หัวเหยาเห็นเธอใจเย็นขนาดนี้ ล้วนแทบจะ โมโหจนบ้าแล้ว
“หนิงหนิง ไม่ใช่ฉันอยากว่าแก แกก็ไม่ใช่ อยู่ในวงการนี้เป็นวันแรกแล้ว คำวิพากษ์วิจารณ์ น่ากลัวขนาดไหน แกกับฉันล้วนรู้อยู่แก่ใจ ในเมื่อ แกอยากจะเดินเส้นทางนักแสดงหญิงทางนี้ ก็ไม่ สนใจสิ่งเหล่านี้ไม่ได้
ฉันพูดกับแกว่า เรื่องแบบนี้บางครั้งพูดว่า ควบคุมง่ายก็ควบคุมง่าย แต่ทันทีทีออกจากการ ควบคุม ถึงแม้ว่าเป็นคุณลู่ของบ้านของแก ก็อาจ จะไม่สามารถจะช่วยแกหมุนเปลี่ยน สถานการณ์กลับคืนมาได้เช่นกัน
ไม่มีทางอื่น มีเงินก็อุดปากที่สกปรกเหล่า นั้นไม่อยู่ล่ะ! ถึงเวลานั้นแกพูดสิ อนาคตของแก จะทำยังไงดีล่ะ? หรือว่าก็ตามใจเป็นแบบให้คน ต่าต้อยน้อยคนนั้นทําร้ายเลยหรือ?”
จิ่งหนิงยิ้มแล้วยิ้มอีก ในใจอบอุ่นเล็กน้อย
เหยาเหยา ขอบคุณที่แกเป็นห่วงฉันขนาด นี้ ฉันรู้แล้ว แกอย่ากังวลใจเลย”
“แกรู้เรื่องอะไร! แฟนคลับเหล่านั้นของจิ่ง เสี่ยวหย่าล้วนใกล้จะร่วมกันเฉลิมฉลองแล้ว แก อยู่ที่นี่ยังไม่มีปฏิกิริยาสักนิด จะทำให้คนไม่กังวลใจได้ยังไงหรือ?”
จิ่งหนิงคิดแล้วคิดอีกพูดว่า “แท้ที่จริงแล้ว
ฉันก็ไม่แน่ที่จะจำเป็นต้องเดินเส้นทางนักแสดง หญิงทางนี้ ฉันชอบชีวิตที่สงบสุข ไม่ชอบวิถีชีวิต ที่หลักลอยไม่แน่นอนอย่างศิลปินแบบนี้ แกรู้อยู่ แล้ว”
“แก!”
หัวเหยาโมโหจนไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้วทันที
“แกไม่ชอบเป็นนักแสดงหญิง ยังแสดง
ละครอยู่ทำไมล่ะ?”
จิ่งหนิงยกริมฝีปาก
“เรื่อง หรือ ย่อมเป็นคนบางคนต้องการ อะไร ฉันก็ไปทําอย่างนั้นล่ะ! แกไม่เคยได้ยินคํา พูดประโยคหนึ่งหรือ? เดินเส้นทางคนอื่น ให้คน อื่นไม่มีเส้นทางเดินได้
หัวเหยา ”
อยู่ดีๆทำไมรู้สึกถึงว่าเพื่อนของตนเองคนนี้ กับเดิมทีที่ตนเองรู้จักไม่เหมือนกันเล็กน้อยล่ะ?
ชั่วร้ายขนาดนี้เลยหรือ?
เธอชอบ!
หัวเหยาได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ในที่สุดในใจก็ เบาใจเล็กน้อย
แต่ก็ยังเป็นห่วงพูดว่า “ตอนนี้แกคิดว่าจะทํายังไงดีล่ะ? ถ้าไม่ฉันไปช่วยแกแก้ข่าวสักหน่อย? แกไปอธิบายคนเหล่านี้อาจจะไม่เชื่อ บวกกับมู่มั่น เจ๋อถ้าหากว่าเข้าข้างทางจิ่งเสี่ยวหย่าโน้นด้วยล่ะ ก็ ถึงเวลานั้นแกก็แย่แล้วจริงๆ
อย่างน้อยฉันอยู่ในวงการก็มีฐานะเล็กน้อย ยามปกติไม่ชอบยุ่งกับสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นคำพูดที่ พูดออกมาจะมีพลังแห่งความเชื่อถือศรัทธากว่า เล็กน้อย น่าจะช่วยแกได้”
ได้ยินเธอพูดอย่างนี้ จิ่งหนิงแค่รู้สึกถึงตอน ที่หัวใจเหมือนดั่งติดแผ่นแปะความร้อนชื้นหนึ่ง อบอุ่นจนไม่ไหวแล้ว
เธอยิ้มแล้ว “ไม่ต้อง แกวางใจเถอะ ตัวฉัน เองมีวิธีแก้ไข”
“จริงหรือ?”
“อืม ไม่โกหกแก จริงๆ
หัวเหยาเห็นเธอพูดจนมั่นใจขนาดนี้ รู้ว่า เธอไม่ใช่เป็นคนที่ไม่ชอบคุยโวโอ้อวดคนหนึ่ง นี่ จึงหมดห่วง
หลังจากวางสายลงแล้ว ไม่นานจิ้งหนิงก็ได้ รับสายจู่โหง
เธอจ้องมองบนหน้าจอมือถือกะพริบแสดง สายเข้า ยกมุมริมฝีปากขึ้นอย่างเย็นชา
“ฮัลโหล่ ลุงตู่”
“เป็นหนึ่งหนึ่งใช่ไหม? ขอโทษครับ ก ขนาดนี้แล้วยังรบกวนคุณ คุณนอนหรือยัง?”
จังหนังลุกขึ้นเดินไปยังข้างหน้าต่าง จ้อง มองทิวทัศน์ยามค่ำคืนข้างนอก สีหน้าราบเรียบ “ยังไม่นอน ท่านมีธุระอะไรหรือ?”
น้ำเสียงของ โหงฟังแล้วมีความลังเลและ อึดอัดใจเล็กน้อย “เป็นอย่างนี้ล่ะ ข่าวลือเหล่านั้น บนอินเทอร์เน็ต คิดว่าคุณน่าจะมองเห็นแล้วมั้ง?”
จิ่งหนิง “อืม” เสียงหนึ่ง
“เรื่องนี้เป็นตระกูลมู่ของผมผิดต่อคุณจริงๆ ผมนึกไม่ถึงว่าเสี่ยวหย่าเด็กคนนั้นจะพูดอย่างนี้ ออกมาต่อหน้าสื่อมวลชน เรื่องที่คุณกับยื่นเจ๋อ เป็นเขาทําผิดแล้ว ผมขอโทษกับคุณแทนเขา”
จิ่งหนิงยิ้มเบาๆ “หนึ่งปีก่อน ลุงมู่ก็ขอโทษ กับฉันแทนเขาไปแล้วล่ะ ฉันก็ได้รับความรู้สึกผิด และเสียใจของพวกคุณไปแล้ว ดังนั้นฉันคิด ว่าการขอโทษในวันนี้ก็ไม่จำเป็นแล้ว”
มู่โหงอึดอัดใจจนหัวเราะแห้งๆสองเสียง
“ใช่ ใช่! สําคัญคือข่าวลือในครั้งนี้ ส่งผลก ระทบต่อคุณอย่างมาก จุดนี้ลุงมู่รู้ คุณวางใจ กลับไปผมจะทำโทษไอ้หนูที่ไม่รู้เรื่องคนนั้นอย่าง แน่นอน ให้เขาเข้าไปขออภัยกับคุณด้วย ตนเอง……..
จิ่งหนิงตัดคำพูดเขา “ลุง อยากจะพูดอะไรก็พูดตรงๆเถอะ! ไม่ต้องพูดสิ่งเหล่านี้อ้อมค้อม ใหญ่ขนาดนี้”
มู่โหงอึ้งซะงัก
มีความรู้สึกขวยเขิน ถูกคนเปิดโปงความ ในใจแบบหนึ่ง
แต่ตะลุยไปอย่างอิสระในวงการธุรกิจมา หลายปี เขาไม่ได้เป็นคนที่เพราะว่าเจอ สถานการณ์แค่นี้ก็กลุ้มใจมานานแล้ว
ผ่านไปไม่นาน ก็ออกเสียงพูดว่า “ในเมื่อ คุณพูดขนาดนี้ งั้นผมก็พูดตรงๆแล้ว”
“ในตอนต้นผมยกบริษัททั้งสามแห่งให้คุณ ขอให้คุณอย่าสืบหาเรื่องเหล่านี้อีก คุณเป็นคนที่ รักษาสัจจะคนหนึ่ง ปี ที่ผ่านมาล้วนทําดีมาก เป็นยันเจ๋อกับจิ่งเสี่ยวหย่าเองไม่เข้าใจไม่รู้ว่า อะไรควรไม่ควร ล่วงเกินคุณหลายครั้ง แต่ผมก็ ยังหวังว่า คุณจะสามารถปล่อยพวกเขาไป ต้องการเงื่อนไขอะไร คุณพูดมาเลย”
จิ่งหนิงยกมุมริมฝีปากขึ้นอย่างเย็นชา
“อยู่ในใจของลุงมู่ ฉันก็ยังเป็นผู้หญิงที่ทั้ง เห็นแก่ผลประโยชน์และบูชาเงินทองคนหนึ่ง จริงๆล่ะ!”
มู่โหงติดคออีกครั้ง เขาถอนหายใจหนึ่งที”ไม่ใช่เห็นแก่ผลประโยชน์และบูชาเงิน ทอง ลุงมู่เพียงแค่รู้สึกว่า คุณเป็นเด็กที่ฉลาดคน หนึ่ง เด็กฉลาดมักจะรู้ว่าจะเลือกแบบไหนจึงมีผล ประโยชน์มากที่สุดสำหรับตนเอง
ในวงการการค้า บอบช้าทั้งสองฝ่ายไม่ใช่ เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ได้รับประโยชน์ซึ่งกันและ
กัน และไปสู่ชัยชนะร่วมกันจึงจะเป็นเงื่อนไขที่ พัฒนาอย่างมั่นคง หนิงหนิง ตระกูลมู่พลาดคุณ ไปแล้ว คือตระกูล ไม่มีบุญวาสนาแบบนั้น ก็ขอ ให้คุณเห็นแก่ลง มาขอร้องคุณด้วยตนเอง รักษา หน้าให้ลุงมู่สักครั้งเถอะ!”
ในมือถือเงียบไปแล้วหลายวินาที
ก็ตอนเมื่อมโหงคิดว่าเธอจะปฏิเสธแล้ว อยู่
ดีๆกลับได้ยินคําหนึ่งที่เบามากว่า “ตกลง!” ในฉับพลันเขาอึ้งแล้วอึ้งอีก
จิ่งหนิงยิ้มเบาๆ “ฉันรับปากท่าน เอาหุ้น 10% ของจิ่งชื่อกรุ๊ปที่อยู่ในมือของจิ่ง เสียวหย่า ”
ตาทั้งคู่ของมู่โหงลืมตาโต
…………..อก.บผมไม่ได้เป็นเจ้าของ”
“สามารถพัวพันเป็นญาติกันกับตระกูลมู่ คนของตระกูลจิ่งน่าจะดีใจมากจึงถูกนะ! พวกเขา อยากจะประจบท่านให้ดีๆจะตายไป จะไม่ปฏิเสธ การเรียกร้องของท่านล่ะ พูดต่ออีกว่า ใช้หุ้น 10%แลก อเสียงของ เสี่ยวหย่า คุ้มมากนะ
คุณวางใจเถอะ ขอเพียงแค่หุ้นโอนเป็นชื่อ ของฉัน ฉันรับรองว่า สำหรับเรื่องความสัมพันธ์ ระหว่างพวกเราทั้งสามคน ฉันจะไม่เอ่ยสักคำ อย่างแน่นอน จะไม่ทําร้ายเรื่องดีๆของพวกเขาทั้ง สองคนอย่างเด็ดขาด”
ฝั่งตรงข้ามตกเข้าสู่ความเงียบสนิทไปหมด
จิ่งหนึงก็ไม่รีบร้อนเช่นกัน ยืนอยู่ที่นั่นรอ อย่างช้าๆ
ผ่านไปประมาณครึ่งนาที ในที่สุด โหงก็ เอ่ยปาก
“ได้! ตกลง ผมจะไปพูดกับพวกเขา แต่ว่า สําเร็จหรือไม่ เรื่องนี้ผมไม่กล้ารับรอง
จิ่งหนิงยกริมฝีปาก “งั้นก็รบกวนลุงมู่แล้ว”
วางสายลง จิ่งหนิงหันหน้า จ้องมองไปยัง ไม่หนานที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าบึ้งถลึงตามอง ตนเอง
เธอยักคิ้วเล็กน้อย “ดึกขนาดนี้แล้ว คุณ ทําไมยังไม่ได้กลับห้องตัวเองไปนอนล่ะ? นั่งอยู่ที่ นี่หาไมหรือ?”
โม่หนานไม่พอใจพูดว่า “หนิงหนิง แกยก เรื่องขายแบบนั้นกับเขาได้ยังไงหรือ? แกอยาก จะได้อะไรนายท่านจะทำให้แกไม่ได้เลยหรือ? อย่าพูดถึงเพียงแค่หุ้น 10% ของจิ่งชื่อกรุ๊ป ถึง
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ