วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 249 เธอต้องการความจริง



วันต่อมา จึ่งหน่งได้รับสายจากเสี่ยวเหอ

จึงเสี่ยวหย่าถูกทางตำรวจจับกุม เรื่องใหญ่ โตขนาดนี้ ตระกูลจิ่งต้องรู้แน่นอน

แถมเมื่อคืนพวกเขาทราบข่าวเร็วกว่ามู่ยั่น เจอด้วย เพียงแต่อยากสังเกตการณ์ปฏิกิริยาตอบ สนองของตระกูลมู่ เลยยังไม่ได้ลงมืออะไร

แต่ปรากฏว่า สองพ่อลูกคู่นั้นไม่เพียงไม่ ช่วยจิ่งเสี่ยวหย่าประกันตัวออกมา แต่ตอนที่มีนัก ข่าวซักถามพวกเขากลับพูดว่า วิ่งเสี่ยวหย่าเป็น คนทําต้องรับผิดชอบ และผลลัพธ์ในตอนนี้ก็เป็น เพราะฝีมือของเธอเอง

พวกเขาไม่วางแผนก็ช่างเถอะ แต่พึ่งพา อะไรให้พวกเขาช่วยเป็นคนรับรองประกันตัว

มู่โหงถึงขนาดออกปากพูดว่า ถ้าหากวิ่ง เสี่ยวหย่าสามารถออกมาได้ก็ดี แต่ถ้าหากถูกรับ โทษ เช่นนั้นตระกูลหมู่ไม่มีทางปล่อยเธอแน่

ส่วนเรื่องของมู่หั่นเจ๋อกับเธอไม่ต้องพูด อะไรมาก ต้องหย่าเท่านั้น

คนของตระกูลจิ่งโมโหมาก แต่หวังเหว่เหม ยโมโหมากกว่า เธอปัดถ้วยน้ำชาทิ้ง แล้วชี้หน้า หมู่โหงอยู่สักพักใหญ่ โดยไม่พูดอะไรเลย

สุดท้ายภายใต้บรรยากาศที่ครอบครัวตระชักสีหน้า ครอบครัวตระกูลจึงต้องยอมจาก ไปด้วยความจนปัญญา

ก้าวแรกจากไปคฤหาสน์ของตระกูลมู่ พวกเขารีบเดินทางไปถึงฮุยทันที

ที่จิ่งรับสายจากเสี่ยวเหอ เพราะคน ของตระกูลจิ่งไปก่อเรื่องใหญ่ที่

ข้างนอกมีนักข่าวไม่น้อย เพราะซึงฮุ ยมีดาราจํานวนมาก ดังนั้นการไปก่อเรื่องแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทหรือดาราล้วนได้รับผลกระทบ ไม่ค่อยแน่นอน

ด้วยเหตุนี้เหอเลยต้องเสี่ยงโทรศัพท์ หาหนิง เพื่อซักถามเธอว่าต้องรับมือยังไง

จิ่งหนิงครุ่นคิดสักพัก และพูดว่า : “คุณให้ เธอรับสายหน่อย”

เสี่ยวเหอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “คือว่า…..ได้หรอค่ะ? ข้างนอกมีนักข่าวมาก ขนาดนั้น”

“ไม่เป็นไร คุณเรียกเธอมาหน่อยก็พอแล้ว จําไว้ว่า แค่คนเดียว ถ้าหากมากกว่าหนึ่งคนไม่ ต้องโทรมาหาฉัน”

เหอครุ่นคิดสักพัก และรับปาก

เธอเรียกหวังเสว่เหมยคนเดียวมาที่ห้อง งานของจิ่งหนึ่ง จากนั้นก็ล็อกประตู และมอบโทรคัพทให้กับเธอ

“รับสาย !”

หวังเสวี่เหมยรู้สึกตกใจไม่น้อย คิดไม่ถึงว่า เธอจะยอมให้ตัวเองติดต่อกับจิ่งหนิงจริงๆ ดู เหมือนว่าการก่อเรื่องครั้งนี้ใช้ได้ผล

ในใจของเธอคิดว่า งหนิงกลัวต่อเธอ เลย รับสาย และพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า : “เจ้าเด็ก โง่! ที่แท้เธอก็รู้จักกลัวเหมือนกันใช่ไหม? ฉันนึก ว่าเธอจะดึงดันไม่ปรากฏตัวเสียอีก?”

ฝ่ายตรงข้าม จิ่งหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

เธอคิดไม่ออกจริงๆ ทําไมคุณหญิงถึงกล้า พูดด้วยน้ำเสียงสูงส่งที่น่าข่าขนาดนี้ออกมา

ตั้งแต่ไหนแต่ไร

เธอยิ้มประชดเล็กน้อย

“ดูเหมือนคุณหญิงจิ่งยังไม่รู้ว่าตอนนี้ใคร เป็นคนคุมสถานการณ์ ใครเป็นคนได้เปรียบ น้ำ เสียงแบบนี้…ฟังแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายหู งั้นพวก เราเปลี่ยนวันกันดีไหม?”

หวังเสว่หเหมยนิ่งอึ้งชั่วขณะ

ดูเหมือนว่าเธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า การรับสาย ครั้งนี้เธอเป็นคนพยายามอย่างหนัก ไม่สามารถ

พลาดโอกาสครั้งนี้

ดังนั้นเธอเลยเก็บสีหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาว่า : “อืม พวกเราไม่ต้องคุยเรื่องนี้ ก่อนก็ได้ งั้นเธอว่ามาเลย! ทําไมต้องทํากับเสี่ยว หย่าขนาดนี้ด้วย”

อีกอย่างตกลงต้องยังไงเธอถึงจะยอม ปรากฏตัวออกมา? อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอ แทบไม่ได้หายตัวไป แต่เธอเป็นคนซ่อนเอง เพื่อ ต้องการทําลายชื่อเสียงของเสี่ยวหย่าให้ฟัง พินาศ!

จิ่งหนิงเผยสีหน้าเย็นชาขึ้น พร้อมเผย

สายตาแหลมคม เสี่ยวหย่าของพวกเราหรอ?

หิม! เมื่อก่อนเธอก็เคยเป็นของ

พวกเขา!

ความทรงจำในอดีตจำนวนมากผุดโผล่ขึ้น มา เธอไม่เคยเข้าใจเลยว่า เมื่อก่อนหวังเสวี่เหม ยกับจิ่งเซียวเต๋อเคยดีต่อเธอมาก

ทำไมแต่นับตั้งแต่สองแม่ลูกปรากฏตัวขึ้น ทุกคนถึงได้เปลี่ยนไป

หลังจากไม่แม่ จากเป็นหลานสาวที่เป็น ที่รักของทุกคน กลับกลายเป็นลูกกำพร้าที่ใคร

เกลียดชัง

เป็นเหมือนกับหมากที่ไร้ประโยชน์ ถูกทิ้ง

ไว้ด้านข้าง แม้แต่มองแวบเดียวยังรกตา แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว
เมื่อก่อนเธออาจสนใจ และครุ่นคิดหา สาเหตุ แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่า บางครั้งเรื่อง บางเรื่องก็ไม่มีสาเหตุ

เธอไม่สนใจแล้ว

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็สูบลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า : “คุณอยากให้ฉันปรากฏตัวช่วยล้าง ความผิดให้กับจิ่งเสี่ยวหย่าหรอ ก็ไม่ใช่ไม่ได้ หรอกนะ”

หวังเสวีเหมยหยุดหายใจชั่วขณะ และรีบ ช้กถามว่า : “เธอต้องการอะไร?”

“ฉันต้องการให้เธอกับหยูซิ่วเหลียนบอก ความจริงเรื่องที่พวกเธอฆ่าแม่ของฉันตายในตอน นั้นด้วยตัวเอง!”

“อะไรนะ?”

หวังเสวีเหมยตกใจจนหน้าซีด เธอเปลี่ยนสีหน้าทันที ความจริงอะไร หรอ? ฉันไม่เข้าใจว่าเธอพูดถึงเรื่องอะไร?”

คุณจะเข้าใจ ถ้าหากคุณไปถามพวกเขา ด้วยตัวเอง เพื่อจิ่งเสี่ยวหย่า ฉันเชื่อว่าหยูซิ่ว เหลียนคงไม่ปิดบังอะไรคุณแน่ โอกาสเพียงครั้ง นี้ครั้งเดียว หวังว่าพวกคุณจะฉวยโอกาส”

หลังจากจิ่งหนิงพูดจบก็วางสายทันที

ฝ่ายตรงข้าม หวังเสวี่เหมยนิ่งอึ้งเล็กน้อย
คิดไม่ถึงเลยว่า จิ่งหนิงจะต้องการสิ่งนี้

สีหน้าของเธอค่อยๆขาวซีด และมีเหงื่อไหล

ท่วมแผ่นหลังด้วย

เธอรู้แล้ว!

รู้หมดแล้ว!

ทำไมถึงเป็นแบบนี้?

เรื่องในตอนนั้นได้จัดการอย่างเงียบเชียบ มาก ทุกคนที่รู้เรื่องนี้บางคนก็ตายแล้ว บางคนก็ ไปจากเมืองจิ้นแล้ว แล้วเธอสืบได้ยังไง?

หวังเสว่เหมยรู้สึกตกใจช็อก

เสี่ยวเหอจ้องมองท่าทางไร้วิญญาณของ เธอ และไม่รู้เลยว่าจิ่งหนิงคุยอะไรกับเธอบ้าง ถึง สามารถทำให้เธอมีปฏิกิริยาตอบสนองมากขนาด

แต่เธอไม่ถามอะไรเลย หลังจากพาออกไป ก็พูดขึ้นว่า “พวกคุณก่อเรื่องแล้ว หัวหน้าจึ่งก็ไม่ อยู่ ถ้าหากยังมาก่อเรื่องที่นี้อีก ฉันคงต้องเรียก พนักงานรักษาความปลอดภัยแล้วล่ะ ดังนั้นหวัง ว่าพวกคุณรีบไปเถอะค่ะ! อย่ามาก่อเรื่องจนทำให้ ต้องอายทุกคน ใครต่างก็ดูไม่ดีหรอก”

จิ่งเซี่ยวเต่อดูถูกจิ่งหนิง ดังนั้นเลยดูถูก เสี่ยวเหอคนที่ทํางานให้จิ้งหนังด้วย

เมื่อได้ยินแบบนี้ก็โมโหเดือดดาลขึ้น แต่ถูกหวังเสบู่เหมยห้ามปรามไว้

เธอเหมือนหมดเรี่ยวแรง สีหน้าก็ไม่ค่อย

ด้วย

เมื่อหยู วเหลียนเห็นเธอมีท่าทางผิดปกติก็ พูดขึ้นว่า : “แม่ค่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“เปล่าๆ”

หวังเสวีเหมยส่ายหน้า และหันหน้ามอง เหล่านักข่าวข้างนอกแวบหนึ่ง และพูดว่า : “กลับ กันเถอะ มีเรื่องอะไรค่อยคุยกัน”

ขณะที่พูดก็พากันเดินจากไป

หลังจากแน่ใจว่าคนเหล่านี้จากไปแล้ว เสี่ยวเหอก็โทรหาจิ่งหนึ่ง

จิ่งหนิงบอกให้เธอไม่ต้องสนใจ และพูด กําชับเรื่องของบริษัท จากนั้นก็วางสาย

ณ คฤหาสน์ตระกูลจิ่ง

บรรยากาศภายในห้องรับแขกอึดอัดมาก ทุกคนนั่งอยู่กับที่ไม่มีใครพูดอะไรเลย

เมื่อกี้หวังเสว่เหมยได้เล่าเรื่องบทสนทนา

กับจิ่งหนึ่งก่อนหน้านี้ฟังแล้ว รวมถึงเงื่อนไขที่วิ่ง หนิงต้องการต่อทุกคน

ด้วยเหตุนี้เลยเกิดบรรยากาศน่าอึดอัดแบบ นี้ขึ้น

จึงเซี่ยวเต๋อเผยสีหน้าบิดเบี้ยวนั่งตรงนั้น197532575_829152591320168_7462108563881390783_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ