บทที่ 403 ตระกูลจูเก่อ
จิ่งหนึ่งหมดความรู้สึกอยากรู้เลยทันที เพราะรู้สึกไม่มีอะไรน่า สนใจ
เธอพูดขึ้นว่า : “เรื่องนี้ฉันจะกลับไปคิดไตร่ตรอง ตอนนี้ก็ดึก มากแล้ว แถมคุณท่านร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงด้วย รีบกลับไปพัก ผ่อนเถอะคะ”
คุณท่านกวนพยักหน้าเล็กน้อย
จากนั้นจึงหนิงกับลู่วิ่งเซินก็เดินจากไป
และบรรยากาศภายในงานก็เงียบสงบทันที
นอกจากคนตระกูลกวนที่อยู่ด้านข้างที่พากันตกใจช็อกไม่กี่ คน ก็มีอีกไม่กี่คนที่มีท่าทางคาดไม่ถึง แต่ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบ สนองเกินจริง
แน่นอนว่าคุณท่านลู่กับคุณหญิงหลินกลับคฤหาสน์ทันที พวก เขาสองคนเป็นเพียงคนกลาง ไม่ว่าสุดท้ายวิ่งหนึ่งยอมรับฐานะ และกลับบ้านตระกูลกวนหรือเปล่า พวกเขาก็ไม่คัดค้าน
ในสายตาของพวกเขาแล้ว ถึงยังไงวิ่งหนึ่งที่เป็นลูกสะใภ้ที่ดี ที่สุดของพวกเขาแล้ว ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอมากแล้ว ส่วนเรื่องฐานะ หรืออย่างอื่นล้วนไม่สำคัญ
จิ่งหนิงกลับวิลล่าเฟิงเฉียวไปพร้อมกับลู่จึงเป็น
ตอนที่นั่งอยู่บนรถยนต์ เธอเอาแต่นั่งเงียบ ไม่พูดอะไร และ เอาแต่มองนอกหน้าต่างรถยนต์ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จนมองไม่ ออกความรู้สึกอะไรเลย
ลู่วิ่งเซินยื่นมือกุมมืออันเย็นเฉียบของเธอ และซักถามขึ้นว่า
“คุณมีอะไรอยากถามผมบ้างไหม?
จิ่งหนิงดึงสายตากลับมา
เธอหันหน้าจ้องมองเขาด้วยสายตานิ่งสงบ
“อันที่จริงเรื่องคุณรู้มาตั้งนานแล้วใช่ไหม?”
ลู่จิ่งเซินยักคิ้วเล็กน้อย
พร้อมเผยสายตาเกินคาดเล็กน้อย
เขาไม่ได้ปกปิด แต่พูดตามตรงว่า “ก่อนหน้านี้ผมรู้สึกสงสัย เล็กน้อย แต่ยังไม่มีความแน่ใจ ดังนั้นจึงพูดได้อย่างเดียวว่ายัง ไม่แน่ใจ”
“เช่นนั้นคุณเชื่อไหมว่าฉันเป็นลูกสาวของกวนหวั่น?”
ลู่จิ่งเซินนิ่งเงียบ
เขามีสายตาเคร่งขรึม เหมือนกับระลอกคลื่นที่สามารถดูดคน เข้าไปอย่างนั้น
ผ่านไปไม่นาน เขาก็พูดขึ้นว่า “คุณรู้ไหมว่าคุณป้าหวั่นตาย ยังไง?”
จิ่งหนึ่งส่ายหน้าเล็กน้อย
เรื่องของตระกูลกวน เธอไม่ได้รู้อะไรมาก
สําหรับเรื่องของกวน หวั่น เธอยิ่งแทบไม่รู้อะไรเลย
ลู่จึงเป็นพูดขึ้นว่า : “เธอป่วนเป็นโรคซึมเศร้าตาย เธอยังคง ติดค้างกับความทรงจําอันเจ็บปวด จนไม่สามารถหลุดออกมาได้ ทั้งที่ผ่านมาตั้งหลายปี สุดท้ายเธอก็ฆ่าตัวตาย
จิ่งหนิงสะดุ้งตกใจ!
“แต่คนข้างนอกบอกว่าเธอตายเพราะป่วยหนักไม่ใช่หรอ?” “เป็นเพียงแค่ค่าโกหกเท่านั้น”
ลู่จิ่งเซินถอนหายใจเล็กน้อย แล้วลูบมือของเธอเบาๆ และพูด ขึ้นว่า : “ในตอนนั้นคุณป้าหวั่นป่วยหนักมาก อาการป่วย ทรมานจนทำให้เธอเจ็บปวด คนข้างนอกเพียงว่าเธอไม่สบาย เท่านั้น แต่ไม่มีใครรู้ว่าเธอป่วยเป็นอะไร
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนเทศกาลไหว้พระจันทร์ คนของตระกูลกวน ทุกคนออกไปงานดูโคมไฟ ทิ้งป่าหวั่นกับสาวใช้ไว้ในบ้าน และ เป็นคืนนั้นที่ป่าหวั่นทนความทรมานของอาการป่วยไม่ไหว จึง ตัดสินใจฆ่าตัวตาย ตอนที่พบเธอ ในอ่างน้ำมีแต่เลือด และเธอก็ ไม่มีลมหายใจแล้วด้วย คิดจะช่วยก็คงไม่ทันแล้ว”
จิ่งหนิงนั่งอยู่เงียบๆ และรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเหตุการณ์ในตอน นั้นเลย
คนๆหนึ่งเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหนกัน จึงมีความกล้าเลือก กรีดข้อมือตัวเองฆ่าตัวตาย?
เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย และรู้สึกกับหน้าอกเล็กน้อย เหมือน กับมีก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งทับบนตัวเธอ จนหายใจแทบ ไม่ทัน
ไม่นานก็ซักถามขึ้นว่า “ทำไมหรอ? ทำไมเธอถึงป่วยเป็นโรค ชิมเศร้า?
“มีเพียงไม่กี่เหตุผล”
ลู่จิ้งเซินหันหน้ามองเธอ และพูดว่า : “ในตอนนั้นเธอรักผู้ชาย คนหนึ่ง ต่อมาเพราะสาเหตุหลายอย่าง ทั้งสองคนถูกบีบบังคับ แยกจากกัน จากนั้นผู้ชายคนนั้นตายเพราะอุบัติเหตุ
จิ่งหนิงนิ่งอึ้งชั่วขณะ
ลู่จิ่งเซินพูดต่อว่า “ในตอนนั้นคุณป้าหวั่นก็หมดกำลังใจมี ชีวิตต่อ แต่ต่อมาพบว่าตัวเองตั้งท้อง จึงฝืนใจมีชีวิตอยู่ต่อ
ต่อมาคุณก็รู้ ลูกของเธอเพิ่งมีอายุครึ่งขวบก็หายตัวไปแล้ว คุณป้าหวั่นทนรับการสูญเสียไม่ไหว จึงได้รับการกระทบ กระเทือนทางอารมณ์อย่างรุนแรง สุดท้ายก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
เพื่อรักษาอาการป่วยของเธอ ตระกูลกวนจึงรับเลี้ยงกวนเส เฟยจากสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า คิดอยากให้กวนเสวีเฟย ช่วยรักษาเธอ แต่ได้ผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ไม่กี่ปีต่อมา เธอก็ตัดสินใจลาจาก”
จิ่งหนึ่งกำหมัดไว้อย่างแน่น และซักถามว่า : “ผู้ชายคนนั้นคือ ใครหรอ? ทำไมพวกเขาถึงถูกบีบบังคับให้แยกจากกันด้วย?”
ลู่วิ่งเป็นส่ายหน้าเล็กน้อย
“ผมเองก็ไม่รู้ ในตอนนั้นผมยังเด็กมาก เรื่องพวกนี้ผมได้ยิน จากคนอื่นพูดกัน ฐานะของฝ่ายตรงข้ามลึกลับมาก พวกเขา ปกปิดความลับ ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก แต่ต่อมามีอยู่ครั้งหนึ่งผมเห็น เข็มกลัดตำแหน่งยศที่คุณป้าหวั่นทิ้งไว้อย่างบังเอิญ ผมจึง สามารถยืนยันได้ว่าผู้ชายคนนี้มาจากที่ไหน”
จิ่งหนิงนิ่งอึ้งชั่วขณะ
“จากไหนหรอ?”
“ตระกูลจูเก๋อ”
จิ่งหนึงสะดุ้งเล็กน้อย
เธอเบิกตากว้างจ้องมองจึงเป็นด้วยสีหน้าตกใจ ขณะ เดียวกันก็อ้าปากเล็กน้อย
ลู่วิ่งเซินพูดต่อว่า : “เข็มกลัดตำแหน่งนั้นเป็นดอกอัญชันที่เป็น เอกลักษณ์ของตระกูลเก่อ ฝ่ายตรงข้ามมอบสิ่งของชิ้นนี้ให้กับ คุณป้าหวั่นได้ นั้นแสดงว่ามีความเกี่ยวข้องกับตระกูลจูเก่อ แต่ เป็นคนไหนของทางนั้น ผมเองก็ไม่ทราบ ถ้าคุณอยากรู้ พวกเรา ไปสืบกัน”
จิ่งหนิงนิ่งเงียบ
อยากรู้หรอ?
แน่นอนว่าอยาก
ถ้าหากเธอเป็นลูกสาวของกวน หวั่นจริง คนๆนั้นมีความเป็น ไปได้ที่จะเป็นพ่อของเธอ!
แต่ทว่า……
อาจเป็นเพราะข่าวนี้มากะทันหันเกินไป เธอจึงยังไม่สามารถ แยกออกจากความทรงจำเก่าของเธอ และยอมรับว่าตัวเองมีพ่อ แม่อีกฝั่งหนึ่งในเวลาอันสั้นได้
เธอนิ่งเงียบ จากนั้นก็นวดขมับด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า
“ช่างเถอะ ยังไม่ต้องสืบหรอก ฉันขอคิดดูก่อน”
เมื่อลู่วิ่งเซินได้ยินแบบนี้ก็ยื่นมือกุมมือของเธอไว้
“อย่าคิดมากเลย ต่อให้ความจริงเป็นยังไง ล้วนเป็นเรื่องของ คนสมัยก่อน และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรตอนนี้ได้ ยังไงผม ก็จะอยู่เคียงข้างคุณ”
จิ่งหนิงเม้มริมฝีปาก แล้วฉีกปากยิ้มออกมา
หลังจากกลับถึงบ้าน เธอรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เดิมทีนอนบน เตียงควรหลับแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม ในหัวสมองกลับวุ่นวาย และ นอนไม่หลับสักที
คําพูดของคุณท่านกวนวนเวียนอยู่ในสมองของเธอไม่หยุดนิ่ง จนทำให้เธอยิ่งหงุดหงิดใจ
เมื่อลู่จึงเป็นเห็นเธอมีท่าทางผิดปกติก็โอบกอดเธอจากข้าง หลัง แล้วพูดขึ้นว่า : “ยังคิดเรื่องของตระกูลกวนอีกหรอ?”
จิ๋วหนึ่งไม่ปฏิเสธ แต่พยักหน้าเล็กน้อย
ลู่จิ้งเซินลุกขึ้นจากเตียง
เขาเดินลงมาเทน้ำอุ่น ให้กับเธอ จากนั้นก็กลับมาโอบกอดเธอ อีกครั้ง
“เดียวผมคุยเป็นเพื่อนคุณ ดีไหม?”
จิ่งหนึ่งพยักหน้าเล็กน้อย
อันที่จริงเธอไม่ค่อยอยากพูดคุยเลย เพียงแต่ความคิดใน สมองตอนนี้สับสนจนนอนไม่หลับ ดังนั้นจึงยอมพูดคุย ไม่แน่ลู่วิ่ง เป็นอาจช่วยให้เธอจัดการความคิดเป็นระเบียบมากขึ้น
ดังนั้นเธอจึงพูดเรื่องที่ไม่สบายใจและสงสัยที่เก็บไว้ในใจออก
มา
ระหว่างนั้นลู่วิ่งเซินก็ตั้งใจฟังเธอพูดอย่างเงียบ โดยไม่พูด
แทรก
จนถึงกระทั่งพูดจบ จิ่งหนิงจึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
เธอเงยหน้ามองเขา และยิ้มอย่างเก้อเขิน “ไม่ใช่ว่าฉันคิดมาก หรอกหรอ?”
ลู่จิ่งเซินส่ายหน้า
“คุณคิดมากเป็นเรื่องปกติ”
เขาหยุดนิ่งชั่วครู่ และพูดต่อว่า : “ที่คุณท่านกวนไม่ยอมบอก ความจริงกับคุณ บางทีอาจจะเป็นเพราะกังวลเรื่องของตระกูลจูเก่ง ไม่อยากให้คุณไปพัวพันด้วย”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ