บทที่ 438 เอาตัวเองให้รอดก่อน
เวลานั้น อายุของทั้งสองยังเล็กมาก และกำลังเป็นช่วงเวลาที่ได้ เดียงสาและสดใส
จิ่งหนึ่งถูกกู้ซือเฉียนช่วยกลับไป ในทีมก็ไม่รู้จักใครเลย การที่ ต้องเผชิญกับสิ่งที่แปลกหน้าทุกอย่างเพียงตัวคนเดียว แม้กระทั่ง โลกที่เธอไม่มีทางนึกถึงว่าเป็นไปข้องเกี่ยวด้วย ในแต่ก่อน เธอ รู้สึกหวาดผวา แม้กระทั่งยังรู้สึกค่อนข้างหวาดกลัว
ตอนนั้น นัยน์ตาของเธอไม่มีแสง เหมือนเป็นเฮดจ์ฮอกตัว น้อยๆ ที่น่าสงสารตัวหนึ่ง หลบอยู่ตรงมุมด้วยความโดดเดี่ยว
กู้ซือเฉียนรู้สึกว่าเธอเป็นแบบนี้คงไม่ไหว ดังนั้นมีวันหนึ่ง จึง
ได้เรียกให้ทุกคนในทีมรวมตัวกัน
ทุกคนล้อมรอบอยู่ด้วยกัน มองเธอเหมือนมองกอริลลาที่หา ยากตัวหนึ่ง ชื่อเฉียนถามว่ามีใครต้องการเป็นเพื่อนกับเธอไหม ทุกคนค่อนข้างรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย
เซี่ยฉวนเป็นคนแรกที่ยื่นออกมาอย่างสมัครใจ
เธอในตอนนั้นยิ้มได้สดใสแค่ไหน และมีเสน่ห์มากแค่ไหน เหมือนดวงอาทิตย์น้อยๆ ที่ใกล้ชิดกับเธอ แค่แปบเดียวก็ สามารถลบปมของเธอ
เธอยื่นมืออันขาวผ่องของ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “สวัสดี ฉันคือบทที่ 438 เอาตัวเองให้รอดก่อน
เวลานั้น อายุของทั้งสองยังเล็กมาก และกำลังเป็นช่วงเวลาที่ได้ เดียงสาและสดใส
จิ่งหนึ่งถูกกู้ซือเฉียนช่วยกลับไป ในทีมก็ไม่รู้จักใครเลย การที่ ต้องเผชิญกับสิ่งที่แปลกหน้าทุกอย่างเพียงตัวคนเดียว แม้กระทั่ง โลกที่เธอไม่มีทางนึกถึงว่าเป็นไปข้องเกี่ยวด้วย ในแต่ก่อน เธอ รู้สึกหวาดผวา แม้กระทั่งยังรู้สึกค่อนข้างหวาดกลัว
ตอนนั้น นัยน์ตาของเธอไม่มีแสง เหมือนเป็นเฮดจ์ฮอกตัว น้อยๆ ที่น่าสงสารตัวหนึ่ง หลบอยู่ตรงมุมด้วยความโดดเดี่ยว
กู้ซือเฉียนรู้สึกว่าเธอเป็นแบบนี้คงไม่ไหว ดังนั้นมีวันหนึ่ง จึง
ได้เรียกให้ทุกคนในทีมรวมตัวกัน
ทุกคนล้อมรอบอยู่ด้วยกัน มองเธอเหมือนมองกอริลลาที่หา ยากตัวหนึ่ง ชื่อเฉียนถามว่ามีใครต้องการเป็นเพื่อนกับเธอไหม ทุกคนค่อนข้างรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย
เซี่ยฉวนเป็นคนแรกที่ยื่นออกมาอย่างสมัครใจ
เธอในตอนนั้นยิ้มได้สดใสแค่ไหน และมีเสน่ห์มากแค่ไหน เหมือนดวงอาทิตย์น้อยๆ ที่ใกล้ชิดกับเธอ แค่แปบเดียวก็ สามารถลบปมของเธอ
เธอยื่นมืออันขาวผ่องของ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “สวัสดี ฉันคือ
จึงหนิงมองเธอที่กำลังน้ำตาคลอ ผ่านไปสักพัก จู่ๆ ก็ลุกขึ้น พลางเดินไปด้านนอก
เยฉวนรู้สึกตกใจอย่างรุนแรง
“จิ่งหนิง! ”
เธอเรียกเธอ น้ำเสียงค่อนข้างแหบพร่า จิ่งหนึ่งหยุดชะงัก ฝีเท้าลง กลับไม่ได้หันหน้ากลับไป
จากนั้น ก็ได้ยินเสียงที่เบาจนแทบจะไม่ได้ยินของเซียฉวน “คนของตระกูลจื่อจิน พวกเขาสั่งให้ฉันไปลอบฆ่าลู่วิ่งเซ็น
จิ่งหนึ่งสะดุ้งตกใจทันที
เธอหันหน้าไปด้วยความไม่น่าเชื่อ สายตาเลือดเย็นใช้แรงจับ จ้องไปยังเซี่ยฉวน ผ่านไปไม่กี่วิ ถึงจะเอ่ยปาก “เธอแน่ใจ? ”
เซียฉวนยิ้มอย่างเลือดเย็น
“แล้วจะไม่แน่ใจได้ยังไง? ฉันติดตามเขามาหลายปีแล้ว เธอ อาจจะไม่รู้ สามปีก่อนภายในกลุ่มมังกรเกิดการแตกแยกในครั้ง แรก เพราะว่าฉันถูกพวกเราเบียดเสียดยัดเยียด จึงได้แอบเข้า สวามิภักดิ์ไปอยู่ในตระกูลจือจิน ตอนอยู่ที่นั่น เขาก็คือเบื้องบน ของฉันโดยตรง ดังนั้นฉันจึงได้ปฏิบัติภารกิจทุกอย่างตามคำสั่ง ของเขาทั้งหมด รวมไปถึงฆ่าลู่วิ่งเซินในครั้งนี้ ทีแรกฉันไม่ยอม แต่เขาตกลงกับฉัน หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจนี้ เขาจะปล่อยฉันไป จิ่งหนิง ฉันเหนื่อยมาก หลายปีมานี้ฉันเกลียดที่จะต้องต่อสู้และ ฆ่ากับคนอื่น ฉันไม่อยากแข่งรถอีก และก็ไม่อยากจะล่องลอยอีกฉันแค่อยากจะมีชีวิตที่ปกติ แค่อยากจะให้ฉันได้รับจุดนี้ ฉันยอม ทำทุกอย่าง ไม่ว่าเรื่องอะไร ต่อให้ฆ่าคนฉันก็จะไม่สนใจ
จิ่งหนึ่งทำหน้าจับตัวเป็นก้อน พอได้ยินคำพูดที่พึมพำของเธอ จึงไม่พูดอะไรอีก
เซี่ยฉวนเงยหน้ามองเธอ “ลู่จึงเป็นไปทำผิดต่อคนอื่น จริงๆ ต่อให้ฉันไม่ฆ่าเขา พวกเขาก็จะส่งคนอื่นมาอยู่ดี พูดถึงตอน สุดท้าย นี่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกันไม่ใช่หรอ? ”
“ไม่ ต่างกัน”
เธอพูดด้วยเสียงเรียบ “เธอเป็นเพื่อนของฉัน แต่พวกเขา
ไม่ใช่”
เซี่ยฉวนรู้สึกตกตะลึงอย่างแรง
จู่ๆ เธอก็หัวเราะขึ้น
ยิ่งหัวเราะก็ยิ่งรู้สึกตลก ดังนั้นจึงยิ่งหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม จนกว่าหัวเราะจนตัวสั่น น้ำเสียงไหลริน
จึงหนิงมองเธอ แล้วขมวดคิ้วทรงสวย
จู่ๆ เธอก็สัมผัสได้ถึงปัญหาหนึ่ง
เป้าหมายในการกระทำครั้งนี้ของตัวเองกับลู่วิ่งเป็น แค่เกรง ว่าจะไม่ใช่ความลับอะไรต่อไป
แค่สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ออกก็คือ ถ้าแค่จะขัดขวางเธอกับลู่วิ่ง เซินสืบค้นเรื่องของตา มีความเป็นได้สูงที่ฝ่ายตรงข้ามจะใช้วิธีที่อ่อนโยนกว่าเดิม ไม่จําเป็นต้องส่งนักฆ่ามาโดยตรง
ยังไงฐานะของลู่วิ่งเซินก็มีอยู่แล้ว ถ้าเขาเกิดเรื่องอะไรที่นี่ขึ้น มาจริงๆ ตระกูลจื่อจินคงยากที่จะแน่ใจว่าจะไม่นำพาความเดือด ร้อนให้กับตัวเอง
ดังนั้นฝ่ายตรงข้ามยังคงทำแบบนี้เหมือนเดิม นี่หมายความว่า
พวกเขายังมีเหตุผลอย่างอื่นที่ตัวเองไม่รู้หรือไง?
พอนึกถึงแบบนี้ นัยน์ตาของเธอจึงมืดมัวลงเล็กน้อย แล้วพูด ด้วยเสียงเรียบ “เซี่ยฉวน เบื้องบนของเธอชื่ออะไร? “”
เซี่ยฉวนเก็บน้ำตาไว้ แล้วส่ายหัว
“ฉันไม่รู้”
จิ่งหนิงเลิกคิ้ว
เซี่ยฉวนพูดด้วยเสียงเรียบ “ฉันไม่รู้จริงๆ เหมือนเป็นคนอย่าง พวกเรา ต่อให้มีสิทธิ์รู้ชื่อของพวกเขา เวลาส่วนมากและปกติ แล้ว ก็แค่ใช้รหัสตัวแทนในการเรียกเท่านั้น ฉันแค่สามารถบอก เธอว่าเขามีรหัสตัวแทนว่า อย่างอื่นเธอไปสืบเองเถอะ”
จิ่งหนิงมองตาของเธอ แล้วแน่ใจว่าเธอไม่ได้โกหก ถึงจะพยัก หน้า
“ได้ ฉันจะไปสืบแน่”
หยุดชะงักไปสักพัก แล้วค่อยพูดขึ้น “แค่เธอพูดความจริง ทั้งหมด สำหรับความแค้นระหว่างเรา ฉันจะให้หายขาดทั้งหมดวันข้างหน้าเธอเอาตัวเองให้รอดก่อน
พูดจบ เธอก็หันหลังแล้วจากไป พระอาทิตย์สอดส่องเข้ามา จากประตูใหญ่ แล้วส่องทะลุผ่านร่างของเธอ ทั้งตัวของเธอจึงถูก แสงสีทองปกคลุม
เซียฉวนนอนอยู่บนพื้น แล้วมองร่างที่จากไปของเธอ เวลานั้น
ก็ไม่รู้ว่าทำไม ภายในใจก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
เหมือนบางตำแหน่งภายในใจก็มีของสำคัญมากกำลังจาก เธอไป
จู่ๆ เธอก็พูด “จิ่งหนิง! ”
วิ่งหนึ่งหันหน้ากลับไป แล้วมองเธอ
แสงสีทองส่องผ่านระหว่างเส้นผมของเธอ ทำให้เหมือนเป็น เทพเจ้าที่ลงจากบนโลกมนุษย์
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วอยากถามมากกว่านี้ ทว่าเซียฉวน กลับหันหน้าไปทางอื่น ทำให้เห็นว่าเธอไม่อยากจะคุยอะไรกับ เธออีก
จิ่งหนิงเม้มปาก สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แค่หันหลังจากไป ออกจากวิลล่า วิ่งหนึ่งก็ขึ้นรถ
โม่หนานตามอยู่ข้างเธอตลอด เห็นสีหน้าของเธอไม่ค่อยดี จึง ถาม “หนิงหนิง คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? ”
จิ่งหนิงส่ายหัว
เธอมองไปที่หน้าต่าง สายตากำลังเหม่อลอยอยู่
คําพูดสุดท้ายของเซี่ยฉวนเหมือนเป็นเสียงปีศาจที่กำลังกล่อม หูของเธอ ทำยังไงก็ไม่สามารถจางหายไปได้
เธอไม่รู้ว่าทำไมเซียฉวนถึงพูดคำพูดนั้นออกมา จริงๆ ภายใน ใจน่าจะไม่สนใจสิ ยังไงเธอกับลู่วิ่งเซินก็อยู่ด้วยกันมานานขนาด นี้ ฝ่ายตรงข้ามเป็นคนยังไง เธอรู้จักดีตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว แล้วจะถูก คนนอกมาส่งผลกระทบแล้วทำให้เข้าใจผิดได้ยังไงยังไปกว่านั้นมานี่คนๆนั้นก็เป็นคนที่จะลอบฆ่าลู่วิ่งเซ็นในไม่นาน
ทว่าบางครั้งก็เป็นแบบนี้ สติปัญญาเป็นเรื่องหนึ่ง พอถึงความ สัมพันธ์ก็อีกเรื่องหนึ่ง
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ