วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 293 ก้าวผิดทุกย่างก้าว



บทที่ 293 ก้าวผิดทุกย่างก้าว

เธอทั้งพูด ทั้งสายตายังกระพริบไม่หยุด ลักษณะที่หวาดผวาเห็น

จึงเป็นก็ไม่ยอมถกเถียงกับเธอ ยังไงก็ตาม เรื่องส่วนสืบออก มาได้แล้ว และก็จับได้ในสถานที่กับตาด้วย

ลู่หลินจืออย่างน้อยก็เป็นผู้ใหญ่ของเขา เขาก็ไม่ยอมทำอยู่ต่อ หน้าฝูงชนมากเกินไป

จากนั้นจึงพูดว่า “เรื่องนี้ฉันจะเอาให้คุณย่าจัดการ ท่านจัดการ ด้วยตัวท่านเองเถอะ!” พูดจบ ดึงวิ่งหนึ่งหมุนตัวก็จะไปเลย ทันทีที่ลู่หลินจือได้ยินว่าเขาจะไปบอกกับคุณปู่ดู่ ก็วุ่นวายใจ

ฉับพลันเลย

รีบวิ่งเข้าไปขวางคนทั้งสองไว้

“รอเดี๋ยว พวกแกอย่าเพิ่งไปก่อน!”

วิ่งตรงไปถึงนอกประตู ในที่สุดก็ขวางคนไว้ได้แล้ว ลู่วิ่งเซ็นข มวดคิ้วขมวดแล้วขมวดอีก ไม่ได้พูด รอตอนต่อไปของเธออยู่

ลู่หลินจือวิ่งตามจนหอบซี้ดๆอยู่ ผ่านไปแล้วหลายวินาทีจึง หายใจออกมาได้

รีบพูดว่า “บอกคุณปู่คุณย่าของแกไม่ได้ อาเงิน ถือว่าป้า ขอร้องแกแล้ว เรื่องนี้แกจะต้องช่วยฉันปกปิดไว้ให้ได้ หากว่าคุณปู่คุณย่าของแกแล้ว ฉันจะต้องตายแน่ๆ

ลู่จึงเป็นเสียงเข้มพูดว่า “ก่อนที่จะทำเรื่องนี้ ท่านก็ควรที่จะนึก ได้ว่าพวกเขาช้าเร็วก็จะต้องรู้”

ลู่หลินจือร้อนรุ่มแทบจะร้องไห้แล้ว

“ไม่ใช่เพียงแค่แกไม่พูด ฉันไม่พูด พวกเธอสองคนก็ไม่พูด เช่นกัน คุณปู่คุณย่าของแกจะรู้ได้ยังไงล่ะ?”

ลู่นิ่งเซินหัวเราะเย็นชา

“โอ๊ะ? ไข่หรือ? แม้แต่อัญมณีที่คุณย่าให้ท่านล้วนเอาไปขาย แล้ว ท่านแน่ใจว่าพวกเขาจะถูกหลอกลมโข่ง โดยตลอดหรือ?”

ลู่หลินจือได้ยินคำพูดนี้ พริบตาเดียวสีหน้าเปลี่ยนจนขาวซีดๆ โดยสิ้นเชิง

ผ่านไปหลายวินาที เธอจึงขยับริมฝีปากขยับแล้วขยับอีก

“แก แกล้วนรู้แล้วหรือ?”

ลู่วิ่งเซ็นสีหน้าเย็นชาไม่ได้ตอบ

จึงหนังอธิบายว่า “เมื่อวานฉันกับจึงเป็นไปเข้าร่วมงานประมูล งานหนึ่ง มองเห็นอัญมณีชุดนั้นโดยไม่เจตนา แต่ว่าท่านวางใจ จึงเป็นประมูลมันไว้แล้ว ดังนั้นปัจจุบันนี้ยังจะไม่ส่งไปถึงที่คุณ คุณย่านั่น

แต่ว่าเรื่องนี้ตกลงว่าเป็นอะไรกันแน่ ท่านตกอับจนถึงขั้นนี้ได้ ยังไง ฉันรู้สึกว่าท่านน่าจะจำเป็นต้องอธิบายให้ชัดเจนกับจิ้งเซินมิฉะนั้นรอถึงวันไหนความจริงเปิดโปงแล้วจริงๆ แม้ว่าพวกเรา อยากจะช่วยปกปิดให้ท่าน ก็ปิดไม่อยู่เช่นกัน”

ลู่หลันจือ จึงหายใจโล่งนิดๆ ) พยักหน้า

* ใช่ ควรที่จะบอกกับพวกแกจริงๆ ตอนนี้นอกจากพวกแก ฉัน ก็ไม่รู้ว่าควรจะหาใครช่วยแล้วด้วย

หน้าประตูในตลาดคนเดินเข้าเดินออก ยังไงก็ไม่ใช่เป็นสถาน ที่ที่จะพูดคุยกันได้อย่างดี

สุดท้าย หลันคือเสนอว่าบริเวณนั้นมีร้านกาแฟที่ถือว่าสิ่ง แวดล้อมยังมีร้านหนึ่ง จากนั้นคนทั้งหลายก็ย้ายไปพูดคุยกันที่

ที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันภายในตระกูล ไม่หนานไม่ สะดวกที่จะฟัง ก็เลยเลือกที่จะนั่งที่หนึ่งดื่มกาแฟอยู่ชั้นล่าง

ส่วนลู่จิ่งเซินกับจิ่งหนิงและหลันจือทั้งสามคน คือขึ้นไปห้อง พิเศษห้องหนึ่งที่อยู่ชั้นสอง

หลังจากนั่งลงแล้ว ซึ่งหนึ่งสั่งกาแฟให้ทั้งสามคน นี่จึงเข้าสู่ ประเด็นหลัก

“คุณป้า ท่านอยากจะให้พวกเราช่วยท่าน นี่ก็ไม่ใช่ไม่ได้ แต่ ว่าก็ยังจะต้องขอให้ท่านกรุณาอย่าปกปิดอะไร จะต้องพูดตาม ความจริงอย่างแน่นอน นี่พวกเราจึงจะพิจารณาว่าจะช่วยท่านยัง ไง”

ลู่หลันจือในเวลานี้ ก็ไม่มีความหยิ่งยโสโอหังที่ปฏิบัติต่อสิ่งหนึ่งก่อนหน้านั้นแล้ว

รู้ว่าตนเองมีเรื่องจะขอร้องคนอื่น ดังนั้นก็วางลักษณะท่าทาง ลง ถอนหายใจหนึ่งที พูดว่า “เรื่องนี้พูดแล้วเรื่องมันยาว ต้องเริ่ม พูดจากหนึ่งปีก่อน”

หนึ่งปีก่อน หลันจือทะเลาะกันกับนายหญิง สาเหตุการ ทะเลาะกันที่เป็นรูปธรรมเธอไม่ยอมพูด จึงหนิงกับลู่จิ้งเซินก็ไม่ ได้ซักถามด้วย

ในเวลานั้น พอดีจึงเป็นเพิ่งไปเมืองขึ้น ด้วยเหตุนี้ลู่หลักคือก ย้ายกลับมาที่บ้านเก่าอยู่เป็นเพื่อนกับนายหญิงนายท่านทั้งสอง คน

นึกไม่ถึงเพิ่งย้ายกลับมาไม่นาน ก็เพราะเรื่องทะเลาะกันจึง ย้ายออกไปอีก

คนที่รู้เรื่องนี้ไม่เยอะเลย แม้แต่จึงเป็นก็ไม่รู้ด้วย

หลังจากลู่หลินจือย้ายออกจากบ้านตระกูล ท่ามกลางความ โมโหของนายหญิง ก็ตัดห่วงโซ่กองทุนของเธอไปเลย

ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไรด้วย สรุปแล้ว นายหญิงอยาก จะอาศัยเรื่องนี้ทําให้เธอกลับตัวยอมรับผิด แต่หลั่นลือก็เป็นคน ที่ตาสูงความต้องการสูงเช่นกัน ใจเด็ดไม่ยอมก้มหัว

ไม่เพียงแค่นี้ ตัวเองยังคิดช่องทางอื่นมาหาเงิน สาบานจะ พิสูจน์ให้นายหญิงเห็น แม้ว่าตนเองจะออกจากตระกูลลู่แล้ว ก็ สามารถทํามาหาเลี้ยงชีพ ให้รอดไปวันๆได้อย่างดี ก็สามารถเลี้ยงตนเอง ให้รอดเช่นกัน

ลู่หลินจือเล่นหุ้นเก็งกำไรกับคนอื่นก่อน ตนเป็นคุณหนูผู้สูง ศักดิ์ของตระกูล คนมากมายเห็นแก่หน้าของเธอแนะนำหุ่นดีๆ ให้เธอไม่น้อย ลู่หลินจือได้กำไรได้เงินมหาศาล

จากนั้น เธอก็เริ่มเรียนรู้การทำธุรกิจกับคนอื่น

น่าเสียดายเธอเป็นผู้หญิงที่มีอาชีพดั้งเดิมเป็นศิลปินคนหนึ่ง แม้ว่าธุรกิจในบ้านท่จนถึงอันดับแรกของประเทศจีน แต่ตนเอง กลับไม่เคยสัมผัสด้านนี้มาก่อน

ลงทุนไปมากมาย สุดท้ายล้วนขาดทุนหมด

ลู่หลันจือหวาดกลัวว่าจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะยิ่งเพิ่มความ ยืนหยัดมั่นคงแก่ใจที่จะอาศัยตนเองหาเงิน

ดังนั้น ท่ามกลางการจับพลัดจับผลู รู้จักกับเผิงเสี้ยวหลินแล้ว

เพิ่งเสี้ยวหลินก็คือผู้ชายคนนั้นที่พวกเขาเห็นก่อนหน้านั้นที่อยู่

ในตลาดการพนันหิน

ฝั่งตรงข้ามเป็นพ่อค้ามาเลเซียที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก คนหนึ่ง ตอนที่เพิ่งรู้จักกันเคยจีบหลันจือมาก่อน เพียงแค่ หลันจือไม่ได้รับปาก

ก็เพราะด้วยเหตุนี้ ลู่หลินจือก็รู้สึกว่า ในเมื่อฝั่งตรงข้ามก็เคย จีบตนเองมาก่อน คิดว่าน่าจะไม่หลอกลวงตนเองอย่างแน่นอน

ตอนเริ่มต้นเพิ่งเสี้ยวหลินก็พาเธอพนันได้หินดิบดีๆหลายก้อนออกมาจริงๆ ถือว่าได้กำไรเล็กๆ ก้อนหนึ่ง

จากนั้น ลู่หลินจือเริ่มไม่พอใจกับสภาพปัจจุบัน เผิงเสี่ยวหลิน มองออกถึงความคิดของเธอ ก็เสนอความเห็นให้เธอพนันเยอะ หน่อยในรอบเดียว

ในครั้งนั้น ลู่หลินจือแทบซื้อหินดิบครึ่งตลาดทั้งหมดไปเลย นึกไม่ถึงหินดิบที่ตัดออกมาได้หินหยกดีๆ ในช่วงนี้น้อยมากมีไม่กี่ ก้อน

ในครั้งนั้น ทำให้เธอประสบความพ่ายแพ้อย่างหนักอึ้ง

แต่คนบางเวลาก็เป็นเช่นนี้ แม้ว่าประสบความพ่ายแพ้ แต่ อารมณ์ที่ไม่ยอมแบบนั้นก็ยิ่งรุนแรง อยู่ภายใต้การยุแยงของเพิ่ง เสี่ยวหลิน ลู่หลินจือก็ลงมือก้อนใหญ่ซื้ออีกหลายครั้ง ทุกครั้ง ล้วน อทีละสิบกว่าชิ้น

นึกไม่ถึงยิ่งซื้อยิ่งขาดทุน โยนหลายพันล้านเข้าไป ก็ไม่เห็นหิน หยกที่ลักษณะดีสักก้อน สุดท้ายแทบจะเสียเงินไปหมดเปล่าๆ โดยไม่เกิดผลลัพธ์ใดๆ

เธอรับการกระทบอย่างแรงนี้ไม่ไหว ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งๆที่ เริ่มแรกตนเองล้วนตัดหินดิบที่ดีออกมาได้ในทุกครั้ง ตอนนี้กลับ

ใช้ไม่มีผลแล้ว

ลู่หลันซื้อก็ไม่ใช่ไม่เคยสงสัยถึงเพิ่งเสี้ยวหลินว่าหลอกลวง ตนเองอยู่ แต่ว่าในทุกครั้งล้วนเป็นเธอเลือกหินดิบเอาเอง ถึง แม้ว่าตัวเขาเองอยากจะหลอกลวง ก็หลอกลวงไม่ได้ล่ะ
เธอไม่เข้าใจ อีกทั้งบัดนี้เงินก้อนใหญ่ล้วนพนันเข้าไปแล้ว ถ้า หากว่าเช่นนี้ก็ยอมแพ้ เธอกลับไปไม่สามารถให้ความกระจ่าง แจ้งได้แม้แต่น้อย

แม้ว่าเวลาผ่านไปหนึ่งปีแล้ว แต่ระหว่างเธอกับนายหญิง ยัง

ไม่ได้หมดความโมโหกัน

หลั่นถือมีใจอยากจะพนันอีกสักครั้ง อีกทั้งตัดสินใจว่าหาก เสียพนันอีกก็จะเก็บมือ นึกไม่ถึงครั้งนี้ยังชนะพนันแล้ว

ดังนั้น เธอก็มีต้นทุนอีกแล้ว ก็พนันต่ออีกหลายครั้ง

ก็กลับไปกลับมาเป็นเช่นนี้ สุดท้ายเธอไม่มีเงินแล้ว ยังถามยืม กับคนข้างๆอีกไม่น้อย สิ่งของที่มีค่าในบ้านก็เอาไปจนหมด แล้ว ล้วนทุ่มอยู่กับตลาดการพนันหินนี้หมด

วันนี้ ลู่หลันจือสังเกตถึงว่าในตระกูลมีคนพบเห็นความผิด ปกติของเธอแล้ว อยากจะมาหาเผิงเสี่ยวหลินอย่างน้อยก็ให้เธอ หลายก้อนที่ดูดีหน่อยก่อน ให้เธอพลิกต้นทุนกลับมาหน่อย เธอ จึงได้เอากลับไปถูไถกับคนเหล่านั้นไปก่อนค่อยว่ากัน

กลับนึกไม่ถึงว่า จะเจอกับพวกเขาลู่จิ้งเซิน

ฟังที่เธอเล่าจบ ลู่วิ่งเซินกับจิ้งหนึ่งล้วนพูดไม่ออกเล็กน้อย

จิ่งหนึ่งไม่ค่อยเข้าใจ ดูแล้วทำไมแต่ละคนล้วนเป็นคนที่ฉลาด เฉียบแหลม ในตระกูล ทำไมจึงให้กำเนิดคนที่หัวอ่อนคิดตื้น วู่วามได้ง่ายดั่งลู่หลินจือแบบนี้ออกมาได้ยังไง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ