วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 179 ให้สัมภาษณ์



นักข่าว กรูกันเข้ามาราวกับน้ำไหล ได้ตาม เข้ามาจนได้

“คุณจิ่ง คุณไม่ตอบคําถามพวกเราเลยขอ

ถามหน่อยว่าคุณกลัวคนอื่นรู้ความจริงใช่ไหม?”

“ได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ของคุณกับพี่สาว ของคุณไม่ดีนัก ครั้งนี้กลับต้องมาร่วมแสดงละคร เรื่องเดียวกัน เป็นเพราะบริษัทจัดการหรือคุณ เต็มใจด้วยตัวเอง?”

“ในฐานะนักแสดงยอดนิยมที่โด่งดังมาห้าปี แล้ว ได้รับบทนางเอกมาโดยตลอด ครั้งนี้กลับ เป็นเพียงตัวประกอบให้นักแสดงหน้าใหม่ คุณ รู้สึกยังไงบ้างครับ?”

บรรดานักข่าวถามจี้จุดไม่หยุด แต่ละคน เข้าประชิดตัวจึงเสี่ยวหย่า

รอยยิ้มบนใบหน้าของจิ่งเสี่ยวหย่าชะงักไป ชั่วครู่ แต่ไม่กี่วินาทีก็กลับมาเป็นปกติ

เธอพูดออกมาอย่างยิ้ม ๆ ว่า : “พวกคุณถาม รวดเดียวหลายคําถามขนาดนี้ แล้วฉันต้องตอบ อันไหนก่อนล่ะ?”

กลุ่มคนตกอยู่ในความเงียบทันที ทุกคน ต่างมองหน้ากันไปมา ยังไม่ทันจะตั้งสติได้ ก็ได้ ยินเสียงนุ่มนวลสงบนิ่งของเธอขึ้นมาอีกครั้ง
“ก่อนอื่น สําหรับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ฉันต้องขอโทษทุกคนไว้ ณ ที่นี้ด้วย แต่เป็นเพราะ เรื่องภายในครอบครัว ดังนั้นไม่สะดวกที่จะพูดกับ ทุกคนได้อย่างตรงไปตรงมา หวังว่าทุกคนจะ เข้าใจนะคะ

เมื่อเธอเอ่ยปากพูด กล้องมากมายได้หันมา จับภาพใบหน้าเธอทันที แสงแฟลช”แชะ ” ขึ้นไม่หยุด

รอบ ๆ นั้นเงียบมาก ไม่มีใครพูดอะไร ทุก

คนต่างจับจ้องเพ่งเล็งไปที่เธอ

จิ่งที่เห็นเหตุการณ์นี้ ก็หัวเราะเยาะ ออกมาเบา ๆ

จึงเสี่ยวหย่าพูดต่อ : “ต่างพูดกันว่า ข้าราชการที่สุจริตก็ยากที่จะตัดสินเรื่องราวใน ครอบครัวได้ จะผิดหรือถูกยังไง ฉันก็ไม่สะดวกที่ จะพูดอะไรมากไปกว่านี้ ในส่วนที่ว่าทำไมฉันถึง รับแสดงละครเรื่องนี้ เกณฑ์การรับเล่นละครของ นักแสดง ไม่ใช่อยู่ที่บทละคร แต่เป็นลำดับของ นักแสดงอย่างนั้นหรอกเหรอ? ถ้าหากทุกคนคิด ว่าเป็นอย่างนั้น ก็กรุณายกโทษให้ฉันด้วย ที่ฉัน ไม่สามารถเห็นด้วยอย่างนั้น

ฉันคิดว่า ในฐานะนักแสดง ตอนที่เลือก บทบาทนั้น ต้องคำนึงว่าชอบหรือไม่ชอบบทบาท นี้ ชอบหรือไม่ชอบบทละครนี้ ส่วนเรื่องอื่นนั้น เป็นเรื่องของทีมงานและผู้ชม
และอีกอย่างหนึ่ง ฉันไม่เคยคิดว่า การรับ บทเป็นนางรองในละครเรื่องนี้จะทำให้ฉันรู้สึก น้อยใจอะไรเลย เพราะอันดับแรกหากไม่พูดถึง เรื่องบทบาทและบทละคร แต่นางเอกของเรื่องนี้ เป็นพี่สาวของฉัน ยังไงฉันก็ต้องร่วมแสดงละคร เรื่องนี้อยู่แล้ว

อาจเป็นเพราะทุกคนได้ยินข่าวลือก่อนหน้า นี้ เลยเข้าใจผิดในความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่ สาว แต่ในความเป็นจริง เรื่องของคนใน ครอบครัว ก็เหมือนคนดื่มจะร้อนหรือเย็นก็รู้ ได้เอง

ฉันรู้สึกว่าพวกเราไม่จําเป็นต้องไปอธิบาย อะไรให้คนนอกรู้ หรือยอมรับอะไร มิตรภาพที่มี ให้กันมาตั้งแต่เด็กจนโต ก็ไม่ใช่จะพังทลายลงได้ ง่าย ๆ เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเรื่องสองเรื่อง หรอกนะคะ

ดังนั้น ในเมื่อพี่สาวอยากเป็นนักแสดง ใน ฐานะที่ฉันเป็นน้องสาวก็ต้องสนับสนุนอย่างเต็มที่ อยู่แล้ว ฉันเชื่อว่าเรื่องนี้ถ้าหากเกิดขึ้นกับพวก คุณสักคน พวกคุณก็ต้องตัดสินใจทำเหมือนกัน กับฉัน

ส่วนที่ฉันไม่ตอบกลับอะไรเลย ตั้งแต่ต้นจน จบ ฉันคิดว่า เรื่องความรู้สึกระหว่างพวกเรา มี เพียงตัวพวกเราเองที่รู้ดี ต่อให้ฉันเลือกที่จะออก มาพูดอะไรมากมาย แต่กับคนที่ไม่ยอมเชื่อไม่ว่ายังไงก็ไม่เชื่ออยู่ดี แต่คนที่เชื่อในฉัน ตั้งแต่เริ่ม แรกก็จะไม่สงสัยในตัวฉันเลย

โอเคนะคะ เรื่องอื่นฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด แล้ว หวังว่าทุกคนจะให้ความสนใจกับผลงานนะ คะ! ขณะเดียวกันก็ขอเชิญทุกคนคอยชมผลงาน ที่พวกเราสองพี่น้องแสดงร่วมกันเป็นครั้งแรก ฉัน เชื่อว่าสามารถจุดประกายที่แตกต่างกันออกมา อย่างแน่นอน ขอบคุณทุกคนมากค่ะ!”

จิ่งเสี่ยวหย่าพูดออกมารวดเดียว ด้วยน้ำ เสียงนุ่มนวล ท่าทีดูใจกว้าง เรียกได้ว่าสวยงาม มาก!

บรรดานักข่าวที่ยื่นไมค์สัมภาษณ์กับถือ กล้องถ่ายรูปต่างพากันงงงวย คิดไม่ถึงว่า สุดท้ายแล้วจะตอบกลับออกมาอย่างนี้

แต่ไม่ว่าจะตอบกลับยังไง เพียงแค่ได้ตอบ ออกมา ก็เป็นประเด็นข่าวร้อนแล้ว

ยังคงมีการถ่ายภาพไม่หยุด จนกระทั่งมี กล้องย้ายไปจับภาพของจิ่งหนึ่งที่ยืนอย่างเจียม เนื้อเจียมตัวอยู่ด้านหลังของผู้กำกับ แสงแฟลช จากกล้องแทบจะทําให้คนตาพร่ามัว

หลินซูฝานคิ้วขมวดขึ้นมา

แล้วหันไปกำชับกับพนักงานที่อยู่ข้าง ๆ ผ่านไปสักครู่ ก็มีคนออกไปประกาศว่าการ สัมภาษณ์สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ นักแสดงต้องเข้าสตูโอเพื่อเริ่มถ่ายทําแล้ว

ถึงตอนนี้ บรรดานักข่าวทั้งหลายจึงกลับไป

เมื่อในสตูดิโอเสียงเงียบลง หลินซูผ่านก็ได้ สั่งให้คนนำนักแสดงไปยังที่พักก่อน หลังจาก จัดแจงอะไรเรียบร้อยแล้ว ก็มาร่วมทานมื้อคา ด้วยกัน พรุ่งนี้เช้าเริ่มการถ่ายทำฉากแรกอย่าง เป็นทางการ

ที่พักเป็นโรงแรมสามดาวแห่งหนึ่ง สภาพ แวดล้อมธรรมดา ๆ อยู่ใกล้กับกองถ่ายที่เจริญ รุ่งเรือง ไม่ถือว่าเป็นสถานที่ที่ดีเท่าไหร่นัก

แต่งบประมาณของกองถ่ายนั้นมีจํากัด ตอนนี้จึงทำได้เพียงเท่านี้ ยังดีที่สะดวกตรงที่ ได้ เหมาห้องทั้งหมดเอาไว้สองชั้น จึงค่อนข้างที่จะ ปลอดภัย

จิ่งหนิงเป็นนางเอก ห้องที่ได้นั้นจึงไม่ค่อย แย่เท่าไหร่นัก

ตอนนี้เธอไม่มีผู้ช่วยคอยติดตาม โม่หนาน สองวันนี้มีธุระจึงไม่ได้ตามมาด้วย น่าจะต้องรอ อีกสักสองสามวันถึงมาที่นี่ ดังนั้นทุกอย่างจึงต้อง จัดการด้วยตัวเอง

เธอได้จัดข้าวของก่อนสักครู่ จากนั้นก็ส่ง ข้อความหาลู่วิ่งเซิน เพื่อบอกเขาว่าตัวเองสบายดี หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ถึงได้ถือ กระเป๋าออกจากห้องไป
ขณะที่ออกจากห้อง ก็เป็นช่วงเป็นเวลาห้า โมงครึ่งแล้ว

เวลาที่ร่วมทานอาหารกันนัดไว้หกโมงเย็น สถานที่ก็คือในร้านอาหารกวางตุ้งที่อยู่ติดกับกอง ถ่าย

จังหน่งเพิ่งกดลิฟท์ ก็มีเสียงเรียกมาจาก ด้านหลัง ” หนิงหนิง” เธอหันกลับไป เห็นสวีเจียมวิ่งยิ้มแฉ่งมา ทางนี้

เจ้าเด็กคนนี้วันนี้สวมชุดสบาย ๆ สีขาวทั้ง ตัว ทรงผมจัดแจงจนเนี้ยบมาก ดูหล่อใสมาก เต็ม ไปด้วยพลังสดใสมีชีวิตชีวา

จิ่งหนิงประทับใจเขาอยู่ไม่น้อย เธอยิ้มออก มาแล้วเอ่ยพูด “ไปร้านอาหารเหรอ?” “ครับ ใกล้ถึงเวลาแล้ว ไปถึงเร็วหน่อยก็ดี

ผมกลัวผู้กำกับและคนอื่น ๆ ไปถึงก่อนแล้วต้อง

รอครับ” เขาเอ่ยพูด พลางเกาห้วอย่างเขินอายเล็ก

น้อย

จิ่งหนิงยิ้มแล้วพูดขึ้นมา : “ดูไม่ออกเลยว่า จะมีเหตุผลขนาดนี้!”

สวีเจียยู่อายุน้อยกว่าเธอสองปี นิสัยเฉลียว ฉลาดน่ารัก เธอรู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนน้องชายคน หนึ่ง
จึงเอ่ยเดือนอย่างระมัดระวัง แต่ผู้กำกับ หลินในบางเรื่องน่าจะไม่ได้เรื่องมากอะไรขนาด นั้น เพียงแต่ตอนถ่ายละคร จะเข้มงวดขึ้นมาสัก หน่อย”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ สวี่เจียมก็พยักหน้า

ผมได้ยินมาว่า นักแสดงที่ถ่าย MV ก่อน ” หน้านี้ ถูกเขาสั่งสอนจนร้องไห้เลย พูดตามตรง ที่ จริงผมยังค่อนข้างกังวลอยู่ ผมไม่เคยถ่ายละคร อะไรมาก่อน ประสบการณ์ก็มีไม่มากนัก ไม่รู้จะ สามารถแสดงออกมาได้ดีไหม

จิ่งหน่งครุ่นคิด จากนั้นก็ให้กำลังใจเขา “ไม่ เป็นไรหรอกน่า เพียงแค่พยายามให้ดีที่สุด เชื่อว่า ต้องสามารถแสดงออกมาได้ดีแน่นอน ต่อให้ แสดงออกมาไม่ดีก็ยังมีฉันที่แย่กว่านายอีกนะ นายยังดีที่จบด้านนี้มาโดยตรง แต่ฉัน ยังใหม่ใน วงการและไร้ประสบการณ์ของจริง ฉันยังไม่กลัว เลย แล้วนายจะกลัวอะไร”

สวี่เจียมู่รู้สึกขบขันที่เธอพูด จึงรู้สึกเบาใจ ขึ้นเยอะเลย

“จะว่าไปก็ใช่อยู่นะ แต่พี่ก็ไม่ต้องเป็นกังวล ไปนะครับ ถึงตอนนั้นถ้าหากมีอะไร ผมจะช่วยพี่ เอง พวกเราสู้ไปด้วยกัน ต้องทำออกมาได้ดี แน่นอน”

จิ่งหนึ่งยิ้มพลางพยักหน้า
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่ เสียง ประตูลิฟท์เปิดก็ดังขึ้น “ตั้ง”

สวีเจีย คอยขวางประตูให้เธออย่างสุภาพ บุรุษ หลังจากรอให้จิ้งหนังเข้าไปก่อน เขาถึงได้ เดินตามเข้าไป

ขณะที่สายตาเห็นประตูลิฟท์กำลังปิดลง ทันใดนั้น ด้านนอกก็มีเสียงร้องเรียกดังขึ้นมา “รอเดี่ยว!”

จากนั้น ก็เห็นเด็กสาวคนหนึ่งใบหน้าดูหน่อ มแน้ม รีบเข้ามาขวางประตูที่กำลังจะปิดลง ท่าทางเธอน่าจะวิ่งมา ดูกระหืดกระหอบ เขียว เธอยิ้มให้กับจิ่งหนิงและสวีเจียมู่ แล้วเอ่ย “ขอโทษนะคะ รอสักครู่ ยังมีคนมาอีก”

สวีเจียมู่พยักหน้าให้อย่างเป็นมิตร แถมยัง น้ำใจช่วยเธอกดเปิดประตูลิฟท์จากด้านใน แต่จิ่งหนิงกลับเลิกคิ้วขึ้น ด้วยท่าทางขี้เล่น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ