บทที่ 228 พิเศษเพื่อเธอ
หลายปีมานี้เธอไม่หยุดที่จะทำให้ได้มาและช่วงชิง จนเธอมอง ข้างความต้องการที่อยู่ลึกลงไปในใจว่าเธอต้องการอะไรกันแน่
ตอนนี้เธอเห็นชัดแล้วว่าที่เธออยากได้ก็คือความรักจากพี่อา
เจ๋อ นั่นเอง!
จึงเสี่ยวหย่าบีบนิ้วถือกระเป๋าของเธอแน่นจนเป็นสีขาว และ ตัวของเธอสั่นเล็กน้อยเนื่องจากอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ
ปั่นเพื่อเดินเข้ามาทางเธอทีละก้าว ๆ
สีหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มที่มีความยินดี อบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์ ภายในแสงไฟที่สาดส่องราวกับเจ้า ชายที่แสนบริสุทธิ์
เขาเข้ามาใกล้เธอเรื่อย ๆ
จนดูเหมือนเธอจะได้กลิ่นโคโลญจน์ที่คุ้นเคยอยู่ข้างๆ
น้ำหอมขวดนั้นเธอเป็นคนเลือกให้เขากับมือเพราะเธอชอบ กลิ่นแบบนั้น เขาจึงใช้ทุกวัน
น้ำหอมกลิ่นนั้นเรียกว่ากุญแจหัวใจ เพราะเธออยากจะล็อก หัวใจของเขาไว้ ให้เธอเป็นคนพิเศษของหัวใจของเขาเพียงคน เดียวไม่มีใครแย่งไปได้
จิตใจของจึงเสี่ยวหย่าเป็นเหมือนดังคลื่นในมหาสมุทรมันกำลังขึ้นลงไม่มีหยุดนิ่ง
เธอมองดูมู่ฮั่นเจ๋าที่เดินมาถึงหน้าเธอ สีหน้าของเธอนั้นยินดี
และรีบก้าวไปข้างหน้าหนึ่งกล้าแล้วพูดขึ้นเบา ๆ “พี่อาเจ๋อ…” อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นชายคนนั้นเพียงแค่มองไปที่เธอแล้วเขา มองผ่านไป
เขาก้าวเท้าออกห่างจากเธอแล้วเดินตรงไปทางด้านหลังเธอ
จึงเสี่ยวหย่ายืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
ด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
เธอตัวแข็งทื่อหันหลังไปมองตามทิศทางที่มั่นเจ๋อเดินไป
เห็นเพียงจิ้งหนึ่งอยู่ที่มุมหนึ่งใกล้กับบาร์และกำลังยืนคุยกับ หลินซูผ่านกำลังพูดคุยบางอย่างกับชายวัยกลางคนอีกหลายคน
สีหน้าของกลุ่มคนตรงนั้นมีรอยยิ้มที่สวยงามและสง่างามบน ใบหน้า พวกเขาถือถ้วยทรงสูงไว้ในมือที่สง่างามภายใต้แสงไฟ ก็เหมือนกับงานศิลปะที่ประณีตส่วนโค้งที่เปล่งประกายสีขาวนั้น สวยงามมากซึ่งทําให้คุณทนไม่ได้อยากจะเข้าไปกอดมันเอาไว้
มั่นเพื่อเดินเข้าไปยืนข้าง ๆ พวกเขาไม่รู้ว่าพูดคุยอะไรกับคน เหล่านั้น คนพวกนั้นจึงยกแก้วขึ้นให้จิ้งหนึ่งแล้วจากไป
จากนั้นหลินซูผ่านตบไหล่จิ้งหนึ่งแล้วเดินตามไป
มั่นเจ๋อยังคงยืนอยู่ตรงนั้น มองไปที่จึงหนึ่งด้วยความรักและ รู้สึกละอายใจ ซึ่งหนึ่งมองกลับมาที่เขาสีหน้านิ่ง ๆ
สายตาสองคู่ประสานกันแต่ไม่มีร่องรอยของความเป็น ปรปักษ์และความแตกแยกทั้งสองยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนภาพที่ สวยที่สุดในโลกซึ่งน่าทึ่ง
ทันใดนั้นจึงเสี่ยวหย่าจึงได้เข้าใจอะไรบางอย่าง
ป้อมปราการในใจพังทลายในทันที
เธอหัวเราะอย่างโง่เขลา และหัวเราะดังขึ้นทุกที ยิ่งหัวเราะยิ่ง บ้าคลั่ง เธอหัวเราะจนตัวกระตุกและน้ำตาก็ไหลริน
“หึ ๆ ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ
แต่เมื่อเห็นจึงเสี่ยวหย่ายังคงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับผู้ หญิงเสียสติ ในสภาพสิ้นหวัง เธอตัวสั่นไปทั่วทั้งเสียงหัวเราะ น้ำตาไหลเปรอะเปื้อนเครื่องสำอางบนใบหน้าเธอดูน่าอับอาย และน่าสมเพช เหมือนผู้หญิงที่ถูกทอดทิ้ง
“นี่ นี่มันอะไรกัน?”
ทุกคนตกใจกลัวจนนิ่งไป
“คงจะไม่ได้เล่นยาอะไรหรอกใช่ไหม”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมาทุกคนต่างหันมามองหน้ากัน โชคดีที่ หร่วนเจียวเจียวหัวไว เธอรีบเข้าไปดึงตัวของจึงเสี่ยวหย่าไว้แล้ว พูดขึ้นอย่างร้อนรน: “พี่เสี่ยวหย่า อย่าเป็นแบบนี้สิ
อีกมุมหนึ่งจึงหนังเห็นภาพนี้แล้วต้องเลิกคิ้ว
“คุณชาย ภรรยาคุณเมาอาละวาดอยู่ทางนั้น คุณไม่ไปดูหน่อยเหรอคะ?”
มู่ยันเจ๋อมองดูจึงเสี่ยวหย่าที่ดูเหมือนกำลังจะเป็นบ้าด้วย สีหน้าเย็นชา
เธอท่าตัวเองขายหน้าคนเดียวไม่พอยังจะลากผมให้ไปขาย หน้าด้วยเหรอ?
จิ่งหนึ่งยกมุมปากเยาะเบา ๆ และไม่พูดอะไร
หร่วนเจียวเจียวทนดูต่อไปไม่ได้เมื่อเห็นว่าตัวเธอไม่สามารถ จะรั้งตัวจึงเสี่ยวหย่าไว้ได้แล้วจึงรีบเดินเข้ามา
ชี้ไปที่นั่นเจ๋อแล้วพูดด้วยความโมโห “มมั่นเจ๋อ เสี่ยวหย่า เป็นถึงขนาดนี้แล้ว คุณยังมีอารมณ์มายืนคุยอยู่กับคนเลวที่อยู่ อีก เธอเป็นเมียของคุณหรือเปล่า? คุณไม่ไปดูเธอหน่อยเหรอ?”
มู่ยั่นเจ๋อดูมืดมนและมองเธออย่างเย็นชา
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเรียกบอดี้ การ์ตสองคนให้เข้ามา
บอดี้การ์ดทั้งสองเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่จึงเสี่ยวหย่ายัง งขันเสียงดังจึงปิดปากเธอและลากเธอออกไป
หร่วนเจียวเจียวมองดูการกระทำที่หยาบคายของพวกเขาแล้ว อดกลัวจนหน้าซีดไม่ได้จนเกิดความหนาวเหน็บในใจ
เธอหันหน้าไปและมองมั่นเจ๋ออย่างไม่น่าเชื่อแล้วตั้งคำถาม “มั่นเจ๋อนั่นคือคนที่คุณแต่งงานอย่างภาคภูมิเหมาะสม ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนี้?”
มู่ยั่นเจ๋อมองเธออย่างเย็นชาไม่มีความอบอุ่นสักนิต: “ไหน บอกให้ผมจัดการเธอไม่ใช่เหรอ? งานสำคัญขนาดนี้ เธอกลับ เมาอาละวาด คุณคิดว่าผมควรจะจัดการยังไงล่ะ?”
หร่วนเจียวเจียว: “…”
ตระกูลต้องการหน้าตา
ในฐานะที่มั่นเจ๋อเป็นนายน้อยของตระกูลมู่ย่อมให้ความ สำคัญกับชื่อเสียงวงศ์ตระกูล
เมื่อครูจึงเสี่ยวหย่าทั้งหัวเราะและร้องไห้อยู่ตรงนั้น ทำให้คน ตกใจอยู่ไม่น้อย
ถ้าหากว่าเขาเข้าไปจึงเสี่ยวหย่าเกิดระเบิดอารมณ์อะไรขึ้นมา คาดว่าคนทั้งงานคงรู้ว่าเขา มั่นเจ๋อไม่มีความสามารถจะ จัดการกับภรรยาของตัวเองได้ และต้องทะเลาะกับจิ้งเสี่ยวหย่า ต่อหน้าคนมากมาย
ดังนั้นการให้บอดี้การ์ดดึงเธอออกมาจึงเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบ
ที่สุดแล้ว
หร่วนเจียวเจียวส่ายหน้ามองไปที่สุภาพบุรุษที่ยังอยู่ตรงหน้า เขาเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาคือนั่นเจ๋อที่เคยตกหลุมรักจึง เสียวหย่าเป็นหนักหนา
เธอถอยหลังไปสองก้าวแล้วบ่นพึมพำ: “คุณทำเกินไปแล้ว! คุณทําเกินไปแล้วจริง ๆ”
พูดจบเธอก็หันหลังกลับแล้วตามจึงเสี่ยวหย่าไป จากทะเลาะกันในงานนี้เรียกได้ว่าจบลงแล้ว
ถึงแม้ว่าจะทำให้หลายคนตกใจแต่อันที่จริงทุกคนก็ไม่ได้มี ปฏิกิริยาอะไรมากนัก ซึ่งแน่นอนว่าไม่ค่อยเข้าใจว่ามันเกิดอะไร นกันแน่
ปูนเจ๋อยกแก้วนแล้วเดินไปข้างหน้าแล้วชนแก้วและพูด “ขอโทษด้วยครับ คืนนี้ภรรยาของผมดื่มเยอะไปนิดจึงรบกวน พวกคุณ ผมขออภัยแทนเธอไว้ ณ ที่นี้ด้วย
เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นต่างพากันอึ้งและต่างก็ยกแก้วขึ้นอย่าง รวดเร็ว
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ขอเพียงคุณนายไม่เป็นไรก็ดีแล้ว
“นั่นสิ คุณชายไม่ต้องเกรงใจ
จึงหนังเห็นภาพนี้แล้ว จู่ ๆ ก็นึกว่า มู่ยันเจ๋อเป็นคนยังไงเธอรู้ดีที่สุด
ผู้ชายคนนี้ใช้ภายนอกที่ดูเป็นคนอบอุ่น หลอกเธอในตอนนั้น และหลอกจึงเสี่ยวหย่าในตอนนี้
แท้จริงแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบ เขารักเพียงตัวเองเท่านั้น
เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว ซึ่งหนึ่งก็มองลงไปเล็กน้อยและทันใดนั้น ก็รู้สึกว่าเธอค่อนข้างโชคดี
โชคดีที่มองออกตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าเขาเป็นคนเช่นไร โชคดีที่ได้เจอคนในตอนนี้ที่ให้เธอได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอก้าวและเดินไปอีกด้าน “หนิงหนิง ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ
มู่ลั่นเจ๋อเห็นดังนั้นจึงรีบเดินเข้าไป
“คุณชาย !”
จิ่งหนึ่งหยุดชั่วคราวหันไปมองเขาแล้วยิ้ม
“มีเรื่องอะไรเอาไว้ค่อยโทรคุยก็แล้วกัน อยู่ในงานใหญ่แบบนี้ คุณอย่าเรียกฉันแบบนี้ มันจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิด
พูดจบเธอก็หันหลังแล้วเดินต่อไป
สีหน้าของมู่นั่นเจ๋อเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“หนิงหนิง คุณยังเกลียดผมอยู่ใช่ไหม?”
จิ่งหนังนิ่งไป
แล้วหันไปมองเขาอย่างน่าขันเล็กน้อย
“ทำไมฉันต้องเกลียดคุณ?”
“เพราะ…”
เขากระแอมและพูดไม่ออกเสียเฉย ๆ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ