เมื่อเดินได้ครึ่งทาง จู่ๆจิ่งเสี่ยวหย่าก็หยุด นิ่งลง
เธอหันหน้ามองตำรวจคนหนึ่ง และพูดว่า : “ฉันอยากโทรคัพท์หน่อย”
ตำรวจคนนั้นจ้องมองเธอด้วยสีหน้ารำคาญ ใจ “วันนี้คุณใช้โทรศัพท์กี่ครั้งแล้ว? คิดว่าจะมีคน มาช่วยคุณหรอ? หยุดเพ้อฝันได้แล้ว พูดความ จริงและยอมรับโทษแต่โดยดีดีกว่า เข้าใจไหม?”
จิ่งเสี่ยวหย่ายิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย
จากนั้นจู่ๆเธอก็ขยับตัวไปด้านข้างเล็กน้อย
แล้วเอาหัวชนกับผนังกำแพงอย่างแรง
ตำรวจทั้งสองคนถึงกับตกใจค้าง จนแทบ ไม่ทันดึงเธอกลับมา “คุณเป็นบ้าแล้วหรอ? คุณคิดจะทำอะไร?”
“ฉันต้องการใช้โทรศัพท์!” ตำรวจทั้งสองคน : ”
สุดท้ายตำรวจคนหนึ่งก็โบกมือด้วยท่าทาง
เหนื่อยใจขึ้น
“เอาล่ะ เอาล่ะ ให้เธอไปเถอะ! เป็นบ้า !” จริงๆ
จิ่งเสี่ยวหย่ายื่นมือรับโทรศัพท์,
เธอกำาโทรศัพท์ไว้อย่างแน่น ทั้งที่มือกำลัง
หลังจากตำรวจออกไป เธอถึงจะโทรหา ใครบางคน
ฝ่ายตรงข้าม เมื่อรับสายก็มีเสียงผู้หญิง อ่อนโยนขึ้น
“ฮาโหล ใครคะ?”
“ฉันเอง”
ฝ่ายตรงข้ามนิ่งเงียบทันที
จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ฉันนึกว่าเธอจะถูกขัง แล้วเสียอีก คิดไม่ถึงยังสามารถใช้โทรศัพท์? ดู เหมือนว่าเธอจะมีอิทธิพลมากเหมือนกันนะ”
จิ่งเสี่ยวหย่าพูดขึ้นว่า : “เรื่องนี้เธอก็มีส่วน เกี่ยวข้องเหมือนกัน ถ้าหากฉันไม่ถูกช่วยออกมา เธอก็อย่าหวังมีความสุขเลย
“เห่อ นี่เธอกำลังข่มขู่ฉันหรอ?”
“ทั้งที่เธอพูดเองว่าไม่มีเรื่องเกิดขึ้นแน่นอน ตอนนี้กลับให้ฉันรับผิดคนเดียวหรอ ในฐานะ พันธมิตร เธอควรช่วยฉันออกมาไม่ใช่หรอ?”
“พันธมิตรหรอ? พันธมิตรอะไรหรอ? ทำไม ฉันถึงไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด? จิ่งเสี่ยวหย่า เธอมี หลักฐานที่สามารถพิสูจน์ว่าฉันช่วยเธอเรื่องนี้ ไหม? ฉันแค่พูดคุยกับเธอไม่กี่วันเอง และโทรคัพท์คุยกับเธอไม่กี่ครั้งเท่านั้น อย่างอื่นฉัน ไม่ได้ทำอะไรเลยทำไมเธอถึงใส่ร้ายป้ายสีกัน แบบนี้ด้วยล่ะ?”
เมื่อได้ยินฝ่ายตรงข้ามพูดด้วยท่าทางสูงส่ง แถมพูดยั่วโมโหด้วย จึงเสี่ยวหย่าก็รู้สึกโกรธเป็น ฟินเป็นไฟขึ้น
“เธอเป็นคนของตระกูลกวนในเมืองหลวง หรือว่าเธอไม่กลัวว่า หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพราย ออกไป ต่อไปเธอจะไม่สามารถเงยหน้าสู้ผู้คน ได้?”
ฝ่ายตรงข้ามหัวเราะประชดขึ้น
“ฉันเป็นผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนโยน เชื่อฟัง จากตระกูลผู้ดี เป็นที่รักและเอ็นดูของคุณหญิง กวนด้วย ทุกคนล้วนรู้กันหมดว่าฉันมีสุขภาพ ร่างกายไม่ค่อยดี เลยไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับเรื่อง ภายนอก
ส่วนเธอเป็นคนขี้โกหก หลอกลวง ทำร้ายพี่ สาว เหมือนกับหมาบ้าที่คอยกัดคนอื่นไปทั่ว เช่น นี้เธอคิดว่าพวกเราสองคน ใครน่าเชื่อถือมากกว่า กันหรอ?”
“นี่เธอ!”
ฝ่ายตรงข้ามพูดว่า “อ่อ ลืมบอกเธอไปเลย ว่า อันที่จริงฉันรู้สึกชื่นชมพี่สาวของเธอมาก นาน มากแล้ว ฉันเคยเจอเธอ เธอช่วยชีวิตฉันครั้งหนึ่งแต่ต่อมาเธอจําฉันไม่ได้แล้ว
ฉันคิดว่า คนเราควรรู้จักกตัญญูรู้คุณ ดัง ในครั้งนี้ฉันเลยช่วยเธอเล็กน้อย ไม่ถือว่ายิ่งใหญ่ อะไรหรอก ก็แค่คอยผสมโรงเท่านั้น
เธอไม่จําเป็นต้องเคียดแค้นขนาดนี้หรอก ถ้าหากเธอไม่มีเจตนาร้ายก่อน ก็คงไม่ถูกฉัน หลอกใช้หรอก จิ่งเสี่ยวหย่า เธอควรขอบคุณจิ่ง หนิงที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่เช่นนั้น วันนี้เธอคง ไม่มีโอกาสโทรมาหาฉันหรอก
เอาล่ะ งั้นแค่ล่ะกันนะ ทางข้างหน้าเธอต้อง ช่วยตัวเองแล้วล่ะ”
หลังจากฝ่ายตรงข้ามพูดจบก็วางสายลง ทันที
จิ่งเสี่ยวหย่าโมโหเดือดดาลทันที คิดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะกล้าปั่นหัวเธอ เล่นแบบนี้!
จู่ๆเธอนึกถึงคําพูดทั้งหมดเมื่อกี้ของฝ่าย ตรงข้ามขึ้น
นานมากแล้ว จิ่งหนิงเคยช่วยเธอครั้ง หนึ่ง……
กตัญญูรู้คุณ คอยผสมโรง….. จู่ๆเธอก็รู้สึกลุกลี้ลุกลนขึ้น!
เหมือนกับงูพิษตัวหนึ่งค่อยๆเลื้อยขึ้นมาบนตัวเธอช้าๆ จนทําให้เธอรู้สึกเสียวสันหลัง และตัว ส้นเทา
เธอเข้าใจแล้ว!
เธอเข้าใจหมดแล้ว!
ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนเป็นแผนการของจิ่ง หนิง
ทุกคนที่อยู่ข้างใน แม้กระทั่งบอดี้การ์ดรูป ร่างกำยำที่ผู้หญิงแซ่กวนแนะนำให้กับเธอไม่กี่คน ไม่แน่เป็นคนที่จิ่งหนิงรู้จัก
ไม่เช่นนั้น เธอไม่มีทางมีรูปภาพของห้อง ใต้ดินแน่!
เธอแค่รู้สึกแปลกใจ ในตอนนั้นจิ่งหนิงถูก
เธอฉีดยาชนิดหนึ่ง แต่ทำไมถึงยังสามารถหนีไป
จากผู้ชายที่ผ่านการฝึกฝนสี่คนได้ ตอนนี้เธอเข้าใจทุกอย่างแล้ว ไม่กี่คนเหล่า นั้นไม่ได้ถูกเธอเล่นงานหรอก แต่ตั้งใจปล่อยเธอ
หนีไป!
เมื่อเข้าใจเรื่องทุกอย่าง จิ่งเสี่ยวหย่าก็นิ่งอึ้ง เหมือนกับน้ำแข็ง และรู้สึกเย็นยะเยือกตาม
ร่างกาย เธอกอดอกอย่างแน่น แล้วพิงหลังกับผนัง
กำแพง พร้อมปล่อยตัวไถลลงมา ขณะเดียวกัน ร่างกายก็สั่นเทาจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ด้านนอก เมื่อตรวจสองคนเห็นท่าทางของ เธอผ่านทางกระจกก็ตกใจ นึกว่าเธอเกิดปัญหา ขึ้น เลยรีบวิ่งเข้าไปหา
เมื่อเห็นเธอไม่เป็นอะไร เพียงแค่มีสภาพ จิตใจไม่ค่อยดีก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วพา เธอกลับเข้าห้อง
ตอนกลางคืน
ขณะที่จิ่งหนิงนอนหลับอยู่นั้น จู่ๆโทรศัพท์ ก็ดัง”ติ่ง”ขึ้น
เธอค่อยๆลืมตาขึ้นมา แล้วหยิบโทรศัพท์
ขึ้นมาดู
และเห็นข้อความหนึ่งส่งมาจากหมายเลข โทรศัพท์แปลก ข้างบนเขียนไว้ว่า
“ไม่เจอกันนานเลย เจ็ด”
จิ่งหนิงนิ่งอึ้งชั่วขณะ
พร้อมรู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมา เธอกำโทรศัพท์ไว้อย่างแน่น และจ้องมอง
หมายเลขข้อความข้างบน ครุ่นคิดอยู่สักพัก แต่ก็ คิดไม่ออกว่าคนๆนี้คือใคร
เธอเป็นคนมีความจําดีมาตลอด แถมจํ หมายเลขได้แม่นยำด้วย แต่ตอนนี้กลับจำ หมายเลขนี้ไม่ได้ นั้นแสดงว่าเป็นคนที่ยังไม่เคย ติดต่อแน่
ฝ่ายตรงข้ามคือใคร?
ด้านข้าง ลู่วิ่งเซ็นตื่นขึ้นเพราะการ
เคลื่อนไหวของเธอ เขายื่นมือโอบกอดเธอ และ
ซักถามว่า : “เป็นอะไรครับ? ภรรยา”
จิ้งหนิงเปลี่ยนสีหน้า และส่ายหน้าเล็กน้อย
“ไม่มีอะไรค่ะ”
เธอหันหน้ามองเธอแวบหนึ่ง ภายใต้แสงไฟ ผู้ชายหลับตาและนอนหลับอยู่
เธอเม้มปากเล็กน้อย และพูดว่า : “ฉันไปเข้า
ห้องนํ้าแบบหนึ่งนะคะขณะที่พูดก็เดินลงจากเตียง
คิดไม่ถึงว่าลู่จิ่งเซินก็จะลุกขึ้นมานั่งเหมือน
“เดียวผมไปเป็นเพื่อน”
จิ่งหนิงเก็บรอยยิ้ม
ห้องน้ำอยู่ภายในห้องไม่ไกล แต่ผู้ชายคน
เธอกดผู้ชายกลับไปนอน
“คุณนอนเถอะ เดี๋ยวฉันมา”
พูดจบก็ไม่รอเขาตอบกลับ แต่เดินจากไป
เลย
เมื่อเข้าห้องน้ำ จิ่งหนิงก็ล็อกประตู แล้วเปิดข้อความขึ้น และกดหมายเลขโทรศัพท์ขึ้น
เมื่อโทรแล้วกลับเป็นเสียงปิดเครื่อง ติดต่อ
ไม่ได้
จิ่งหนิงนิ่งอึ้ง
เจ็ดชื่อนี้ มีเพียงไม่กี่คนที่รู้
ซึ่งไม่กี่คนนั้นไม่มีทางส่งข้อความแบบนี้มา ในเวลานี้
อีกอย่างเธอจากไปหลายปีมากแล้ว แม้แต่ ตาK เพราะช่วงนี้ก่อตั้งแผนกภายใน ไม่อยากให้ เธอเข้ามายุ่งเกี่ยว ด้วยเหตุนี้ไม่ติดต่อมาหาเธอ แล้วเป็นใครกัน?
ขณะที่เธอครุ่นคิดอยู่นั้น ข้างนอก เมื่อ ผู้ชายเห็นเธอตั้งนานไม่ออกมาเลยเรียกขานหา
150
ที่รัก ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ”
จิ่งหนิงรีบตอบว่า : “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกำลัง ออกไปแล้ว”
เธอหยิบโทรศัพท์ ล้างมือ แล้วเดินเปิด ประตูออกไป แต่คิดไม่ถึงว่ามีผู้ชายบางคนยืนอยู่ นอกประตูแล้ว
จิ่งหนึ่งเห็นเขาถึงกับสะดุ้งตกใจ และซัก ถามว่า : “คุณทำอะไร?”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ