วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 276 บังเอิญพบกันที่บาร์



บทที่ 276 บังเอิญพบกันที่บาร์

ลู่จิ่งเซินพยักหน้า และเริ่มพูด “ผมคิดว่า คุณน่าจะไม่ชอบเธอมาก ไม่อยากเชื่อว่า คุณจะช่วยเธอ คุณไม่หึงเธอเหรอ?”

“หึงใครคะ? กวนเสวีเฟยเหรอ?”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้าอย่างไร้อารมณ์ จิ่งหนิงอดไม่ได้ที่นําออกมา

“ทำไมเหรอคะ? เพราะเรื่องที่เธอจงใจจะนั่งข้างคุณ เมื่อตอนมื้อกลางวันนี้หรือคะ? ”

ลู่จิ่งเซินนิ่วหน้า

เมื่อรู้ว่าเธอไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ คิ้วเขาก็พันกันยุ่ง

จิ่งหนิงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“โอเค เธอเคยเป็นแฟนเก่าของคุณ เรื่องนี้ฉันไม่หึง เลยสักนิด ถ้าฉันหึงคุณเพราะแค่เรื่องทานอาหารด้วย กันมื้อเดียว หลังจากนี้ฉันคงไม่ต้องดึงคุณไปเสียทุก เรื่องเหรอคะ?”

จิ่งหนิงมีความคิดที่เปิดกว้าง เธอสามารถแยกแยะ เรื่องบางเรื่องได้อย่างชัดเจน

อะไรคือของเธอ อะไรไม่ใช่ของเธอ สิ่งไหนจริง สิ่ง ไหนไม่จริง เธอสามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจน

เธอไม่เคยนําเรื่องไม่เป็นเรื่องกลับมาคิดให้ตัวเองไม่ สบายใจ แม้ว่าเธอจะไม่คิดอะไรมาก แต่กลับกลายเป็นลู่วิ่ง เซ็นที่ไม่สบายใจเสียแทน

เขามองเธอด้วยสีหน้าขุ่นเคืองเล็กน้อย ทําไมผมถึง รู้สึกว่า คุณไม่ใส่ใจผมเลย? ”

จิ่งหนิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“ไม่หึงแปลว่าไม่ใส่ใจคุณเหรอ ท่านประธานลู่

หัวหน้าลู่ มีวุฒิภาวะหน่อยได้ไหม?”

ลู่จิ่งเซินยิ่งรู้สึกเศร้าใจ

จิ่งหนิงไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อ เธอเปลี่ยนเรื่อง: “จริง ด้วย เมื่อครู่ที่ฉันถูกวนเสบู่เฟยจับได้ สายตาที่เธอมอง ฉัน เหมือนกับว่าเธอกลัวว่าฉันจะเอาเรื่องของเธอไปพูด คุณคิดว่าเธอจะเกลียดฉันเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า?”

ท่าทีของลู่จิ่งเซินดูกังวล

“เธอไม่กล้าหรอก”

ผ่านไปสักพัก เขาก็พูดขึ้นว่า: “ไม่ว่าอย่างไร เรื่องนี้ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับศิลปินในสังกัดของอานหนิงกั๋วจี้ เดี๋ยวผมจะขอให้ซูมู่ส่งคนไปตรวจสอบ คุณวางใจได้ ไม่มีปัญหา”

จิ่งหนิงพยักหน้า

เพราะท้ายที่สุดแล้ว กวนเสบู่เฟยก็เป็นสมาชิกของ ตระกูลกวน ซึ่งตระกูลกวนและตระกูลลู่ก็ถือเป็นตระกูล ที่มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นมานาน

แม้จะอยู่ต่อหน้าของคุณนายใหญ่ เธอก็ไม่อยากให้ มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเสบู่เฟย ในตอนเย็น ลู่จิ่งเซินได้รับโทรศัพท์จากฟูหย่วนหาง ชวนให้พวกเขาไปดื่มเหล้ากันที่บาร์ ฟังจากน้ำเสียง ดู เหมือนเขาจะอารมณ์ไม่ค่อยดี

ลู่จิ่งเซินไม่ได้กังวลเรื่องของเขามากนัก เพราะท้าย ที่สุดแล้ว แม้เขาจะอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่ข้างกายเขาก็มี ความสุขอยู่รายล้อมมากมาย คงไม่สามารถทำให้เขา กังวลไปได้นานหรอก

ถึงแม้เขาไม่อยากไป แต่จิ่งหนิงอยากไป

เธอมาอยู่เมืองหลวงได้สักพักแล้ว แต่ก็ไม่มีโอกาส

ได้เที่ยวบาร์ทีนี่เสียที ไม่รู้ว่ามีอะไรที่แตกต่างจากที่อื่น บ้าง? เมื่อเห็นเช่นนี้ ลู่จิ่งเซินก็ไม่อยากทำให้เธอผิดหวัง

จึงเปลี่ยนเส้นทาง และมุ่งหน้าไปยังบาร์ LVE bar

เครื่องดื่มพิ้งค์เลดี้ของบาร์ร้านนี้เป็นที่รู้จักกันอย่าง มากในเมืองหลวง ทันทีที่เธอเข้าไป ก็ถูกความอึกทึก ของด้านในกระแทกเข้าอย่างจัง จนเธอต้องถอยหลังเพื่อ ตั้งหลัก

ห้องโถงค่อนข้างคึกคัก ผู้คนเบียดเสียด เสียงดนตรี ดังกระหึ่ม ภายใต้แสงสีเสียง ชายหญิงจำนวนนับไม่ถ้วน พากันเต้นอย่างสุดเหวี่ยงตามจังหวะดนตรี เผาผลาญ พลังงานที่เหลือเฟือระหว่างวัน

แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาสถานที่แบบนี้ แต่จิ่ง หนิงก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เล็กน้อย

อย่างไรก็ตามภายใต้ความรู้สึกแปลกๆ นั้น ยังมี ความอยากรู้อยากเห็นและความตื่นเต้นซ่อนอยู่ ทั้งสองมองไปรอบ ๆ ในห้องโถง แต่ไม่พบร่างของฟู หย่วนหาง

ดังนั้นลู่วิ่งเขินจึงตัดสินใจที่จะโทรหาเขา แต่ยัง ไม่ทันที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมา ก็มีคนมาแตะเข้าที่ไหล่ เขา พอหันหน้าไปก็เห็นเขายืนอยู่ข้างๆ แล้ว จิ่งหนิงตกใจ และถามขึ้นว่า “คุณโผล่มาจากไหน

เนี่ย?”

ฟู่หย่วนหางกวาดตามองไปทั่วห้องโถง เขาลดระดับ เสียงลง : “พวกคุณตามฉันมา”

ทั้งสองผงะ แต่ก็ตามเขาไป

ทางเดินของชั้นสองค่อนข้างกว้าง ทางซ้ายเป็นห้อง วีไอพี ส่วนทางขวาก็มีเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ วางเรียงกัน เป็นแถว ที่นั่งของบาร์นั้น สามารถมองลงไปชมการ แสดงบนเวทีของชั้นหนึ่งได้

ฟู่หย่วนหางไม่ได้เข้าไปในห้องวีไอพี แต่พาพวกเขา ไปยังที่นั่งที่มุมดีที่สุดด้านข้างเคาน์เตอร์บาร์ขนาดใหญ่

พนักงานเดินเข้ามารับออเดอร์เครื่องดื่ม ฟูจิ่วซือสั่ง เบียร์หนึ่งโหล

จิ่งหนิงสังเกตดูฝูงชนที่เดินผ่านไปมารอบตัวเธอ ภายในใจรู้สึกวิตกเล็กน้อย

“ฟู่หย่วนหาง ทำไมคุณมาที่นี่คนเดียว? มาทำ อะไร?”

ฟู่หย่วนหางมองไปที่เธอ และพูดเบา ๆว่า “ที่แบบนี้ยัง จะทําอะไรได้อีก? มาหาอะไรดีมส” จิ่งหนิงเริ่มรู้สึกสนใจ”ดื่มคนเดียวเหรอ? มีปัญหาน่ะ

สีหน้าของฟู่หย่วนหางดูกังวลขึ้นในทันที

ราวกับเธอมานั่งอยู่ในใจเขาอย่างไรอย่างนั้น

“ใช่เสียที่ไหนเล่า”

เขาสายศีรษะ สายตากระสับกระส่าย เห็นได้ชัดว่า เขากําลังโกหกอย่างแน่นอน

จิ่งหนิงยิ้ม ในเมื่อเขาไม่อยากที่จะพูด เธอจึงไม่ อยากถามเซ้าซี้

พวกเขาทั้งสามพูดคุยกันอยู่ตรงนั้น และดื่มเครื่อง ดื่มไปเพียงไม่กี่แก้ว

จิ่งหนิงต้องไปทํางานในวันพรุ่งนี้ เธอจึงไม่สามารถ ดื่มได้มากนัก หลังจากดื่มไปสองสามแก้วเธอก็ยกน้ำผล ไม้ขึ้นมาจิบ

ในขณะนั้นเอง ก็มีร่างที่แสนคุ้นเคยดึงดูดความ สนใจของเธอ

บริเวณเคาน์เตอร์บาร์อีกด้าน ปรากฏร่างของหญิง สาวคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก

เธอสวมเสื้อสีเหลืองอ่อน เข้าคู่กับกระโปรงสั้นสีขาว ผมนุ่มสลวยของเธอสยายยาวประบ่า ความสง่างามที่ไม่ เหมือนใครฟุ้งกระจายออกมาจากร่างบางของเธอ

หญิงสาวแบบนี้ หาได้ยากมากในบาร์แบบนี้ สิ่งที่ดึงดูดจิ่งหนิง ไม่ใช่สิ่งนี้ แต่กลับเป็นตัวตนของ

เธอ กวนเยว่หวั่น?

เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

หลังจากได้พบเธอที่เมืองจิ้นเพียงสองครั้ง จิ่งหนิงก็ รู้สึกประทับใจในตัวเธอเป็นอย่างมาก

ไม่คาดคิดว่าจะได้พบเธอที่นี่

เธอหันหน้าไปทางฟู่หย่วนหาง พบว่าเขากำลังมอง ไปทางนั้นด้วยสายตาลุ่มหลง พร้อมกับใจที่เต้นระส่ำ

“ฟู่หย่วนหาง คุณรู้จักเธอเหรอ? ”

จิ่งหนิงถามพร้อมกับชี้ไปที่ด้านหลังของหญิงสาว ฟู่หย่วนหางรู้สึกตัวอีกครั้ง แววตาเขาฉายแววซับ ซ้อน จากนั้นก็สายศีรษะ

จิ่งหนิงยิ้ม“ฉันรู้จักเธอ แต่ไม่ค่อยสนิทกันสักเท่า ไหร่ ดูเหมือนเธอจะมาจากตระกูลกวนเหมือนกันเรียกได้ ว่าเป็นญาติห่างๆ ! ”

ฟู่หย่วนหางมีสีหน้าเรียบเฉย

แต่สายตาของเขาที่มองกวนเยว่หวั่น กลับลึกซึ้ง มากขึ้นเรื่อย ๆ

จิ่งหนิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย

ลู่จิ่งเซินเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้ว และพูดขึ้นด้วยน้ำ เสียงจริงจัง“ฟู่หย่วนหาง ถ้าคุณชอบเธอจริงๆ คุณควรที่ จะวางอีโก้ของคุณแล้วเข้าไปหาเธอเสีย มานั่งดื่มย้อมใจ แบบนี้มันจะได้อะไรขึ้นมา?”

ฟู่หย่วนหางชะงักไปชั่วครู่ ใบหน้าของเขาซีดลงเล็ก น้อย

จิ่งหนิงเหลือบมองเขา และเหลือบมองไปยังกวนเยว่ หวั่นที่นั่งอยู่ไม่ไกล เธอยิ้มและพูดขึ้น : “ดูเหมือนคุณจะ รู้ว่าเธอจะมาที่นี่ ดังนั้นวันนี้คุณจึงตั้งใจที่จะมานั่งดื่มที่นี่ ใช่ไหม?”

ฟู่หย่วนหางเงียบไป ไม่ได้ตอบอะไรกลับ ถือ เป็นการยอมรับไปโดยปริยาย

จิ่งหนิงไม่เข้าใจ

“ถ้าคุณชอบเธอ ก็เข้าไปหาเธอเสียสิ คุณคือ คุณชายฟูผู้เก่งรอบด้าน พื้นฐานครอบครัวก็ดี หน้าตาก็ หล่อเหลา ยังกลัวอะไรอีกคะ? ”

ฟู่หย่วนหางหยุดนิ่ง เขาอ้าปากค้าง และกลืนสิ่งที่ เขาอยากพูดลงไป

จิ่งหนิงต้องการที่จะเกลี้ยกล่อมเขาอีกครั้ง แต่ทันใด นั้นฝ่ามือของเธอที่วางอยู่ใต้โต๊ะกลับถูกลู่จิ่งเซินบีบเบาๆ

ได้ยินเขาพูดเบาๆ: “ก็ได้ ถ้าไม่เข้าไปหาเธอก็นั่งดื่ม อยู่ตรงนี้ แล้วมองเธอให้มันน้อยๆ หน่อย เพร เพราะคนที่ไม่รู้ จะคิดว่าคุณสะกดรอยตามเธอ”

จิ่งหนิงรู้สึกว่ามันช่างไร้สาระสิ้นดี แต่เธอก็เข้าใจ เขาเช่นกัน

เรื่องนี้ต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่

แต่ในเมื่อฟู่หย่วนหางไม่ต้องการที่จะพูด พวกเขาก็ ไม่สามารถบังคับเขาได้

ทั้งสามไม่ได้พูดอะไรกันต่อ ฟู่หย่วนหางยกดื่มแก้ว ต่อแก้ว เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะดื่มย้อมใจ

ที่เคาน์เตอร์บาร์อีกด้าน กวนเยว่หวั่นพูดคุยกับชาย ที่นั่งอยู่ตรงนั้นได้ประมาณสองสามประโยค จากนั้นเธอ ก็ลุกออกไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ