วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 473 ขอพรในวันตรุษจีน



บทที่ 473 ขอพรในวันตรุษจีน

ลู่จิ่งเซินก็ได้วิเคราะห์แยกแยะให้เธอไม่กี่ว่าในสาย ถึงแม้บอก ว่าจะไม่ช่วยตระกูลเซ่ ทว่าอย่างไรเรื่องราวมันเป็นยังไงก็ยังต้อง สิบหา

ยังไงแม่ลูกญาติแท้ๆ กับตระกูลเซ่โดยตรง ถึงแม้จะจากไป นานแล้ว ทว่าความสัมพันธ์ยังอยู่ ถ้าเกิดเรื่องมันบานปลายจริงๆ ก็ต้องจะถูกกระทบไปด้วย

หลังจากวางสาย สายตาของเขาจับจ้องไปยังใบหน้าของเธอ ตอ

แล้วโน้มตัวลงไปประกบจูบบนริมฝีปากเธอหนึ่งที แล้วพูด ด้วยเสียงต่ำ “ตอนบ่ายผมออกไปแปบเดียว คุณพักผ่อนอยู่ที่

บ้านดีๆ มีเรื่องอะไรก็โทรหาผม หม?

จึงหนิงพยักหน้า

แล้วนิ่งงันสักพัก สุดท้ายก็กำชับอย่างไม่ไว้วางใจ “คุณต้อง ระวังหน่อยล่ะ”

ลู่จึงเชินยิ้ม ไม่พูดอะไร แล้วหันหลังจากไป

ตอนที่จะถึงตอนค่ำ จึงหนิงก็ได้รับสาย บอกว่าสืบหาเรื่องของตระกูลเซ่ได้แล้ว ของพวกนั้นไม่ได้เป็น พวกเขาที่เป็นคนใส่ เป็นคู่แข่งหนึ่งในทำธุรกิจเดียวกัน
ทว่านอกเหนือจากนี้ ก็ยังสืบหาอะไรบางอย่างก็คือสิ่งที่พ่อ ของเซ่เซียงหลิงใช้ในการแสวงหากำไรมหาศาลในหลายปีมานี้

สําหรับเรื่องนี้จะจัดการยังไง นายหญิงไม่มีทางอ่อนข้อหรือ เมตตาใดๆ แน่นอน

ทั้งครอบครัวของเซ่เซียงหลิง ถ้านับความสัมพันธ์กันจริงๆ ก็ เป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องของแม่ แต่ไม่สามารถเทียบกับเยีเขียวที่ เป็นญาติในแขนงเดียวกัน

พ่อของเธอ คือลูกพี่ลูกน้องที่อาวุโสกว่าแม่ ด้วยเหตุนี้หลาย ปีมานี้ แค่ปัญหาที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับหลักทั่วไป นายหญิงก็จะช่วย พวกเขาแก้ไขทั้งหมด

กลับนึกไม่ถึงว่าพวกเขากลับจ้องจะวางแผนทำร้ายตระกูล

ดั่งที่คาด การช่วยเหลือคนอื่นเล็กๆ น้อยๆ คนอื่นจะรู้สึก ขอบคุณเป็นอย่างมาก แต่ถ้าช่วยมากเกินไป ก็จะทำให้คนอื่น พึ่งพาอาศัยตนเองตลอดเวลา

เรื่องที่อยู่ภายใต้การที่ตระกูลเข้าไปยุ่งเกี่ยว ก็สามารถ จัดการได้อย่างรวดเร็ว

เนื่องด้วยนายหญิงยุ่งเกี่ยวมากเกินไป สุดท้ายเซ่เซียงหลิง ไม่ได้แต่งงานกับชายอายุห้าสิบปี แล้วยังสามารถเรียนต่อใน เมืองหลวง

ทว่าครอบครัวแขนงอื่นของตระกูลเซ่เจอกับหายนะ เธอก็คง ไม่สามารถเป็นคุณหนูที่สุขสบายเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป
และเพราะเธอไปยั่วยวนจิ้งเซิน นายหญิงจึงรู้สึกว่าเธอไม่รู้ จักแบ่งแยกขอบเขต แล้วทำให้ตระกูลเยอับอายขายขี้หน้าอย่าง มาก จึงไม่ได้สนใจอะไรเธออีก

ชีวิตของเธอยิ่งลำบากมากขึ้น

ทว่าเรื่องพวกนี้ไม่มีใครสนใจอีก ชีวิตจะลำบากมากแค่ไหน เธอกรมหาเอง ความลำบากนี้ที่เอ่ยถึง ก็แค่ไม่สามารถใช้เงิน อย่างฟุ่มเฟือย และเข้าออกในสถานที่ชั้นสูงเหมือนแต่ก่อนก็ เท่านั้น

ถ้าเทียบกับนักศึกษาทั่วไป ก็ถือว่ายังดีกว่าเยอะ

หลังจากที่จัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ ก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว

แผลบนร่างกายของลู่จึงเป็นดีขึ้นมามากแล้ว รกในครรภ์ของ จิ่งหนิงเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ภายใต้คำแนะนำของหมอ ไม่ควรไป ไหนมาไหนอีก แต่ควรบำรุงครรภ์อยู่ในบ้านดีๆ

เรื่องนั้นของตา ยังไม่ได้แก้ไข ทว่าตอนนี้เธอตั้งครรภ์ ไหนๆ ก็กลับมาแล้ว ก็ไม่สามารถวิ่งไปที่ประเทศเพราะเรื่องนี้โดย เฉพาะ

การเดินทางไปกลับไม่ต้องพูดถึงว่าคนในตระกูลลู่จะวางใจ หรือไม่ แค่พูดถึงสุขภาพร่างกายของเธอก็ค่อนข้างรับไม่ไหว

ดังนั้น เรื่องนี้ก็คงทำได้เพียง ให้คนของลู่จึงเป็นที่อยู่ ประเทศ สืบค้นเรื่องนี้ไปชั่วคราวก่อน

ยังดีที่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลเก่อด้วย เพราะว่าเก่อหลิวเฟิงก็คิดว่าจะสืบหาเรื่องนี้ให้กระจ่าง แบบนี้ถึงจะถือว่ายังมี โอกาสชนะอยู่บ้าง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงในพริบตาก็ตรุษจีนอีกแล้ว

ก่อนหน้านี้จึงหนิงตกลงกับอานอาน แล้วจะไปปล่อยโคมลอย ที่แม่น้ำกับเธอ ได้ยินว่าตรุษจีนครั้งนี้ ตรงเขตชานเมืองมีการ ปล่อยโคมลอยที่แม่น้ำ ดังนั้นหลังจากที่กินอาหารค่ำส่งท้ายปี เก่าต้อนรับปีใหม่เสร็จ ทั้งครอบครัวจึงขับรถไปที่ชานเมือง

นายหญิงและนายท่านจะรู้สึกชอบความครึกครื้นอย่างหาได้ ยาก ดังนั้นจึงตามไปด้วย

ทั้งห้าคนขับรถไปแค่คันเดียว ลู่วิ่งเซินเป็นคนขับรถเอง จึง หนิงนั่งข้างเบาะคนขับ ส่วนนายหญิงและนายท่านก็พาอานอาน นั่งอยู่ด้านหลัง

รถขับเคลื่อนบนถนนที่หรูหรา ช่วงตรุษจีน ในร้านค้าริมทาง เต็มไปด้วยเสียงเพลง และมีเสียงขายของลดราคาดังไปทั่ว และ ข้างถนนยังมีโคมไฟที่มีสีสันสวยงามโอบล้อม ต้นไม้ที่ประดับ เต็มไปด้วยโคมไฟแดง และดอกไม้ขาวสีเงินระยิบระยับ ทำให้ดู เป็นบรรยากาศที่ครึกครื้นมาก

รถค่อยๆ ขับเคลื่อนไป ผ่านไปไม่นาน ก็ถึงละแวกริมแม่น้ำ

แม่น้ำสามสายบรรจบเป็นสายเดียวกันแล้วไหลผ่านใจกลาง เมืองมานี้ ทำให้เมืองแห่งนี้มีทิวทัศน์อย่างหนึ่งที่หลังพิงเขาและ อยู่ติดน้ำ จึงเป็นความโดดเด่นอีกหนึ่งแบบ
การปล่อยโคมลอยคือประเพณีและวัฒนธรรมที่มีมาตั้งแต่ โบราณ ในที่นี้ ที่อื่นจะปล่อยโคมลอยบนแม่น้ำในวันที่สิบห้าของ เดือนแรก นั่นก็คือเทศกาลเพ็ญแรกของสมัยโบราณ แต่ที่นี่พวก เขากลับปล่อยโคมลอยแม่น้ำภายในเดือนแรกของปี ไม่ว่าจะ เป็นวันไหน แค่เป็นคนที่สิบห้าเดือนแรกก็พอแล้ว

ดังนั้นทุกๆ ปี ในช่วงวันแรกถึงวันที่สิบห้าของเดือนแรกนี้ แม่น้ำที่โอบล้อมเมืองๆ นี้จะมีการปล่อยโคมลอยเต็มไปหมด มี หนุ่มสาวเด็กและคนแก่นับไม่ถ้วนจะมาขอพรที่นี่

ต้นโกลเด้นวิลโลว์เขียวชอุ่มตรงริมแม่น้ำทั้งสองข้าง ร้านค้า ไม่น้อยตกแต่งร้านด้วยสไตล์โบราณ ทำให้ได้บรรยากาศฝน พร่าจากเจียงหนาน เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ยังมีการพัฒนาให้ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว

คนของตระกูลลู่ต่างก็เป็นคนท้องถิ่น บรรยากาศที่อลังการ แบบนี้ก็ได้เจอมาเยอะ และก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร

แม่น้ำยาวมาก มันวิ่งผ่านทั้งเมือง ริมแม่น้ำตลอดสายนี้เต็มไป ด้วยร้านค้าสไตล์โบราณมากมาย

มีผับบาร์ และร้านที่ขายเครื่องประดับมากมาย มีขายของฝาก และอาหารท้องถิ่น แล้วยังมีพวกร้านอาหารและอื่นๆ

คนที่มาเที่ยวที่นี่ มีมากมายที่เป็นคนต่างถิ่น ทว่าคนในท้อง ถิ่นก็มีไม่น้อย

ลู่วิ่งเซินซื้อโคมไฟลอยน้ำมาห้าดวง แล้วให้คนลดวง จากนั้น ก็นําไปที่ริมน้ำแม่
พวกเขาเดินเบียดกลุ่มคนแออัด ไม่ง่ายเลยที่จะมาถึงริมแม่น้ำ แค่ตำแหน่งของพวกเขาไม่สามารถยืนที่เดียวห้าคน ดังนั้นทั้งห้า คนจึงแยกย้ายกันไปอยู่คนละที่

นายหญิงและท่านผู้เฒ่าพออ่านอ่านที่ถูกเบียดไปยังกลุ่มคนที่ อยู่ฝั่งโน่น จิ่งหนิงและลู่วิ่งเซินอยู่ฝั่งนี้

จิ่งหนิงเอาปากกาแท่งหนาสีดำยื่นไปให้เขา แล้วยิ้มพูด “คุณ

จะขอพรอะไร? ”

ลู่วิ่งเซินมองเธอ แล้วยื่นปากกาคืนให้เธอ “คุณเขียนก่อนสิ” “ไม่ ฉันจะดูคุณเขียนก่อน”

ลู่วิ่งเซินนิ่งงัน แล้วรับปากกามา “ก็ได้! ” เขาเอาโคมไฟลอยน้ำมา แล้วเขียนตัวหนังสือเป็นบรรทัดลง บนนั้น

จิ่งหนึ่งขยับเข้าไปดู แล้วอดไม่ได้ที่จะ “คิคิ” หัวเราะขึ้น “นี่มันขอพรอะไรกันแน่! อย่าเสียโอกาสไปได้ไหม? นี่ไม่นับ นะ!”

ลู่วิ่งเชินปล่อยโคมไฟลอยน้ำลงบนผิวน้ำด้วยสีหน้าจริงจัง “จะ ไม่นับได้ยังไง? ”

“แน่นอนว่าต้องไม่นับสิ! นี่ การขอพรแบบนี้มันไม่มีทางเป็น จริง”

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
“ขอของแบบนี้ ถ้าความเป็นจริงสามารถได้มาอย่างง่ายดาย แล้วจะถูกเรียกว่าขอพรได้ยังไง? ”

จิ่งหนิงนิ่งงัน แล้วเงยหน้ามองเขา

ยามค่ำคืนที่อากาศค่อนข้างเย็น โคมไฟหลากสีที่อยู่ริมแม่น้ำ สะท้อนให้เห็นถึงรูปลักษณ์หน้าตาที่ลุ่มลึกของเขา ใบหน้าที่หล่อ เหลา ร่างที่เรียวยาวและดูดียืนอยู่ตรงนั้น แค่มองเพียงพริบตา ก็ ทำให้สาวๆ นับไม่ถ้วนหวั่นไหวและใจเต้นแรง

ภายในใจของเธอจู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกซาบซึ้งอย่างบอกไม่ถูก เธอเขย่งปลาส้นเท้า แล้วหอมคางของเขาหนึ่งที่

ลู่วิ่งเงินก้มหน้ามองเธอ

จิ่งหนึ่งส่งยิ้มให้เขา แล้วดึงฝาปากกา จากนั้นก็เขียนตัว หนังสือลงไปหนึ่งบรรทัด

“หวังว่าพรของเขาสุขสมหวัง”

ชายหนุ่มทำนัยน์ตาซาบซึ้ง แล้วจับมือของเธอไว้

จิ่งหนิงปล่อยโคมไฟลงบนน้ำ แล้วยิ้มพูด “การขอพรสองเท่า เทพเจ้าบนฟากฟ้าต้องฟังเสียงของพวกเราแน่นอน”

เสียงของเขาค่อนข้างแหบพร่า “หนิงหนึ่ง”

“อืม? ”

วิ่งหนึ่งหันไป วินาทีต่อไป ริมฝีปากทั้งสองกลีบถูกริมฝีปากอัน อ่อนโยนปิดไว้
ยังไงก็อยู่ข้างนอก และรอบๆ มีคนมากมายขนาดนั้น เขากลับ ไม่ได้จูบเธอด้วยความเร่าร้อน แค่หนักกว่าแมลงปอเดินบน ผิวนํ้าเล็กน้อย แล้วก็ปล่อยออก โดยเร็ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ