เด็กผู้หญิงคนนี้ เธอรู้จัก
เป็นหนึ่งในผู้ช่วยของจิ่งเสี่ยวหย่า เหมือน จะชื่อเสียวขย
เด็กผู้หญิงคนนี้อายุยังน้อย ดูท่าทางน่าจะ ไม่เกินสิบเจ็ดสิบแปดปี ปกติจะคอยตามหลังจึง เสี่ยวหย่า ได้แต่คอยขานรับ ค่ะ ค่ะ ค่ะ อย่าง เดียว แต่ไม่อยู่ในสายตา
ที่จิ้งหนิงจําเธอได้ ก็เป็นเพราะก่อนหน้านี้มี ครั้งหนึ่ง เธอไปที่สตูดิโอเพื่อหาศิลปินของตัวเอง บังเอิญไปเห็นจิ้งเสี่ยวหย่ากำลังทุบตีดุด่าเธอ พอดี
น่าจะเป็นตอนที่กำลังยกน้ำมา แล้วไม่ทัน ระวังเลยทําน้ำหกใส่เสื้อผ้าของอีกฝ่าย ตอนนั้น จึงเสี่ยวหย่าตบหน้าเธอไปหนึ่งที
สาวน้อยเสียใจอย่างมาก กลั้นน้ำตาไว้ เอา มือจับหน้า ไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
ตอนนั้นจึ่งหนิงรู้สึกทนไม่ได้ แต่ยังไงก็เป็น เรื่องของคนอื่น เธอไม่ใช่แม่พระ เลยไม่ชอบไป ยุ่งเรื่องของคนอื่น ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป
แต่เป็นเพราะเรื่องนี้ เลยทำให้เธอจําสาว น้อยคนนั้นได้ดี
จิ่งหนิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อยให้เธอ เสี่ยว บรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอ กับจิ่งเสี่ยวหย่า ดังนั้นเลยมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคาย ไม่ออก
แต่เมื่อเห็นท่าทีที่อบอุ่นของเธอ ไม่ได้แสดง ท่าทางจําบากใจ เลยแอบถอนหายใจออกมา อย่างโล่งอก
ผ่านไปราวครึ่งนาที จึงเสี่ยวหย่าก็เดินมา อย่างนวยนาด
ตอนที่เห็นทั้งสองคนที่อยู่ในลิฟท์ เธอก็อึ้ง ไปเล็กน้อย ราวกับรู้สึกคิดไม่ถึง จากนั้น ก็ยิ้ม อย่างอ่อนโยนออกมา
“พี่คะ ที่แท้ก็เป็นพี่เองเหรอ จะไปร้าน
อาหารเหมือนกันเหรอคะ?”
จิ่งหนิงปรายตามองเธอ แต่ไม่ตอบอะไร แสดงให้เห็นว่าไม่อยากสนใจเธอ
สวี่เจียยู่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเธอ ทั้งสองคน และก็ไม่กล้าถามอะไรมาก แต่ยังคง แสดงความเคารพต่อรุ่นพี่ตามมารยาท เลยรีบ ทักทายจิ้งเสี่ยวหย่า
จึงเสี่ยวหย่าพยักหน้าให้เขา ทั้งสองคนเข้า มาในลิฟท์ แล้วเสียวขุยก็ยืนอยู่ด้านหลังเธอเงียบ บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ
กองถ่ายได้เหมาห้องเอาไว้สองชั้นคือชั้นที่ สิบสองและสิบสาม ระหว่างนั้นลิฟท์หยุดสองครั้งผ่านไปไม่นาน ก็มาถึงที่สอบบี้
น่าจะเป็นเพราะรู้สึกถึงบรรยากาศที กระอักกระอ่วน เมื่อถึงชั้นหนึ่ง ก็ได้พบกับนัก แสดงชายอีกสองคนที่กำลังรอคนอยู่ที่ล็อบบี้ พอดี สวี่เจียมู่เลยเอ่ยทักทายพวกเขา และไม่ได้ ไปด้วยกันอีก แต่เปลี่ยนไปเดินกับพวกนักแสดง ชายแทน
เมื่อเป็นอย่างนี้ เสี่ยวยนอกจากตามหลัง อยู่เงียบ ๆ อย่างไม่มีตัวตนแล้ว เพื่อนร่วมทางก็ เหลือเพียงจิ้งหนิงและจิ่งเสียวหย่า
ร้านอาหารอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมนัก ประมาณเจ็ดแปดร้อยเมตร เดินไปไม่ถึงสิบนาที
จิ่งหนิงเดินเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อน จึงเสี่ยวหย่า มองเธอแล้วพูดขึ้นมา : “พี่คะ พี่รู้ไหมว่าเมื่อบ่าย วันนี้ ทําไมคนพวกนั้นเลือกสัมภาษณ์แค่ฉัน แต่ ไม่สัมภาษณ์พี่?”
จิ่งหนิงยังคงไม่พูดอะไร จิ่งเสี่ยวหย่าเลย หัวเราะเยาะเย้ยออกมาเบา ๆ
“เพราะทุกคนต่างเข้าใจดี ถึงแม้ว่าเรื่องนี้พี่ จะเป็นตัวหลัก แต่ในความเป็นจริงตัวหลักก็คือฉัน แม้ว่า จะแย่งบทนางเอกของเรื่องนี้จากฉันไป แล้วยังไงล่ะ?”
“คนพวกนั้นก็ยังคงเห็นพี่เป็นแค่นักแสดง หน้าใหม่ที่ไม่มีค่าอะไรเลย ก็แค่เห็นแก่ความมีชื่อเสียงของฉัน ถึงได้ให้ความสนใจ เล็กน้อย สัมภาษณ์อะไร สักหน่อย”
“ไม่อย่างนั้น ถึงแม้ว่า จะเป็นนักแสดงตัว หลัก ก็คงได้แค่นั่งหงอยไร้ตัวตนอยู่ด้านข้างแค่ นั้นแหละ ไม่ต่างอะไรกับพวกกลุ่มนักแสดง ตี๋าต้อยพวกนั้น”
จิ่งหนิงหยุดเดิน
หันหน้าไปมองเธอ ทําท่าเหมือนจะยิ้มแต่ก็
ไม่ยิ้ม
“อ๋อ งั้นเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ ความจริงก็เห็น ๆ กันอยู่ตรงหน้า
อยู่แล้วนี่?”
จิ่งหนิงค่อย ๆ ยิ้มออกมา
แต่แฝงด้วยท่าทีเย้ยหยันอย่างไม่แยแส
“เมื่อนานมาแล้ว ฉันเคยได้ยินมาว่าโลกใบ นี้มีคนประเภทหนึ่งที่มีนิสัยและความชอบในการ ทําตัวแปลก ๆ ฉันยังเคยคิดว่า ก็คงเป็นแค่ แมลงวันที่ชอบทําให้คนอื่นรำคาญ แต่กลับคิดไม่ ถึงว่าบินจนถูกไล่แล้วก็ยังมั่นใจภูมิใจในตัวเอง ขนาดนี้ ช่างทำให้คนได้เปิดหูเปิดตาจริง ๆ เลย
จิ่งเสี่ยวหย่าตกตะลึง เมื่อเข้าใจในความ หมายที่เธอพูด ก็โมโหขึ้นมาทันที
” “แก!
“อ้อ จะแนะนําอะไรเธอสักอย่างนะ ได้รับ น่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่รักษาเอาไว้ไม่ได้ต่างหาก ถึงจะทําให้คนหัวเราะเยาะเอาได้
ตอนนี้สิ่งที่เธอมีทุกอย่างนั้น หวังว่าเธอจะ สามารถรักษามันไว้ได้อย่างดี เพราะอีกไม่นาน สิ่งของเหล่านี้ก็จะไม่ใช่ของเธอแล้ว!
ถึงตอนนั้น หวังว่าเธอยังสามารถหยิ่งผยอง อวดดีได้เหมือนอย่างวันนี้นะ”
แกหมายความยังไง?”
ฉันหมายความว่ายังไงเธอก็รู้ดีแก่ใจ จิ่ง เสี่ยวหย่า นางเอกของเรื่องนี้เป็นเพียงแค่การเริ่ม ต้น ต่อไป ทุกสิ่งที่ไม่ควรจะเป็นของเธอ ฉันจะ เอามันกลับมาทีละอย่าง ทีละอย่าง! เธอเตรียมตัว ไว้ให้ดีแล้วกัน คอยต้อนรับมรสุมที่กำลังจะมาถึง เถอะ!”
“จิ้งหนิง ! แกกล้า…….
“เหอะ!”
จิ่งหนิงแสยะยิ้มเยาะเย้ย ราวกับเย้ยหยัน ในความไม่ประมาณตนเองของเธอ จากนั้นก็ไม่ สนใจเธออีก แล้วหันตัวเดินออกไปด้านนอก
จึงเสี่ยวหย่าโกรธจนหน้าเขียว จ้องมอง ด้านหลังเธอ แต่ก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ
เธอกํามือจนแน่น ผ่านไปสักพักใหญ่ ถึงได้ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเก็บอารมณ์โกรธเอาไว้ในใจ จากนั้นก็เดินตามออกไปด้านนอก
การรับประทานอาหารคาด้วยกันถือว่าเป็น ไปอย่างราบรื่น หลินซูผ่านหลายปีมานี้ไม่มี โอกาสได้แสดงความสามารถของตัวเองมาโดย ตลอด ครั้งนี้ไม่ง่ายเลยที่จะหาคนลงทุนได้ ได้ สร้างทีมของตัวเองขึ้นมาได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ทําให้เขาดีใจมากเป็นธรรมดา
ในเมื่อดีใจ ในงานเลี้ยงก็ต้องดื่มมากอย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว จิ่งหนึ่งในฐานะที่เป็นนัก แสดงหลักของเรื่อง ก็ดื่มตามไม่น้อย
เธอคอแข็งพอสมควร ครั้งก่อนที่ดื่มกับลู่วิ่ง เซ็นแค่แก้วเดียวก็เมานั้น เป็นเพราะเหล้าที่ลู่วิ่ง เข็นเอามามันต่างกัน
ฉะนั้น ถึงแม้วันนี้จะดื่มไปครึ่งขวดเล็กแล้ว ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเมา
ส่วนหลินซูฝาน ดื่มไปเยอะมาก งานเลี้ยง เพิ่งผ่านไปครึ่งทาง ก็หน้าแดงแจ๋ ดูท่าทางเมา แล้ว
จิ้งหนิงออกไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างทางที่ กลับมาก็ได้พบกับเขาเข้าพอดี
หลินซูฝานที่ดื่มเหล้าจนเมา ทําให้ท่าทาง โอห้งและเย็นชาในช่วงเวลาปกติของเขาแทบไม่ เหลือให้เห็น ได้แต่ยิ้มแฉ่ง ดูเป็นกันเองทำให้คน เข้าถึงได้ง่าย
จิ่งหน่งพูดคุยกับเขาพลางเดินกลับไปที่ ห้องอาหารพร้อมกัน
“ยินดีกับผู้กํากับหลินด้วยนะคะ ละครเรื่อง นี้ถ้าหากสามารถถ่ายทําจนเสร็จได้อย่างราบรื่น ก็ถือว่าได้สมหวังในสิ่งที่คุณปรารถนาแล้ว”
หลินซูผ่านพยักหน้า จากนั้นก็ยิ้มแล้วเอ่ย พูด : “ต้องขอบคุณเธอมากนะ ถ้าหากไม่ได้พบ เธอ ฉันก็คงไม่ตัดสินใจเริ่มถ่ายทําเร็วอย่างนี้ หรอก”
จิ่งหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ยิ้มหวานออกมา เล็กน้อย “พูดตามตรง ที่จริงฉันรู้สึกเหนือความ คาดหมายมากที่คุณเลือกฉัน ฉันเป็นนักแสดง หน้าใหม่ที่ไม่เคยเล่นละครมาก่อนเลย ผลงาน เรื่องนี้สำคัญสําหรับคุณมาก คุณไม่กลัวว่าฉันจะ ทําลายชื่อเสียงของคุณเหรอ?”
คิดไม่ถึงว่า หลินซูฝานจะมีสีหน้าเคร่งขรึม ขึ้นมา แล้วส่ายหน้าอย่างจริงจัง
“เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันเชื่อมั่นในการมอง คนของฉัน เธอคือคนที่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ไม่มีทาง ผิดพลาดแน่นอน”
จิ่งหนิงอึ้งเล็กน้อย รู้สึกตกใจอยู่บ้าง
คำพูดนี้เธอได้ยินเป็นครั้งที่สองแล้ว คนที่ พูดเป็นคนแรกก็คือลู่หยื่นจือ
เพียงชั่วครู่ เธอก็ถอนสายตากลับ แล้วค่อยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ผู้กำกับหลินพูดเกินไปแล้วล่ะค่ะ” “ไม่หรอก ที่ฉันพูดเป็นความจริง”
ในขณะที่หลินซูผ่านกำลังพูดอยู่ ทันใดนั้น ก็เดินซวนเซ แล้วเอนล้มลงไปด้านหน้า
จิ่งหนิงตกใจ รีบยื่นมือไปคว้าเขาเอาไว้ ทันที
หลินซูผ่านก็ใช้มือข้างหนึ่งค้ำกำแพงเอาไว้ ได้ เลยทำให้ตัวเองไม่ได้ล้มลงกับพื้น
เขาหัวเราะออกมาอย่างเขินอาย “ดีใจมาก เลยดื่มเยอะไปหน่อย ขอโทษด้วยนะ ทำให้เธอ หัวเราะเยาะเอาได้
จิ่งหนิงถอนหายใจ ดึงมือกลับมา ยิ้มแล้ว ส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่พรุ่งนี้ยังต้องทำงาน ผู้ กำกับหลินยังไงก็ดูแลสุขภาพหน่อยนะคะ”
หลินซูผ่านพยักหน้า จากนั้นเดินต่อไปอีก นิด ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก แล้วเดินเข้า ห้องอาหารไป
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ