ผ่านไปสักพัก จึงส่งเสียง “พ่น” เสียง หัวเราะหนึ่งคํา
“คุณคิดว่ายังไงล่ะ?”
“ฉันหรือ?”
จิ่งเสี่ยวหย่าดูเหมือนประหลาดใจเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่ามู่ยั่นเจ๋อจะถามตนเองกลับ
เธอกัดริมฝีปากกัดแล้วกัดอีก เขินอายจน ปลายหูแดงระเรื่อกระจายขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียง เบาพูดว่า “ฉันย่อมหวังว่าจะได้แต่งานกับพี่ อา เจ๋อ โดยเร็วอยู่แล้ว ที่จริงแล้ว พวกเราอยู่ด้วยกัน ก็นานมากแล้ว……..
“ในเมื่อคุณอยาก งั้นก็แต่งเถอะ!”
ประโยคหนึ่งที่เรียบๆและเยือกเย็น ทำให้ จิ่งเสี่ยวหย่าตกตะลึงอย่างรุนแรง จากนั้นปลื้มปีติ มาก
“จริงหรือ? พี่ อาเจ๋อ คุณรับปากแล้วหรือ?”
มู่นั่นเจ๋อจ้องมองนอกหน้าต่างอย่างเย็นชา ท่ามกลางทิวทัศน์ยามค่ำคืน ความเจริญรุ่งเรืองที่ พลุกพล่านวุ่นวายอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่รู้ว่าเพราะ อะไร อยู่ดีๆก็มีความรู้สึกที่โดดเดี่ยวเดียวดาย มากเศร้าโมทดมากแบบหนึ่ง
ก็เหมือนมีไฟที่เผาอยู่ในใจกองหนึ่งมาโดย ตลอด อยู่ภายใต้การทดสอบอันยิ่งใหญ่ของเวลา ค่อยๆ สูญหายไปทีละนิดๆตามกาลเวลา
เขาพูดอย่างราบเรียบว่า “เป็นจริงอยู่แล้ว คุณตามผมหลายปีขนาดนี้ ทั้งยังเคยมีลูกกับผม แม้ว่าเด็กไม่อยู่แล้ว แต่ว่าผมก็จําเป็นต้องรับผิด ขอบคุณ ไม่ใช่หรือ?”
จิ่งเสี่ยวหย่าแทบจะดีใจจนร้องไห้
“พีอาเจอ ขอบคุณค่ะ ฉัน ฉันคิดว่า………
เธอสะอึกสะอื้นอยู่ แทบจะร้องไห้สะอื้นอยู่ ในใจ ผ่านไปนานมาก จึงพูดติดๆขัดๆว่า “ฉันคิด ว่าผ่านเรื่องมากมายขนาดนี้ คุณจะไม่ชอบฉัน แล้ว ไม่รักฉันแล้ว ยิ่งจะไม่แต่งงานกับฉันแล้ว อีก ทั้งตอนนี้……….ตอนนี้ฉัน
มู่ยั่นเจ๋อดึงมุมปากดึงแล้วดึงอีก
“ไอ้โง่ จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ? ถึงแม้ว่าคนทั้ง หลายล้วนยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคุณ ผมก็จะอยู่ ข้างๆเป็นเพื่อนของคุณโดยตลอด ประคองพยุง คุณล่ะ!”
“พี่ อาเจ๋อ! ”
ในคืนนี้ สำหรับจิ่งเสี่ยวหย่ามากล่าวแล้ว ก็ เหมือนดั่งฝันที่งดงามและสลายง่ายฉากหนึ่ง
หลังจากผ่านไปนานมาก ตอนที่เธอนึกขึ้น มาอีกครั้ง ก็รู้สึกหวาน นเช่นเดิม
เพียงแค่ไม่ว่าหวานชื่นขนาดไหน ฝันถึงที่ สุดก็เพียงแค่ฝัน ไม่ใช่สภาพจริง
ก็เหมือนดั่งแสงริบหรี่ที่ส่งมาจากขอบฟ้าที่ ยาวไกล ทั้งๆเป็นมายาเลื่อนลอยดีเลิศเกินจริง เธอกลับเห็นมันเหมือนดั่งฟางข้าว ช่วยชีวิตจับ ไว้อยู่ในมืออย่างแน่น
หลังจากรอเรือใบมากมายผ่านไปค่อย แบมือออกมาดู จึงพบเห็นว่าทั้งหมดเป็นเพียงแค่ ความปรารถนาแต่ฝ่ายเดียวของตัวเธอเองเท่านั้น
สิ่งเหล่านั้นที่ไม่ใช่สําหรับเธอ ไปจากเธอ
ไกลมานานแล้ว ฝันถึงที่สุดก็ต้องตื่น เพียงแค่เธอ
อาลัยอาวรณ์ความหวานชื่นในฝันมากเกินไป ไม่
ยอมตื่นขึ้นมาก็เท่านั้นเอง
มีความเห็นด้วยของมู่ยั่นเจ๋อ ตระกูลจิ่ง ติดต่อญาติที่อยู่ในบ้านถึงข่าวดีของคนทั้งสอง อย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน ก็โทรหาผู่โหงด้วยเช่นกัน ถึงยังไงวันหลังก็เป็นญาติกันจริงๆแล้ว นัดออกมา กินข้าวสักวัน เจอกันหน่อย ก็จะได้ปรึกษาเรื่อง งานแต่งของพวกรุ่นเด็กสักหน่อย
ยังไงก็ตาม แม้ว่าคนทั้งสองตอนนี้ยังไม่ได้จัดงานแต่งงาน แต่ห่างจากละครใหม่ปิดกล้อง ของจิ่งเสี่ยวหย่าก็ไม่นานมากเท่าไหร่เช่นกัน ถ้า จะจัดงานแต่งงานแล้วจริงๆล่ะก็ ต้องวางแผนล่วง หน้า
ตอนนี้ห่างไกลจากการปิดกล้องยังมีเวลา หนึ่งเดือน เวลาพอดีๆ
มู่โหงบอกตกลงเต็มปากในโทรศัพท์ ไม่ได้ พูดอะไรเลย แต่ว่าทันทีที่วางสาย หันหน้าก็ปิด หน้าคลุมหัวด่ามู่หั่นเจ๋อหนึ่งรอบ
“ในตอนต้นแกอยากจะเลิกกันกับจิ่งหนึ่ง อยู่ด้วยกันกับผู้หญิงคนนี้ ผมก็ไม่เห็นด้วย!ตอนนี้ แกดูสิเธอทําเรื่องอะไรไปอยู่หรือ? ชื่อเสียงเน่าถึง ขนาดนี้แล้ว แกก็ยังอยากจะแต่งงานกับเธอหรือ?
นี่แกคือแต่งสะใภ้คนหนึ่งเข้าบ้าน หรือว่า แต่งกับตัวก่อเรื่องคนหนึ่ง แต่งกับความหายนะ คนหนึ่งเข้าบ้านล่ะ?เพราะว่าเธอเฟิงหัวจึงขาดทุน ผมไม่ถือสาก็ได้ แต่ว่าให้เธอเป็นลูกสะใภ้ของเรา ตระกูลมู่ ผมไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด!”
มู่ยั่นเจ๋อนั่งอยู่บนโซฟา ก้มหัวอยู่ ให้เขาด่า อย่างตามใจ แม้แต่ประโยคเดียวก็ไม่โต้กลับ
รอเขาด่าเสร็จแล้ว จึงเงยหน้าจ้องมองเขา สีหน้าสงบพูดว่า “พ่อ ท่านสงบอารมณ์ก่อน ร่างกายเดิมทีก็ไม่ดีอยู่แล้ว ทำให้ตนเองโมโห ขนาดนี้ทําไมหรือ?”
“แก!”
มู่โหงยิ่งโมโหในทันที ยื่นมือออกไปจับ
หมอนข้างอันหนึ่งก็โยนไปยังเขา
“แกยังกล้าพูดหรือ? ถ้าไม่ใช่แกทำให้ผม โมโหครั้งแล้วครั้งเล่า ผมจะโมโหจนไม่สบาย หรือ?”
มู่ยั่นเจือปิดปากเงียบ รับหมอนข้างไว้อยู่ ข้างๆ
ผ่านไปสักพัก จึงเสียงราบเรียบพูดว่า “เรื่องงานแต่งงานผมรับปากไปแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ผม ติดเธอ ควรต้องให้เธอ”
“แกติดอะไรเธอหรือ? เรื่องที่แกทำเพื่อพวก เขาตระกูลจิ่งยังมากไม่พอหรือ? เธอนี่คือยัง อยากจะหมัดแกไว้สร้างกระแสล้างชื่อเสียงให้ ตนเองสะอาดล่ะ! แกยังตามใจเธอทำอย่างนี้จริงๆ หรือ? แถวางชื่อเสียงของพวกเราตระกูลมู่ไว้ ที่ไหนล่ะ?”
“พวกเราเป็นนักธุรกิจ ก็ไม่ต้องอาศัย อ เสียงหาเงิน………
“พูดอย่างสบายนะ!”
โหงเผชิญหน้ากับลูกชายคนนี้ แทบจะ
โมโหไปหมดจริงๆ เลย คิดแล้วคิดอีกพูดว่า “เรื่อง นี้แกถ่วงพวกเขาไว้ก่อน รับแต่ปากก็ได้แล้ว อย่า ให้โง่จนตอนนี้ก็ไปจดทะเบียนสมรส! ทะเบียนบ้านผมจะเก็บออกมา แกอย่าคิดที่จะถือไว้ ถ้าไม่ ได้จริงๆแล้ว แกก็เหมือนอย่างน้องสาวแก ไสหัว ไปที่ต่างประเทศเลย รอคิดให้ชัดเจนแล้วค่อย กลับมาอีก!”
พูดจบ มูโหงก็ไม่สนใจเขาอีก ลุกขึ้นกลับ ไปห้องนอนเลย
มู่ยั่นเจ๋อนั่งอยู่บนโซฟา นวดผมนวดแล้ว นวดอีก ไม่ได้พูด
วันรุ่งขึ้น ตระกูลจิ่งก็นัดเวลากับมู่โหง เรียบร้อยแล้ว ตอนเที่ยงกินข้าวอยู่ที่ โรงแรมเซ็ ยงเจว่
จิ่งเสี่ยวหย่ามาถึงเร็วกว่า เธอไม่ได้ขับรถ
เองเลย แต่นั่งคันเดียวกันกับหวังเสว่เหมย หยู
เหลียนกับจิ่งเซี่ยวเต๋อนั่งคันเดียวกัน
รถจอดอยู่ที่ลานจอดรถใต้อาคาร ก่อนลง จากรถ หวังเสวีเหมยดึงเธอไว้ ถามว่า “นักข่าว ล้านวางแผนเรียบร้อยหรือยัง?”
จิ่งเสี่ยวหย่าลังเลสักพัก พยักหน้าแล้วพยัก หน้าอีก
หวังเสวีเหมย จึงพอใจ ต่อจากนั้นก็ถอน หายใจอีกหนึ่งที
“นี่ฉันก็คือไม่มีทางเลือกเช่นกัน เมื่อคืนฉัน ได้ยินน้ำเสียงของลุงมู่แก ดูเหมือนไม่ค่อย กระตือรือร้นต่อเรื่องนี้ขนาดนั้นเลย ฮึ! คนอย่างเขานี้ ฉันยังถือว่าเข้าใจ
แต่ก่อนเห็นแก่แกตั้งครรภ์ลูกของมู่หั่นเจ๋อ ยังถือว่าดีต่อแก แต่ตั้งแต่ลูกไม่อยู่แล้ว แทบจะไม่ ได้เอ่ยถึงเรื่องงานแต่งงานของพวกแกเลย ฉันก็ คือกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจเช่นกัน ดังนั้นจึงเตรียม ฉากนี้วันนี้ แกสามารถเข้าใจถึงความรู้สึกเหนื่อย ยากลําบากใจของคุณย่าไหม?”
จิ่งเสี่ยวหย่ากัดริมฝีปากไว้ พยักหน้า เสียง อ่อนพูดว่า “ขอบคุณคุณย่า ฉันล้วนเข้าใจ
“อืม แกเข้าใจก็ดีแล้ว อีกสักครู่ทําตัวดีๆ หน่อย อย่าทําให้ย่าขายหน้า”
“ฉันรู้แล้ว”
ลงจากรถ คนทั้งหลายเข้าไปในลิฟต์ เดิน ไปยังห้องพิเศษที่จองไว้แล้ว
มู่ยั่นเจ๋อกับจู่โหงคือรีบเข้ามาตามเวลากิน ข้าว ทันทีที่เข้าประตู ก็กระตือรือร้นจับมือกับจิ่ง เซี่ยวเต๋อและนายหญิง
“ไอ้หยะ ขอโทษจริงๆนะ บริษัทเกิดเรื่อง ด่วนฉุกเฉิน มาสายแล้วนายหญิงอย่าต่อว่าเลย
หวังเสว่เหมยยิ้มอ่อนโยนพูดว่า “อย่าพูด อย่างนั้นล่ะ? อีกไม่นานก็เป็นญาติกันแล้ว ประธานมู่ ก็ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ ล้วนไม่ใช่คน นอกใดๆ ทุกคนตามความสบายใจหน่อยก็ดี”
โหงยิ้มเบิกบานตอบรับ คนทั้งหลายนั่ง
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ