วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 1044 กลับไปด้วยกัน



บทที่ 1044 กลับไปด้วยกัน

โม่ไฉ่เวยได้ยินแล้วก็อดที่จะยิ้มออกมาอย่างยินดีไม่ได้

เธอมองดูท้องที่นูนออกมาเล็กน้อยของสิ่งหนึ่งและอดใจรอไม่ ไหวว่าลูกน้อยที่อยู่ในท้องของสิ่งหนึ่งคลอดออกมาแล้วจะเป็น อย่างไร

เธอเองก็ไม่มีลูกของตัวเอง ตอนนั้นลูกคนเดียวที่เธอมีก็ต้อง ตายไปเพราะอุบัติเหตุ

ดังนั้นถึงแม้จะมีจิ่งหนึ่งอยู่ข้างกายในตอนหลัง แท้จริงแล้ว เรื่องลูกนี้ สำหรับเธอแล้ว สุดท้ายก็ยังรู้สึกเสียใจอยู่

โชคดีที่ตอนนี้สิ่งต่าง ๆ ผ่านไปเธอเองก็ปล่อยวางแล้ว

หลังจากทั้งสองตกลงกันแล้วก็ช่วยกันเก็บของและไปหาเซว

เพื่อคุยเรื่องนี้

ก่อนที่จะเจอเซวซู จิ่งหนึ่งเจอกับลู่วิ่งเซินก่อนจึงบอกเขาเรื่องนี้

หลังจากลู่วิ่งเซินก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งหากไม่ไฉ่เวยจะกลับ ไปอยู่กับพวกเขา

ส่วนทางเซวซูนั้น ขอเพียงโม่ไฉ่เวยต้องการ เขาไม่มีทางที่จะไม่เห็นด้วยเมื่อคิดแบบนี้ทุกคนจึงไปหาเขาเมื่อเซวซูทราบเรื่องว่าไม่ไฉ่เวยต้องการจะตามวิ่งหนึ่งและพวกกลับประเทศ สีหน้าก็นิ่งลงเล็กน้อย

จิ่งหนิงพูดชักชวน: “แม่อยู่ที่นี่คนเดียว คุณก็อยู่เป็นเพื่อนท่าน ตลอดไม่ได้ สถานการณ์ของท่านก็ไม่เหมาะจะออกไปเจอเพื่อน คุณจะปล่อยให้ท่านเอาแต่นั่งอยู่ในบ้านเป็นรูปปั้นประดับบ้านก็ ไม่ได้ แบบนี้จะส่งไม่ดีต่อท่าน หนูรู้ว่าคุณอาเชวรักแม่ด้วยใจจริง ก็เลยเต็มใจที่จะดูแลท่านและเลือกสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับ ท่านมากกว่าใช่ไหมคะ?”

ต้องบอกว่าคำพูดของจิ้งหนึ่งนั้นโดนใจของเซวซูจริง ๆ

เขารักโม่ไฉ่เวยมากจริง ๆ ตั้งแต่แรกเห็นก็ตกหลุมรักเธอทันที

แต่น่าเสียดายที่ในตอนนั้นเธอแต่งงานกับคนอื่นแล้ว เมื่อรู้ว่า เธอมีสามีแล้ว เซวในตอนนั้นก็จิตตกอยู่นาน

แต่ต่อมา จับพลัดจับผลู โม่ไฉ่เวยถูกหวังเสวีเหมยและพวก

ระรานและเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เซวซูช่วยชีวิตเธอและพา

ออกนอกประเทศและครองคู่กันมา

ตั้งแต่นั้น ถึงแม้ว่าโม่ไฉ่เวยจะอยู่เคียงข้างเขาและเติมเต็ม จิตใจให้แก่เขา แต่เขาก็รู้ดีว่าลึก ๆ ในใจของโม่ไฉ่เวยยัง คงขาดหาย

เธอไม่ควรจะต้องติดตามตนเองเป็นคนที่อาศัยอยู่ที่นี่อย่าง โดดเดี่ยว เหมือนหอยทากที่ซ่อนตัวอยู่ในเปลือกหอย มองไม่ เห็นโลกภายนอก

เธอคือคนที่ควรอยู่ท่ามกลางแสงสี ต้องการความรักและชื่นชอบจากผู้คนมากมาย เธอต้องการที่จะมีลูกหลานรายล้อม ต้องการมีชีวิตแบบคนธรรมดาทั่วไปอย่างแท้จริง

แต่ไม่ใช่การต้องติดอยู่ที่นี่เหมือนหินมองตัว เฝ้ารอตนเอง กลับบ้าน ในทุก ๆ วันแล้วใช้ชีวิตที่น่าเบื่อหน่าย

เมื่อคิดแบบนี้ เซวซูจึงได้มีท่าทางที่อบอุ่น

เขามองไปที่จิ้งหนิงและพูดเสียงขรึม: “พวกคุณรับปากว่าถ้า หากเธอไป พวกคุณจะดูแลเธออย่างดีได้ไหม?”

“แน่นอนค่ะ” จิ้งหนึ่งใช้ความคิดและรับปาก “ฉันรับปากว่าจะ ดูแลแม่อย่างดี ที่สุดแล้วบนโลกนี้มีคุณที่รักท่าน ฉันก็ยิ่งรักท่าน พวกเราไม่มีต้องการจะทำร้ายแม่”

เซวซูพยักหน้า

จิ่งหนิงพูดขึ้นอีก: “ที่จริง ถ้าคุณอาเซวยินดีและกลับไปพร้อม กับพวกเรา ในประเทศไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทุนหรือสภาพ แวดล้อมที่เหมาะที่จะให้คุณมุ่งมั่นกับงานด้านการวิจัยทางการ แพทย์ แบบนี้คุณกับแม่จะได้ไม่ต้องแยกกัน และได้ทำสิ่งที่ ตนเองรัก ทําแบบนั้นจะไม่มีความสุขกว่าเหรอคะ?”

เซวซูยิ้มอย่างหดหู่และส่ายหน้า

“ช่างเถอะ ผมไม่ไปหรอก ยังมีงานอีกหลายชิ้นในห้องทดลอง ที่ยังไม่เสร็จสิ้น ถ้าผมไปงานพวกนั้นจะทำยังไงล่ะ? จะพูดไป…”

เขามองไปที่โม่ไฉ่เวยแล้วพูดอย่างเรียบเฉย: “พูดไปแล้ว หลายปีมานี้ผมติดค้างเธอ ผมเอาแต่คิดว่า ผมรักเธอ ดังนั้นจึงอยากให้เธอข้าง แต่กลับเคยรู้เลยแท้เธอต้องโดดเดี่ยวอยู่ข้างผมแบบสอบตกฐานะ

โม่ไฉ่เวยทนไม่ไหวจึงพูดขึ้นอะ อย่าคิดอย่างนั้น ไม่คุณ ตอนนั้นฉันคงมีชีวิตรอด จริง…”

เซวซูโบกมือไปเพื่อบอกว่าเธอจำเป็นต้องพูดอะไรแล้ว เขาหันหลังแล้วพูดเสียงขรึมเอาละ ในเมื่อแล้ว ไปพร้อมกันเลย ว่างเมื่อไหร่ผมหาพวกเอง

ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามอย่างที่สุดเพื่อแสร้งทำเป็นว่าเป็นคน ใจกว้างและเข้มแข็ง แต่ทุกที่ของเขา เขาความใจกว้างทั้งหมดนั้นก็เพียงเพื่อต้องการให้โมไฉ่เวย ต้องลำบากใจเท่านั้นหนิงขมวดคิ้วตอนนั้นเองจึงเซินได้พูดอะไรบางอย่าง

ไม่แบบเราประเทศไปพร้อมกันกว่า เรื่อง หน้านี้ หากโครงการไหนย้ายกลับไปได้ทำที่ให้เสร็จ หากย้ายกลับได้ก็รีบย้ายกลับประเทศและทำต่อให้สำเร็จ แบบคุณทั้งคู่ไม่ยิ่งความเหรอครับ?

เซวซู่ขมวดคิ้ว
ย้ายโครงการกลับประเทศ? พูดง่าย คุณรู้ไหมว่าโครงการ เหล่านั้นแต่ละโครงการใช้เงินแค่ไหน…”

“เงินไม่ใช่ปัญหาที่คุณจะต้องเป็นกังวลใจ ผมแก้ปัญหาได้ ถ้า หากคุณยินดี ผมจะสร้างห้องวิจัยขนาดใหญ่ให้คุณเหมือนกับ ห้องทดลองที่นี่ที่คุณมี คุณสามารถทำวิจัยตามที่คุณต้องการ อีก ทั้งยังมีเงินทุนจำนวนหนึ่งให้คุณทุกปี เพื่อให้คุณใช้จ่ายตาม ดุลยพินิจ คุณคิดว่ายังไงครับ?”

ต้องบอกว่าข้อเสนอของลู่นิ่งเซินนั้นมีแรงจูงใจเป็นอย่างมาก ที่สุดแล้ว ตอนนี้เซวซูอยู่ที่นี่ ถึงแม้จะมีห้องทดลองและ คฤหาสน์ แต่ก็เป็นสิ่งที่อาจารย์ของเขามอบให้เขา

ส่วนตัวเขาเองนั้น เขาหมกมุ่นอยู่กับการแพทย์มาโดยตลอด และไม่มีความตั้งใจที่จะทำธุรกิจ แม้ว่าไม่ไฉ่เวยจะมีความเฉียบ แหลมทางธุรกิจอยู่บ้าง แต่เพราะไม่สามารถจะติดต่อกับคน แปลกหน้าได้ ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้เกี่ยวข้องอะไรกับการทำธุรกิจ นัก

ดังนั้น ห้องทดลองของเขาจึงขาดเงินทุนในการสนับสนุนการ ทดลองอยู่ตลอด

ต้องเข้าใจว่า การวิจัยทางการแพทย์นั้น แท้จริงแล้วต้องใช้

เงินทุนเป็นจำนวนมาก

ถ้ากลับประเทศแล้วลู่วิ่งเงินเต็มใจจะออกเงินทุนให้เขา ทําการวิจัยต่อไป ก็จะถือเป็นผลดีเช่นกัน
เมื่อคิดแบบนี้ เขาเงยหน้ามองลู่วิ่งเซน ดวงตาของเขาฉาย แววเฉียบคม

“คุณพูดจริงหรือเปล่า? จะออกเงินทุนจำนวนหนึ่งให้งานวิจัย ของผมทุก ๆ ปีจริงเหรอ?”

“แน่นอนครับ”

ลู่วิ่งเซินยิ้มเล็กน้อย “การแพทย์นั้น เมื่อการวิจัยเสร็จสิ้นก็ถือ เป็นคุณประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ต่อประชาชนและประเทศชาติ แน่นอนว่าควรจะต้องช่วยสนับสนุน

เซวซูจึงพยักหน้า

“ได้ ถ้าอย่างนั้นคุณให้เวลาผมหนึ่งคืน ให้ผมทบทวนดูให้ดี พรุ่งนี้ผมจะให้คำตอบ

“ครับ แต่มีเวลาเพียงแค่หนึ่งคืน คุณต้องคิดดูให้ดี ถ้าหากคุณรับปาก ผมจะให้คนรีบสร้างห้องทดลองให้คุณทันที ถึงเวลานั้นจะเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว”

“ผมเข้าใจแล้ว”

เซวซูพูดจบแล้วก็โบกมือไปมาด้วยความรำคาญและให้พวก เขาออกไป

จิ่งหนิงเห็นเช่นนั้น ก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าเรื่องนี้มีแนวโน้มความ เป็นไปได้สูงมาก

เธอดึงโม่ไฉ่เวยเข้าไปและพูดด้วยความดีใจ “แม่คะ ครั้งนี้แม่ไม่ต้องลำบากใจอีกแล้ว ถ้าหากคุณอาเซวย้ายกลับประเทศ จริง ๆ พวกเราก็จะได้อยู่กันพร้อมหน้าแล้วจริง ๆ

โม่ไฉ่เวยพยักหน้า เรื่องต่าง ๆ พัฒนาไปได้ถึงจุดนี้ เธอเองก็ดีใจมากแล้ว

เธอหันหน้าไปหาลู่วิ่งเซินและยิ้มแล้วพูด: “เป็นความดีความ ชอบของจิ่งเซิน”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ