วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 177 เธอโกรธแล้ว



ลู่จึงเชินยอมปล่อยซะที่ไหนล่ะ?

รู้ว่าเรื่องวันนี้ ได้จี้จุดผู้หญิงเต็ม ๆ ถ้าหาก เป็นคนไม่ดี อาจจะส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ ระหว่างทั้งคู่ได้

เขาเลยรีบถ่อมตัวลง แล้วพูดเอาใจ : “ที่รัก ฉันผิดไปแล้วจริง ๆ เห็นแก่ความผิดครั้งแรกของ สามี ให้อภัยฉันสักครั้งเถอะนะ! ”

จิ่งหนิงหัวเราะ เหอะ เหอะ” ออกมาโดยที่ สีหน้าไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย

ลู่วิ่งเซินรู้สึกเสียใจน้อยอกน้อยใจอย่าง มาก

ผ่านไปสักครู่ จิ่งหนิงเห็นเขาไม่ยอมปล่อย มือ เลยพูดออกมาอย่างหมดความอดทนว่า “ฉัน ไม่ถือสา นายหญิงหชินกับอานอานที่โกหกฉัน ฉัน เข้าใจว่านายหญิง ชินอยากทดสอบว่าฉันเป็น คนนิสัยยังไง เลยตั้งใจแสดงละครตบตาฉัน ฉัน ถึงขนาดไม่ถือสา นายหญิงหมิ่นใช้ความใจดี ของฉันเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของฉัน แต่ว่า!”

เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหันไปมองลู่ จิ่งเซินอย่างตั้งใจ เอ่ยพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันไม่ อนุญาตให้นายมาทําแบบนี้! เพราะการแต่งงานนี้เป็นนายที่ต้องการ และเป็นนายที่พูดว่าจะอยู่ด้วย กัน นายไม่เพียงไม่ห้ามปรามเธอ ยังช่วยเธอ มาปิดบังฉัน ฉันไม่รู้ว่านี่มันหมายความว่ายังไง แต่ฉันยอมรับไม่ได้”

ฉันให้อภัยเธอ เพราะเห็นว่าเธอเป็นคุณย่า “ ของนาย สำหรับฉันแล้ว ยังไม่ได้มีความรู้สึกที่ อีก งต่อกัน ไม่มีนายเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่จริงมันก็ ไม่ได้เป็นอะไรนักหรอก”

“ฉะนั้นฉันเลยไม่ค่อยสนใจว่าเธอจะมอง ฉันยังไง แต่กับนายมันไม่เหมือนกัน! ฉันคิดว่า พวกเราอยู่ด้วยกันมานาน นายน่าจะเข้าใจฉันดี ที่สุดว่าฉันเป็นคนยังไง ไม่น่ามาทําเรื่องอะไรไว้ สาระแบบนี้ แต่ที่จริงฉันกลับคิดผิด!”

“คนแบบพวกนาย มักจะเคยชินกับการดูถูก คนอื่นสินะ ยืนอยู่บนที่สูงส่ง คิดว่าจะทำอะไรกับ ใครยังไงก็ได้เหรอ?”

“เพียงเพราะรู้สึกว่าความสามารถและ สถานะของพวกนายเหนือกว่า เลยเคยชินกับการ มองข้ามความรู้สึกคนอื่นสึนะ ดังนั้นความสงสัย ของพวกนายเลยสําคัญมาก แต่ศักดิ์ศรีของคน อื่นกลับเป็นสิ่งของราคาถูกที่จะขว้างทิ้งยังไง ก็ได้สินะ?”

เมื่อจิ่งหนิงพูดจบ บรรยากาศก็ตกอยู่ใน ความเงียบงัน

ถึงแม้ว่าเธอจะกดเสียงให้เบาลง แต่ก็ยังสะเทือนไปถึงคนข้างหลัง เสียงในชั้นบรรยากาศ ได้กลบเสียงพูดของเธอ แต่ก็สามารถฟังออกว่า บรรยากาศไม่ปกติ

มีพนักงานต้อนรับเดินเข้ามา เอ่ยถามด้วย

ความเคารพว่า : “คุณผู้หญิงคะ คุณมีอะไรให้ช่วย

ไหมคะ?”

ขณะที่พูด ก็ได้มองด้วยความตักเตือนไป ยังผู้ชายที่อยู่ด้านข้าง

ลู่จิ่งเซ็น : “..….

จิ่งหนิงรู้สึกได้ว่าตัวเองรบกวนคนอื่นแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด เลยรีบส่ายหน้า ปฏิเสธ

“ไม่มีอะไรค่ะ ขอโทษนะคะ พวกเราเป็น สามีภรรยากัน มีปัญหากันนิดหน่อย ขอโทษด้วย จริง ๆ ที่ทะเลาะกันจนรบกวนพวกคุณ”

พนักงานต้อนรับเข้าใจแล้ว เห็นเธอพูด อย่างนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว เลยยิ้มออก

มา

“รับทราบค่ะ หากต้องการอะไรก็เรียกดิฉัน นะคะ”

จิ่งหนิงพยักหน้า ขอบคุณ ผู้คนรอบข้าง เห็นว่าไม่มีอะไร ก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก บรรยากาศ ก็ค่อย ๆ สงบขึ้นมา

ลู่วิ่งเซ็นไม่ได้พูดอะไรอีก
เขาหน้าเคร่งขรึม สีหน้าดูเคร่งเครียด ซึ่ง หนิงคิดว่าเขาจะโกรธที่ตัวเองโมโหใส่ แต่เมื่อเห็น เขาปล่อยมือที่จับขายเสื้อเธอออก ในใจก็ยิ่งรู้สึก โกรธเข้าไปใหญ่ เดิมทีเขาเป็นคนผิด จะให้เธอ ทําเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?

ดังนั้น เธอเลยยิ่งประชดหันตัวไปทางอื่น ไม่สนใจเขาอีก

เขาอยากโกรธก็โกรธไปเลย! ใครจะสน ล่ะ?

แต่ยิ่งคิดอย่างนี้ ในใจกลับยิ่งรู้สึกเจ็บปวด มันหมายความว่ายังไงกัน?

จิ่งหนิงหลับตาลง พยายามไม่สนใจเรื่องน่า น้อยใจและเรื่องเศร้าพวกนั้น

จนถึงเวลาเครื่องลง ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูด อะไรกันทั้งนั้น

เมื่อลงจากเครื่องบินแล้ว จิ่งหนิงก็ขึ้นรถ ทันที ลู่วิ่งเซ็นตามมาด้านหลังอย่างเงียบ ๆ คน ขับรถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ผิดปกติ เลยเอ่ย ถามอย่างระมัดระวัง “ท่านประธานครับ กลับ คฤหาสน์บ้านลู่ใช่ไหมครับ?”

ลู่วิ่งเซ็นพยักหน้า

เมื่อกลับถึงคฤหาสน์บ้านลู่ จิ่งหนิงก็เดินเข้า ห้องไปเลย แสดงให้เห็นว่าไม่อยากพูดอะไรกับ

เขาป้าหลิวรู้ว่าพวกเขากลับมาวันนี้ ก็รอ ต้อนรับทักทายด้วยความยินดี แต่เมื่อเห็นจิ้งหนัง หน้าบึ้งตึง เดินเข้าห้องไปโดยไม่พูดอะไร ก็รู้สึก งงงวยไปชั่วขณะ

เมื่อเห็นลู่จิ่งเซินที่เดินเข้ามาทีหลัง สีหน้าก็ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทันใดนั้นใจก็เต้นตึกตัก

สองคนนี้ทะเลาะกันเหรอเนี่ย?

เกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย?

ไม่ใช่ออกไปเที่ยวกันหรอกเหรอ? น่าจะมี ความสุขกันถึงจะถูกสิ

ป้าหลิวรู้สึกใจไม่ดี เลยเอ่ยถามด้วยความ เป็นห่วง : “คุณผู้ชาย คุณกับคุณผู้หญิง……… เป็นไรใช่ไหม?”

ลู่จิ่งเซ็นส่ายหน้า เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูด : “ไปเตรียมของมาให้ฉันหน่อยสิ”

ลู่จิ่งเซ็นสั่งของที่ต้องการให้ป้าหลิวไป เตรียมมา เมื่อพูดจบ ป้าหลิวก็ทําตาโต

สุดท้าย ก็เดินออกไปด้วยสายตาแปลก ประหลาด

ลู่จิ่งเซินหันตัวเดินขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบน แต่กลับคิดไม่ถึงว่า เมื่อใช้มือบิดประตู กลับ บิดเปิดไม่ได้ ประตูถูกล็อคจากด้านใน

เขาที่ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ สีหน้าก็ถมึงทึงขึ้นทันที

ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงตะโกนเรียกอย่างจําใจ “ที่รัก เปิดประตูหน่อยได้ไหม?”

ไม่มีเสียงตอบกลับจากด้านใน

เขาถอนหายใจอีกครั้ง “ที่รัก ฉันผิดไปแล้ว เธอจะตีจะด่าฉันยังไงก็ได้ แต่อย่าเมินเฉยใส่ฉัน อย่างนี้ได้ไหม?”

จิ่งหนิงยังคงเงียบ

ลู่จิ่งเซ็นจนปัญญาแล้ว คิดไปคิดมา ก็หมุน ตัวเตีนจากไป

ในห้องนอน

จิ่งหนึ่งนั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง ยังคงโกรธอยู่

เธอตัดสินใจแล้วว่าวันนี้จะไม่สนใจผู้ชาย คนนี้ ฉะนั้นเลยปล่อยให้เขาเคาะประตูเรียกอยู่ ด้านนอก ไม่ยอมเปิดประตูให้

คิดไม่ถึงว่าผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงด้านนอกก็ เงียบลง แล้วมีเสียงฝีเท้าดังแว่วออกไปไกลเข้า เรื่อย

จิ่งหนิงคิดอะไรขึ้นมาได้ เดิมทีหน้าที่บึ้งตึง

อยู่แล้ว ก็ยิ่งบูดบึ้งมากขึ้นไปอีก

ไอผู้ขายบ้า! ไอคนเลว!

กล้ามาโกหกเธอ ล้อเล่นกับเธอ ให้เธอหัว หมุนเป็นกบอยู่ในกะลา!
ตอนนี้แม้แต่คําขอโทษ ก็ไม่ได้จริงใจเลย

สักนิด!

มันน่าโมโหจริง ๆ

จิ่งหนึ่งยิ่งโมโห แต่เมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า แต่ละคนเห็นเธอเป็นตัวอะไรกัน?

การแต่งงานนี้ ไม่ใช่เธอเป็นคนอยากแต่ง สักหน่อย แล้วมีสิทธิ์มาสงสัยทดสอบอะไรเธอ ล่ะ?

นายหญิงหชินไม่เชื่อในตัวเธอ ก็ไม่เป็นไร เพราะก่อนหน้านี้ไม่รู้จักกัน ไม่ได้ใกล้ชิดกันมา ก่อน

แต่ลู่นิ่งเซ็นเอาแต่ปิดปากเงียบ ไม่ยอมพูด อะไรทั้งนั้น นี่ถึงทำให้เธอเสียใจที่สุด รู้สึกไม่ดี มากที่สุด!

จิ่งหนิงนั่งอยู่ตรงนั้นครูใหญ่ ยิ่งคิดก็ยิ่งเบื่อ ความรู้สึกน้อยใจเสียใจนั้น พรั่งพรูออกมาไม่ หยุดเหมือนน้ำในแม่น้ำฮวงโห ทำให้เธอยิ่งรู้สึก กลัดกลุ้มใจ

ในตอนนี้เอง ที่นอกหน้าต่าง อยู่ ๆ ก็มีแสงสี เงินสว่างขึ้น

จิ่งหนิงตกตะลึง ทันใดนั้น ก็เห็นมือข้างหนึ่ง ยื่นเข้ามาจากด้านข้าง แล้วเคาะหน้าต่าง

บ้าอะไรกันเนี่ย?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ