงเบาๆ แสงไฟสีเหลืองสลัว ทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลาเกิดเหงาอันหนึ่ง ยิ่งทำให้เขาดูลุ่มลึก
จิ่งหนึ่งยกมือแล้วอยากจะปลุกเขา ทว่านิ้วมือยังไม่ทันได้ สัมผัสกับร่างของเขา จู่ๆ สายตาก็กวาดมองไปยังหว่างคิ้วที่ ขมวดเล็กน้อยของเขา
เขาดูหล่อเหลาและสุขุมมาก ทว่าหว่างคิ้วที่ขมวดเล็กน้อยนั่น
ยังคงทําให้เธออดใจไม่ได้
ผู้ชายที่มีขนตายาว ทั้งยาวและหนา บนใบหน้ายังมีเงาอ่อนๆ กระทบมา
นอกจากพวกนี้ ใบหน้ายังปกคลุมด้วยสีหน้าที่เขียวคล้ำหนึ่ง ชั้น เหมือนหลับไม่ค่อยดี
จิ่งหนิงครุ่นคิดอย่างละเอียดไปสักพัก ช่วงนี้ เขายุ่งวุ่นวาย มาก เพิ่งจะส่งคุณตาไปได้ไม่นาน ก็ยุ่งกับงานแต่ง ทำให้เขา เหนื่อยมากแล้วจริงๆ
มือที่อยากจะปลุกเขา จู่ๆ ก็ตบไม่ลง จึงหนิงลุกขึ้นเบาๆ แล้วไปเทน้ำดื่ม
ทว่าต่อให้เธอระวังแค่ไหน ผู้ชายที่หลับไม่ลึกมาโดยตลอด
ลืมตาขึ้นทันที ตอนที่เธอเพิ่งจะขยับตัวแล้ว จริงๆ เขาหลับไปแล้ว ทว่านัยน์ตาตอนตื่นกลับเปล่งประกาย
ไม่มีแม้แต่อาการง่วงนอนเลยสักนิด
ความรู้สึกระมัดระวังตัวที่ฝึกมานาน ทำให้เขาคงความตื่นตัว ตลอดเวลา ต่อให้หลับไป ในหนึ่งวินาทีที่ตื่นมา ก็สามารถกลับ มาตื่นตัวโดยเร็ว
“ตื่นแล้วหรอ? “
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ