บทที่ 42 รับเธอไปทานข้าว
จึงหนิงนั้นถือว่าได้ยอมรับในตัวถังลั่วเหยา
ยังไงซะตอนนี้ถึงแม้ว่ามีคนมาใหม่เยอะ แต่ส่วนมานั้น ก็ได้อยู่ขังอยู่ในชื่อเสียง แต่ละคนนั้นใจร้อน น้อยมากที่จะ สงบใจลงแล้วก็มาพัฒนาการฝีมือการแสดง
ถังลั่วเหยาเป็นเพราะว่าฐานะไม่ดี เรื่องตอนสมัยเด็กนั้นไม่ ค่อยสวย ก็เลยได้มองความเย็นชาของโลกได้อย่างทะลุ ปรุโปร่ง มีการมองโลกใบนี้ได้ลึกซึ้งกว่าคนวัยเดียวกัน
และก็เพราะแบบนั้น เธอถึงได้เข้าใจว่าการแสดงนั้นเป็น พื้นฐานที่สำคัญของนักแสดง ที่เหลือก็แค่เปลือกนอกเท่านั้น
การเจอเธอที่ชิงฮุย พูดได้เลยว่าเป็นการพบหยกที่ สวยงามในกองเศษหิน
จึงหนิงดีใจมากๆ ก็ได้เจอนายหน้าที่ได้พาพวกเขากลับมา จากกองถ่ายพอดี ก็ได้ให้คนรีบเรียกถังลั่วเหยามาพบที่ห้อง ทำงานทันที
ถังลั่วเหยาเจอเธอ ก็ตกใจไม่น้อย
เมื่อก่อนตอนที่อยู่เฟิงหัวนั้น เธอนั้นเคยเจอจึงหนิง
ถึงแม้ไม่เคยที่จะพูดคุยอะไรมาก แต่ว่าคนในบริษัทนั้นต่างคนก็รู้ จึงหนิงเป็นนักประชาสัมพันธ์ป้ายทอง ไม่มีแผน งานใดที่เธอจัดการไม่ได้
ไม่กี่วันก่อนได้ยินว่าบริษัทได้เปลี่ยนเจ้านายใหม่ ก็ยังเตา ไปว่าเป็นใคร คิดไม่ถึงว่าเป็น เธอ!
แต่ว่าพอคิดถึงความสามารถของเธอ ที่เขาพูดกันว่าปลา เกล็ดทองไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตในสระน้ำ สักวันต้องออกมาส ร้างเองข้างนอก เพราะงั้นก็ไม่แปลกใจอะไรแล้ว
เธอได้ยิ้มแล้วเดินเข้ามาในห้องทำงาน “ประธานจิง คุณ จะพบฉันเหรอคะ?”
“อืม เข้ามานั่ง!”
รอให้เธอนั่งตรงเก้าอี้ตรงข้าม จึงหนิงถึงได้พูดคุยปรึกษา หารือกับเธออย่างจริงจังเกี่ยวกับแผนการในตอนนี้และการ พัฒนาในอนาคต
ฝ่ายแผนการกับฝ่ายโฆษณาในบริษัทตอนนี้ก็เหมือนกับ
เปลือก
เพราะงั้นแผนการและเส้นทางที่สำคัญของนักแสดงนั้น เธอลงมือทำเองจะดีกว่า
พูดคุยกันไปสองชั่วโมงเต็ม สุดท้าย ก็ได้วางแผนการ คร่าวๆ ออกมาเรียบร้อย
ถังลั่วเหยาจบจากห้องการแสดงละครจีน แล้วก็ซอบการแสดงมาก เพราะงั้นแสดงละครก็เป็นงานหลักของเธอใน ตอนนี้แน่นอน
ที่เหลือจึงหนิงติดไว้ว่าจะรับงานร่วมรายการบันเทิงที่ดังๆ สองรายการ ให้เธอนั้นเริ่มมีชื่อเสียงขึ้น
รอให้ถังลั่วเหยาเดินออกไป เธอก็ได้เรียกนักแสดงคนอื่น ที่เหลือมาอีก พูดคุยกับทุกคน
ได้มีไม่กี่คนที่ไม่พอใจกับบริษัท เธอก็ไม่ได้รั้งไว้
แล้วก็ได้พูดออกไปว่า ถ้าพวกเขาอยากจะอยู่ต่อ เธอนั้นก็ จะทำให้เหมือนกับทุกคน เรื่องการงานต่อจากนี้ตนนั้นจะ พยายามหามาให้
แต่ถ้าไม่อยากที่จะอยู่ต่อ เธอก็ไม่บังคับ
ค่าปรับผิดสัญญาก็ยกเลิก ไม่ต้องจ่ายสักสตางค์
ในใจของจิ่งหนิงรู้ดี ก่อนที่คนพวกนี้จะมาเซ็นสัญญากับ ซิงฮุย ส่วนมากก็เพราะหมดทางเลือก
พอเซ็นกับซิงฮุยแล้ว ก็ไม่มีผลงานอะไร ยิ่งไม่มีทางที่จะได้
ค่าตัวอะไร
มีไม่กี่คนได้เริ่มหวั่นไหว จึงหนิงไม่ได้เร่งพวกเขา ให้พวก เขานั้นกลับไปคิดดีๆ พรุ่งนี้ค่อยมาให้คำตอบก็ได้
พอคนพวกนั้นออกไป เธอก็นั่งอยู่ในห้องทำงานคนเดียวแล้วก็ดูประวัติของนักแสดงทั้งสิบคนอย่างละเอียดอีกรอบ
จากนั้นดูจากความจำที่คุยกับพวกเขาเมื่อกี้ มาวิเคราะห์ ข้อดีและข้อเสียของทุกคน หาทางพัฒนาที่เหมาะสมให้ พอจัดการพวกนี้เสร็จ เวลาก็ได้ตึกมากแล้ว
จึงหนิงบิดขี้เกียจ ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา พอไม่รู้สึกตัวก็ พบว่า ตอนนี้เวลานั้นได้เดินมาถึงสองทุ่มแล้ว
ท้องนั้นได้หิวจนร้องออกมา เธอลุกขึ้นเตรียมตัวไปกินข้าว แล้วก็นึกอะไรขึ้นได้ สีหน้าได้เปลี่ยน
รีบเอาโทรศัพท์ออกมา เป็นไปอย่างที่คิดไว้ได้เห็นสาย เรียกเข้าที่ไม่ได้รับหลายครั้งโชว์ขึ้น
เป็นลู่จิ่งเซินโทรมาทั้งหมด
ตายแน่ตายแน่ตายแน่!
ก่อนหน้านั้นยุ่งอยู่ตลอด เธอก็เลยได้ปิดเสียงโทรศัพท์ ด้วยความเคยชิน คิดไม่ถึงว่าพอยุ่งก็ลืมเวลาไป
ผู้ชายคนนั้นคงเป็นเพราะกลับบ้านแล้วพบว่าเธอไม่อยู่
ก็ได้โทรมาถามโดยเฉพาะแน่ๆ
ก็ไม่รู้ว่าที่ตนไม่รับสายของเขา เขาจะโมโหไหม?
จึงหนิงเก็บข้าวของเสร็จ ก็ได้เดินออกไปข้างนอกไปแล้วก็
โทรกลับหาเขาไปด้วย
เหมือนว่าพอโทรติดโทรศัพท์ก็ได้ถูกรับทันที
“เลิกงานแล้ว?”
เสียงของชายหนุ่มนั้นทุ่มต่ำ ฟังไม่ออกว่าอารมณ์ดีหรือ
เสีย
จึงหนิงหัวเราะแห้งๆ ออกไป พูดไปด้วยความรู้สึกผิดว่า “คือว่า..ขอโทษนะ! เมื่อกี้ฉันได้ปิดเสียงโทรศัพท์ไปเลย
ไม่ได้ยิน”
อีกฝ่ายนิ่งไปไม่กี่วิ
“ยุ่งเสร็จแล้วก็ลงมา!”
“อ่า?”
“ฉันรอเธออยู่ข้างล่าง”
จึงหนิงเบิกตาจนโตด้วยความตกใจยังอยากจะพูดอะไร ต่อ สายก็ได้ถูกตัดไปแล้ว
เธอก็เลยทำได้แค่รีบลงไป เป็นไปตามคาดตรงประตูนั้น ได้มีรถโรลส์รอยซ์สีดำจอดอยู่คันหนึ่ง
บนตัวรถนั้นได้มีแสงของยามค่ำคืนส่องกระทบ ทำให้เป็น
จุดสนใจของคนไม่น้อย
จะมีสายตาที่อิจฉานั้นมองมาเป็นระยะ หรือเป็นการแอบๆ ชี้ไปที่รถ หรืออาจจะเป็นการเดาต่างๆ นานา
จึงหนิงปิดหน้าอย่างทำตัวไม่ถูก
ลูกพี่ไปจอดรถในที่ที่ลับตาคนหน่อยได้ไหม? จอดอยู่ หน้าประตูขนาดนี้ มันโดดเด่นเกินไปไม่ใช่เหรอ?
จึงหนิงค่อยๆ วิ่งไปที่รถอย่างรวดเร็ว อาศัยตอนที่คนนั้น ไม่ทันที่จะสังเกต แล้วก็ได้รีบเข้าไปในรถ
ซูมู่ที่นั่งอยู่ที่นั่งคนขับ ก็ได้ตกใจกับการกระทำของเธอ
ถ้าไม่รู้ ก็คิดว่ามีคนได้ไล่ตามมาจากข้างหลัง!
ลู่จิ่งเซินนั้นก็ยังได้นิ่งอยู่เหมือนเดิม พอรับคนได้แล้ว ก็สั่ง
ให้ซูมู่ออกรถ ตรงไปที่ร้านอาหารที่ได้จองเอาไว้
จึงหนิงได้ยินจุดหมายที่เขาพูด ก็ตกใจเล็กหน่อย
“วันนี้ไม่กลับไปทานข้าวที่บ้านเหรอ?”
สู่จิงเซินกำลังพลิกดูนิตยสารการตลาดในมือ แล้วพูดออก มาเรียบๆ “คุณนายลู่ คุณไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงเหรอ?”
จึงหนิงอึ้งไป ถึงได้คิดได้ว่าตอนนี้นั้นได้เกินสองทุ่มแล้ว ตอนที่เธอพึ่งมาถึงคฤหาสน์บ้านลู่ ก็ได้ฟังป้าหลิวพูดกฎ ของบ้าน
เกินสองทุ่มนั้นจะไม่เก็บอาหาร นี่เป็นกฎที่คุณท่านลู่ได้ตั้ง ขึ้นมาตอนที่ส่งเธอมาดูแลลู่นิ่งเซ็น
ก็เพื่อที่จะป้องกันหลานของเขาทำงานจนไม่รักษาชีวิต ไม่แค่เขา ทั้งตระกูลลู่นั้นก็ต้องใช้กฎนี้
จึงหนิงหัวเราะออกมาอย่างเก้อเขิน
“โทษทีนะ! ตั้งใจทำงานเกินไป ก็เลยลืมเวลาไปเลย! คือ ว่า…เพื่อเป็นการไถ่โทษ คืนนี้ฉันเลี้ยงข้าวเองเป็นไง?”
สู่จิงเซินเงยหน้าขึ้นมาสักที
สายตานั้นได้จ้องมองไปที่เธอ แล้วก็ยังมีรอยยิ้มอ่อนๆ
ประดับอยู่
“จริงเหรอ?”
“แน่นอน”
“ได้”
ไม่นานรถก็ได้มาถึงหน้าร้านอาหาร
ทั้งสองลงจากรถ จึงหนิงเงยหน้า ก็เห็นตัวหนังสือสี่ตัว
ใหญ่ๆ ตรงหน้า
วิลล่าลู่สุย
นี่มันที่ไหน?
เธอนั้นคิดไปเองว่าตนนั้นได้เกิดและเติบโตในเมืองจิ้น ใช้ ชีวิตอยู่ที่นี่มายี่สิบปี ทำไมไม่เคยได้ยินที่แบบนี้มาก่อน?
แต่ว่าจึงหนิงก็ไม่คิดอะไรมาก
ไม่เคยมาก็พอดีเลย วันนี้ก็ถือว่ามารู้จักที่ใหม่ๆ
สู่จึงเดินได้จูงมือเธออย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งสองนั้นเดิน เข้าไปข้างใน
ตรงประตูใหญ่นั้นได้มีคนเฝ้าประตูโดยเฉพาะ พอถาม เรื่องที่พวกเขาได้จองไว้เรียบร้อย ก็ได้พาพวกเขาเดินเข้าไป
อย่างสุภาพ
หมู่บ้านนั้นกว้าง ภูเขาเทียมแม่น้ำ พืชต้นไม้มีเต็ม ทาง ก้องหินที่เขาได้สร้างขึ้นตอนเดินไปนั้นทำให้รู้สึกเหมือนว่า คนนั้นกำลังเที่ยวป่ากันอยู่ วิวด้านในก็สวย ต่อให้เป็นตอน กลางคืน ก็สามารถมองเห็นการจัดวางที่สวยงามก้อนหิน ต้นไม้ได้
จึงหนิงก็คิดได้ทันที การตกแต่งที่สวยงามขนาดนี้ อาจจะ เป็นหมู่บ้านส่วนตัว เปิดรับแค่คนบางคนเท่านั้น เพราะงั้น เมื่อก่อนเธอถึงไม่รู้จัก
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ