บทที่ 434 เขารักเธอมาก
ลู่วิ่งเซินก็ไม่ได้คิดจะอธิบายกับเธอมากเกินไป แต่ลูบหัวของเธอ แล้วพูดด้วยเสียงเรียบ “ยังไง วันข้างหน้าไม่ว่างไปไหน ก็ต้องพา บอดี้การ์ดไปด้วย
จิ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้นมา
แค่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอไม่ต่อต้านและไม่ปฏิเสธ แค่พูดด้วย เสียงเบา “โม่หนานถึงแล้วฉันก็จะให้เธอตามฉัน แล้วจะไม่ให้ พรากจากกันแม้แต่ก้าวเดียว วันข้างหน้าฉันจะไม่ออกไปข้าง นอกตามลำพัง”
ลู่จิ่งเซินพยักหน้า
“หนิงหนิง! ”
ลู่วิ่งเซ็นจู่ๆ ก็เรียกเธอ น้ำเสียงทุ้มเล็กน้อย เหมือนกำลังอุ ทานเบาๆ
จิ่งหนิงจึงขึ้นเสียงสูง ตอบกลับลืมเท่านั้น
“หากวันหนึ่งคุณสังเกตเห็นว่ามีเรื่องปิดบังคุณ หากตอนเรา อยู่ด้วยกัน คุณสังเกตเห็นว่าต้องผ่านอันตรายและเหตุไม่คาด คิดมากมาย ต่อให้ผมจะปกป้องสุดกำลัง ก็ยากที่รับประกันว่าจะ ปกป้องได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณจะกลัวสิ่งนี้ แล้วจะเกลียดผม จาก ผมไปไหม? ”
จิ่งหนิงนิ่งงันเล็กน้อย
เธอไม่รู้ว่าลู่จึงเป็นกำลังปิดบังอันตรายและเหตุไม่คาดคิดพวก นั้นคืออะไร
ทว่าหากเหมือนเหตุการณ์วันนี้ จริงๆ แค่เธอระวังตัวหน่อย และฉลาดหน่อย ก็สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดเรื่องนั้น ว่าไปแล้วก็ ต้องโทษตัวเองที่ประมาทเกินไป
เธอส่ายหัว “ฉันจะเกลียดคุณไปทำไม? ชอบคุณเป็นสิ่งที่ฉัน เลือก ถ้าดื่มแล้วก็ควรรับผิดชอบในภาระที่ไม่ดีอยู่แล้ว ทำไม ฉันถึงต้องจากคุณไปด้วยเล่า? ”
คำพูดของเธอ ทำให้ลู่วิ่งเซินหายใจถี่ขึ้น ดวงตาลุ่มลึกขึ้นมา แล้วก้มหัว เอานิ้วมือเรียวยาวยกคางของเธอไว้ แล้วพูดขึ้น “พูดคำพูดเมื่อกี้ของคุณอีกครั้ง”
จิ่งหนิงกะพริบตา แล้วดูหม่นหมองเล็กน้อย
“ดื่มแล้วก็ควรรับผิดชอบในภาระที่ไม่ดีอยู่แล้ว……..
ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกลู่นิ่งเซินขัดจังหวะ “ไม่ถูก ประโยคก่อน หน้า! 11
“การขอบคุณเป็นสิ่งที่ฉันเลือก………
จิ่งหนิงเอ่ยพูด จู่ๆ ก็ตอบสนองด้วยใบหน้าเรียวเล็กที่เขินแดง
แสงไฟตรงหน้าก็มืดสลัวลงทันที ลู่วิ่งเซินก้มหัวลงมาประจบ จูบบนริมฝีปากเธอ
เขาจูบเธอด้วยความลึกซึ้ง ไม่ถือว่าเร่งรีบ กลับเป็นความลึก ซึ่ง ผ่านช่องปากทุกซอกทุกมุมปากของเธอ ทำให้เธอพลิกไป พลิกมา ฝ่ามือใหญ่จับหน้าของเธอไว้ เหมือนกำลังจับของล้ำค่า ที่สุดในโลกใบนี้ พอปล่อยมือไป ก็จะทำให้จากเขาไป
จนถึงตอนนี้ จึงหนิงเพิ่งจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกหวาดผวา ภายในใจลึกๆ ของผู้ชายคนนี้ เขากอดเธอไว้ จริงๆ มันใช้แรง เยอะ ทว่าจิ้งหนิงกลับรู้สึกว่าหัวใจของเขาสั่นเทา
เขากำลังกลัวอะไร?
ลมหายใจของผู้ชายคนนี้ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เหมือนเป็นลม พายุและฝนกระหน่ำ ในวินาทีที่แล้ว ฟ้าฝนยังสงบอยู่ วินาทีต่อ จากไปกลับโหมกระหน่ำ
เคล้าด้วยลมหายใจที่มืดมัวที่เต็มไปด้วยแรงแห่งการทำลาย ขณะที่ใช้แรงจูบอย่างลุ่มลึก ก็บีบคลั่งเรือนร่างของเธอ เหมือน แบบนี้ ก็จะสามารถบีบคลั่งเธอเข้าไปในอ้อมของตัวเอง และจะ ไม่มีทางหายไปตลอดกาล
จิ่งหนึ่งถูกจูบจนขาดออกซิเจน หัวสมองเต็มไปด้วยความว่าง เปล่า ผ่านไปสักพัก จนกว่าลิ้นของเธอเหน็บชา ลู่วิ่งเซินก็ปล่อย เธอ แล้วกัดติ่งหูพร้อมพูดด้วยความแผ่วเบา “หนิงหนิง ผมรัก คุณ!
จิ่งหนิงตกตะลึง
ลู่วิ่งเซินก็ไม่ใช่คนที่เชี่ยวชาญในการบอกรัก เขาเป็นโรค ใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก เขาเย็นชา เขาเย่อหยิ่งเหมือนดอกไม้ที่อยู่บนยอดเขาหิมะสูง
และคนแบบนี้ ตอนนี้กลับพูดคำพูดที่ทำให้รู้สึกซาบซึ้งมาก ขนาดนี้กับเธอ
จึงหนิงจึงรู้สึกว่ามีหลากหลายความรู้สึกกำลังกับด้วยความ น่าแปลก
เธอก้มหน้าลงต่ำ เพื่อบดบังความรู้สึกใต้ดวงตา แล้วพูดด้วย เสียงต่ำ “คุณวางใจเถอะ ฉันก็จะดูแลตัวเองดีๆ ฉันจะไม่เป็นตัว ถ่วงของคุณเด็ดขาด”
ลู่วิ่งเซินยิ้มอ่อนๆ “ผมยอมให้คุณเป็นตัวถ่วง”
ในใจของจิ่งหนึ่งสั่นไหว แล้วหยุดชะงักไป จู่ๆ ก็นึกถึงอะไร บางอย่าง แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงเบา “งั้นถ้าคุณรู้ว่าฉันมีเรื่อง โกหกคุณล่ะ? คุณจะยังรักฉันไหม? ”
“รักสิ! ”
จู่ๆ เขาก็ยิ้มด้วยเสียงเบา มีลมร้อนผ่าวเบาลงลำคอของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าที่เคล้าด้วยลมหายใจที่อันตราย อย่างหนึ่ง “มากสุดก็แค่ล็อคตัวคุณไว้บนเตียง คุณโกหกหนึ่ง ครั้ง ฉันจะทำคุณ ทำจนกว่าคุณจะพูดความจริงทั้งหมด! ”
คำพูดของผู้ชายนั้นโหดเหี้ยมมาก ทำให้ใบหน้าของสิ่งหนึ่ง แดงระเรื่อขึ้นมาทันที แล้วผลักเขาออก พร้อมพิมพ์ “ไร้สาระ! ”
“เหอะ! งั้นคุณว่า มีเรื่องอะไรที่โกหกผมล่ะ? ”
จิ่งหนิงจึงหันหน้าไปอีกฝั่งหนึ่งด้วยความไม่เป็นมิตร “ไม่มี! ”
อืม? ” ลู่จิ่งเซินจับหน้าของเธอไว้ ระดับน้ำเสียงเคล้าด้วยการ บอกเตือน
ขนตาของจิ่งหนิงสั่นสะเทือนเล็กน้อย นี่จึงจะพูดด้วยความ จริงจัง “ไม่มีอะไร ฉันแค่ถามไปงั้นๆ เท่านั้น”
ลู่วิ่งเซินถลึงตามองเธอ ผ่านไปสักพัก ถึงจะพยักหน้าขึ้น แล้ว ค่อยปล่อยเธอออก
หลังจากสี่สิบกว่านาทีผ่านไป รถถึงจะกลับถึงโรงพยาบาล
ลู่จิ่งเซินไม่ได้ไปบ้านตระกูลจิ้น ทางโน้นก็ไม่ได้บีบบังคับ
แค่คนที่ชื่อผู้บังคับบัญชาตำรวจเจสซีไม่รู้ว่าไปเอาเบอร์ของ จิ่งหนิงมาจากไหน และโทรมาสองสาย บอกว่ารบกวนให้จิ้งหนึ่ง ให้ปากค่าหน่อย
ยังไงเรื่องการให้ปากคำ สามารถทำให้ได้ ทว่าวิ่งหนึ่งก็ เป็นคนเสียหายคนแรก สถานการณ์บางอย่างมีแค่เธอเท่านั้นที่รู้ ต้องให้เธอไปให้ความร่วมมือ
ลู่วิ่งเซินไม่ได้คิดจะทำให้เขาลำบากใจ จึงตอบตกลงว่าวันถัด ไป ให้เขาส่งคนไปให้ปากค่า ผู้บังคับบัญชาตำรวจเจสซีจึงรู้สึก ขอบคุณมาก ถึงจะวางสายลง
หลังจากถึงโรงพยาบาล จิ่งหนึ่งไปอาบน้ำก่อน หลังจากอาบน้ำ ก็เห็นหมอเอมี่ไม่รู้ว่ามาถึงเมื่อไหร่
เอมี่ไม่ค่อยอยู่ในประเทศ ครั้งนี้กลับใช้ในประเทศได้นานกว่า ที่ผ่านมา
พอเห็นเธอปุ๊บ จึงรีบทำสีหน้ารื่นเริง “คุณจึง คุณรู้ไหม? ตอนที่ เพิ่งรู้จักคุณ ฉันก็มองออกว่าปีนี้คุณต้องเจอกับเคราะห์ใหญ่ ทว่า เคราะห์นี้ทำให้น่าตกใจแต่ไม่ได้เป็นอันตราย นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อะไร
หลังจากผ่านเคราะห์นี้ หลังจากนั้นทุกเรื่องก็คงจะราบรื่น ตอนนั้นฉันบอกพวกท่านประธาน พวกเขายังไม่เชื่อ คุณดูสิ ดั่ง ที่คาด นี่เป็นการทดลอง ใช่ไหม! ”
จึงหนิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แล้วนั่งอยู่ข้างๆ จิ่งเซิน “หมอเอ กลายเป็นคนที่ทํานายดวงตั้งแต่เมื่อไหร่?! ”
ลู่จิ่งเซินจับจ้องเขาด้วยเรียบเฉย “ตอนเขาเด็กๆ เขาเคยบูชา
เทพเจ้าองค์เก่าบนภูเขา”
“พู่ว…….” จิ่งหนิงอดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะในตอนนี้ทันที “จริง หรอ? หมอเอมี่ มองไม่ออกหรอ! ที่แท้คุณก็เคยเป็นสาวกของ เทพเจ้า”
เอมี่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ แล้วก่นด่าลู่จิ้งเซิน “มันเรื่องหลายปี ก่อนแล้ว แล้วยังจะเอาออกมาพูดอีก ทำไมนายถึงไม่พูดว่าตอน เด็กชอบหนีไปอ่างอาบน้ำของเพศหญิง แล้วไปแอบอยู่ที่นั่นทั้ง คืนล่ะ? ”
จิ่งหนึ่งนิ่งงัน แล้วหัวเราะได้ร่าเริงกว่าเดิม สีหน้าเคล้าด้วย ความไม่น่าเชื่อ “ไม่หรอกมั้ง? ทำไมถึงได้วิ่งไปอ่างอาบน้ำล่ะ? ”
ลู่วิ่งเงินทำสีหน้าที่มืดมัวไปแล้ว เอมี่กลับไม่กลัวว่าเป็นเรื่อง ใหญ่ จึงอธิบาย “แล้วจะทำไม่ได้? ตอนเด็กอ่านตัวหนังสือไม่ เป็น มีคนโอกาสเขาว่าอ่างอาบน้ำหญิงเป็นอ่างอาบน้ำชาย เขา เลยเข้าไปไง สุดท้ายหลังจากเข้าไปก็เห็นถึงความผิดปกติ จึง หลบอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อ และรู้สึกอาบจึงไม่กล้าออกมา ทำให้ ต้องอยู่ในนั้นทั้งคืน”
จึงหนิงหัวเราะจนตัวสั่นทันที “งั้นตอนนั้นอายุเท่าไหร่? ”
“สิบขวบมั้ง! ”
“สิบขวบ? ไม่ใช่หรอกมั้ง ตอนนั้นจะเป็น……..
จิ่งหนึ่งพูดขึ้น แล้วพูดต่อไปไม่ได้อีก สีหน้าดูเกร็งเล็กน้อย
สิบขวบ อย่าพูดถึงว่าตัวหนังสือชายหญิงเลย แม้แต่หนังสือ ธรรมดาทั่วไปก็น่าจะอ่านออกแล้ว แล้วถูกคนๆ นี้หลอกเข้า อ่างอาบน้ำหญิงได้ยังไง? ”
เธอหันไปมองลู่จิ้งเซิน ใบหน้าของจึงเป็นค่อนข้างลังเล สีหน้าเหมือนกันหม้อ แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา “อย่าพูดมาก! ตรวจสุขภาพให้เธอก่อน! ”
เอมี่พูดขึ้น “ได้! ”
ขณะที่พูด ก็เดินเข้ามาตรวจร่างกายให้วิ่งหนึ่ง
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ