บทที่ 270 ตั้งดาราอย่างบ้าคลั่ง
ถังลั่วเหยายิ้มพร้อมพูด “งานแบบนี้ใช้เวลาหลายชั่วโมงมาก วัน หลังกินข้าวก่อนแล้วค่อยมาจะดีกว่านะคะ ไม่อย่างงั้นถ้าโดน ปาปารัสซี่ถ่ายรูปไว้ไม่แน่ก็จะกลายเป็นข่าวด้านลบอีก
เธอพูดพร้อมชี้ไปที่นักข่าวหลายคนที่ถือกล้องอยู่ไม่ไกล จิ่งหนิงตอบว่า “อ๋อ” ไปแค่คําเดียว แต่ในใจเธอไม่ได้สนใจ อะไรมาก
ดาราก็คนเหมือนกัน ก็เหนื่อยเป็น หิวเป็น หาอะไรกินหน่อยจะ เป็นไรไป?
เมื่อก่อนตอนที่เธอทํางานฝ่ายประชาสัมพันธ์ สิ่งที่เธอรำคาญ ที่สุดก็คือเหล่านักข่าวที่เป็นแค่นักข่าวแต่คิดว่าตัวเองใหญ่ เรื่อง เล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถเอามาเขียนซะเหมือนเป็นเรื่องใหญ่โต มโหฬาร
แน่นอนว่ามีศิลปินบางคนต้องใช้วิธีแบบนี้เพื่อดัง แต่ถ้ามัน เป็นเรื่องที่แย่ๆ ศิลปินส่วนใหญ่ก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอย่าง แน่นอน
แต่เธอไม่แคร์
ถึงยังตอนนี้การแสดงละครเป็นแค่งานอดิเรกของเธอ ตอนนี้ เธอชอบมัน แต่ไม่ใช่ว่าต่อไปเธอจะชอบ ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า เธอไม่ได้ตั้งเป้าหมายอะไรไว้ให้ตัวเอง
ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจเรื่องพวกนี้
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้สนใจ ถังลั่วเหยาก็ยิ้มออกมาเหมือนว่า เข้าใจว่าเธอคิดยังไง เธอจึงพูด “ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะคะ อีกเรื่องหนึ่ง นักแสดงยอดเยี่ยมอยู่ทางนั้น ที่จะเข้าไปทักทาย เขาหน่อยไหมคะ?”
เช่เฉิงเฟย?
ถั่วเหยาตาโตขึ้นมาทันที
มองไปตามทางที่ถังลั่วเหยาไป เธอเห็นมีคนมากมายล้อม รอบเซ่เฉิงเฟยไว้ เธอรีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
“ไม่ดีกว่า ฉันไม่ไปคุณไปเองดีกว่าค่ะ!”
“โอเค ถ้าอย่างงั้นฉันไปแล้วนะคะ”
ถังลั่วเหยาเดินไปแล้ว ซึ่งหนึ่งก็นั่งขอที่เก้าอี้แล้วกินต่อ แม้ว่าเธออยากจะดูว่าตัวจริงของเซ่เฉิงเฟย เป็นยังไง แต่คน เยอะเกินไปก็ช่างมันเถอะ
ถ้าเจอหน้ากันแล้วก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นไม่ เจอกันดีกว่า เพื่อทําลายภาพวาดที่งดงามในใจของเธอไป
ผ่านไปสักพักเธอกินอิ่มสักที
เธอรู้สึกไม่สบายท้องเล็กน้อย อยากเข้าห้องน้ำ
จากนั้นเธอก็ไปเข้าห้องน้ำโดยลำพัง
หยั่นคือก็มางานนี้ด้วยเช่นกัน เดิมทีเขามาด้วยกัน แต่ช่วงนี้ จิ่งหนึ่งเหนื่อยเกินไป ไม่อยากเข้าสังคมอีกจึงปล่อยให้เขาไปเอง
แต่ไม่คิดว่าเขาไปร่วมงานที่ด้านนอกมาตั้งนาน กลับไม่เจอ เธอเลย แต่เห็นแค่ที่ที่เธอนั่งเมื่อสักครู่นี้มีจานเปล่าอยู่สองสาม ใบ เขาส่ายหัวพร้อมยิ้มออกมา
ในวงการบันเทิง มนุษยสัมพันธ์เป็นเรื่องที่สำคัญมาก งานใน คืนนี้ดูผิวเผิดแล้วเป็นงานกุศล แต่จริงๆ แล้วไม่รู้ว่ามีการลงา นกันเกิดขึ้นเท่าไหร่ ก็ไม่รู้
แต่พอนึกถึงคนที่อยู่เบื้องหลังเธอ หวั่นคือก็เลิกกังวลทันที เธอไม่ชอบงานเข้าสังคมแล้วยังไง? มีคนคนนั้นคอยหนุนหลัง ให้เธอ มีเส้นสายอะไรที่เธอหาไม่ได้บ้าง
ลู่หมั้นคือคิดเช่นนี้แล้วก็เลยปล่อยให้เธอไปอย่างไม่กังวลใจ
และภายในห้องน้ำนั้น
จึงหนิงเข้าห้องน้ำเสร็จ เพิ่งออกมาก็ได้ยินผู้หญิงสองสามคน กำลังพูดถึงเซ่เฉิงเฟยอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องน้ำ
คนพวกนั้นเป็นแฟนคลับที่ใช้เส้นสายของทางบ้านเข้ามาใน งานนี้ พวกเขามาดูเซ่เฉิงเฟย โดยเฉพาะ
แต่เพราะว่าเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของงานไม่ได้ พวกเธอจึง มาดักรอที่ห้องน้ำแทน
ซึ่งหนึ่งอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
เธอคิดในใจว่าคนพวกนี้จะต้องเสียใจแล้ว เพราะเมื่อสักครู่นี้ เธอได้ยินมาผ่านๆ ว่า คืนนี้เซ่เฉิงเฟยต้องบินไปที่อื่นอีก เพราะ ฉะนั้นมานี่ที่แค่มาร่วมงานเฉยๆ ไม่นานก็กลับ
แต่เธอไม่ได้เข้าไปบอก หลังจากที่เข้าห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว
เธอก็รีบออกจากตรงนั้นไป
คนขับรถรอเธออยู่ด้านนอกแล้ว
จิ้งหนึ่งกำลังเดินออกไป ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงกรี๊ดที่ตื่น เต้นมากๆ
“เซ่เฉิงเฟยมาแล้ว!”
“เซ่เฉิงเฟยฉันรักคุณ!
“อ๊า! เฟยเฟยจริงๆ ด้วย
เสียงกรี๊ดนั้นทำให้จิ้งหนึ่งหยุดเดิน เธอเห็นชายที่ออร่าเปล่ง ประกายเดินออกมาจากประตูห้องโถงภายใต้การดูแลของบอดี้
การ์ด เขายิ้มและโบกมือให้แฟนคลับที่กรีดเขา ทันใดนั้นก็ทำให้ เสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกรอบ!
เหล่าแฟนคลับวิ่งเข้าหาเขาราวกระสายน้ำ แม้ว่าจะถูกบอดี้ การ์ดห้ามไว้ แต่พวกเขาก็พยายามเบียดเข้าหารถของเซ่เฉิงเฟย เซเฉิงเฟยเดินไปที่รถแต่ไม่ได้รับขึ้นรถไป แต่กลับหันกลับไปบอกกันพนักงานรักษาความปลอดภัยว่า “พวกคุณไปดูแลหน่อย นะครับ อย่าให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น ให้ทุกคนดูแลตัวเองกลับบ้าน อย่างปลอดภัย”
พนักงานรักษาความปลอดภัยพยักหน้า แล้วหันไปบอกกับทุก
เหล่าแฟนคลับก็ร้องขึ้นมาอีกครั้ง
ไอดอลของพวกเธอเป็นห่วงพวกเธอง่ะ ตื่นเต้นจุง
จิ้งหนึ่งรีบเอาโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป
รถของเธออยู่ไม่ไกลจากรถของเซเฉิงเฟยนัก ระยะห่าง ประมาณ5-6เมตร เพราะฉะนั้นถ่ายรูปได้ชัดมาก
นี่เป็นโอกาสที่หายากมากเลยนะ แม้ว่าจะไม่ได้พูดคุยกันกับ
ไอดอลของตัวเอง แต่ขอแค่ได้ถ่ายรูปที่ความละเอียดสูงแถม
ใกล้ชิดขนาดนี้ก็พอ กลับบ้านไปก็เอาไปเปลี่ยนรูปภาพเขาที่อยู่บนจอคอมออก เป็นรูปนี้ได้พอดี
ขณะนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง
“เจ้าหนู ส่งรูปนี้ให้ผมด้วยได้ไหมคะ?
จึงหนังอึ้งมากเธอหันหน้าไป แล้วเห็นคุณย่าผมขาวยืนอยู่
ดูเหมือนว่าท่านจะอายุ60กว่าแล้ว เธอใส่เสื้อราชวงศ์ถังสี แดงมีด แล้วใส่แว่นกรอบทองสไตล์ยุคเก่า
พร้อมยิ้มด้วยรอยยิ้มที่โอบอ้อมอารี
จิ้งหนังรีบตอบกลับไปว่า “ได้เลยค่ะ
เธอคิดในใจ แก่ขนาดนี้แล้วยังตั้งดาราอยู่อีกเหรอ สุดเจ๋งไป เลย!
เซเฉิงเฟยออกจากงานไปแล้ว จิ๋วหนึ่งหันไปบอกเธอ “ท่าน สแกนวีแชทของหนูดีกว่านะคะ แล้วหนูจะส่งรูปไปให้ค่ะ
คนแก่ยิ้มพร้อมตอบ “ได้เลย”
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วสแกนวีแชทของเธอ เขาทั้งสอง ก็เป็นเพื่อนกันเรียบร้อย สิ่งหนึ่งส่งรูปสองรูปที่เพิ่งถ่ายเมื่อสักครู่ นี้ให้เธอไป แต่เมื่อเห็นชื่อของเธอเป็น “เบบี้ของเฟยเฟย” แล้ว มุมปากของเธอกระตุกไปที่
คนแก่สมัยนี้สุดยอดจริงๆ
คนแก่ได้รับรูปแล้วเธอดีใจราวกับเด็กอายุ3ขวบขึ้นมาใน ทันที
“ขอบคุณนะเจ้าหนู”
จิ่งหนิงรีบส่ายมือ “ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องแค่นี้เอง
“เจ้าหนู หนูก็เป็นดาราเหมือนกันใช่ไหม?”
“เอ่อ……… ใช่ค่ะ” เธอยิ้มด้วยความเขินอาย
“หนูสวยจัง ถ้าหลานสะใภ้ของฉันสวยแบบหนูก็จะดีมากเลย
วิ่งหนึ่งรู้สึกว่าคนแก่คนนี้สนุกจัง เธอหัวเราะพร้อมพูด “หลาน สะใภ้ของท่านต้องสวยกว่าหนูอย่างแน่นอน”
“ไม่แน่นอนหรอก” คนแก่ส่ายหัว ทันใดนั้นเธอก็ตาโตขึ้นมา “เจ้าหนู หนูชื่ออะไรคะ? หนูทำงานอะไร? เป็นนักแสดงเหรอ? หรือว่าร้องเพลง? ให้ฉันติดตามเวยป๋อหนูหน่อยดีกว่า
จิ่งหนึ่ง ”
คุณชราเป็นติ่งกันง่ายแบบนี้เลยเหรอคะ?
แต่เธอเองไม่อยากที่จะปฏิเสธ จึงบอกชื่อตัวเองไปแล้วให้เธอ ติดตามเวยป๋อ
ตอนนี้คนแก่ถึงได้ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจและกล่าวว่า “เจ้า หนู หนูใจดีมาก หนูต้องดังและมีชื่อเสียงมากๆ แน่ๆ เลย จึงหนิงหัวเราะออกมา “ขอบพระคุณกับคำอวยพรค่ะ”
คนแก่ก็เดินจากไปอย่างช้าๆ
จิ้งหนึ่งไม่รอช้า เธอขึ้นรถไปแล้วรถที่ขับออกไป ขณะเดียวกัน ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพาบอดี้การ์ดวิ่งออกมา จากงานอย่างเร่งรีบ เขากำลังมองหาคนอยู่
แต่เมื่อเห็นคนแก่ที่เดินเข้ามาอย่างช้าๆ ทันใดนั้นก็แสดง สีหน้าดีใจออกมาแล้ววิ่งเข้าไปหาเธอด้วยความรวดเร็ว
“แม่ครับ! แม่ไปไหนมาครับ? แม่รู้ไหมว่าพวกผมเป็นห่วงแม่ มากๆ!
“นายหญิงครับ ทำไมนายหญิงถึงออกมาคนเดียวล่ะครับ? เมื่อสักครู่หันกลับมาแล้วไม่เจอท่าน พวกเราตกใจมากๆ เลย ครับ!”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ