วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 1042 ทหารมาใช้ขุนพลด้าน



บทที่ 1042 ทหารมาใช้ขุนพลด้าน

“ใช่ แต่จะเป็นห้องเย็นไม่ได้นะ แต่เป็นสถานที่ที่เป็นเหมือน ห้องเย็น เป็นห้องที่เย็นขึ้นอย่างนั้น

เซวซูใช้ความคิดแล้วส่ายหน้า

“คุณสร้างความลำบากให้ผมแล้ว ผมมีห้องใต้ดินนะ แต่มัน ไม่ได้เย็นขึ้นน่ะสิ ต้องเข้าใจนะครับว่า พวกเราที่นี่คือทะเลทราย การที่คุณต้องการสถานที่เย็นชื้นกลางทะเลทรายแบบนี้ มันไม่ ตลกเลยนะ”

เมื่อเขาพูดแบบนี้ออกมา เป็นเหวินจวินก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

“ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงดี? หากไม่มีสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อม ที่เหมาะสม ของสิ่งนี้ไม่มีทางแพร่พันธุ์ได้แน่

ลู่จิ่งเซินพูดเสียงขรึม: “จะต้องเป็นสถานที่แบบนั้นเท่านั้นใช่

ไหมครับ?”

“ใช่”

ลู่วิ่งเซินใช้ความคิดและพูด: “ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเรา เปลี่ยนสถานที่ดีไหม? ผมมีวิลล่าแห่งหนึ่งในประเทศ สภาพ แวดล้อมทางภูมิศาสตร์ที่นั่นค่อนข้างสอดคล้องกับสิ่งที่คุณเพิ่ง พูดไป”

“ในประเทศ?”
เงินเหวินจวินสีหน้าเปลี่ยนไปและส่ายหน้าทันที

“ไม่ได้ ผมไม่ไปที่นั่น

ลู่จิ่งเซินตกตะลึง

วิ่งหนึ่งถามขึ้น “เพราะอะไรคะ?

สีหน้าของเวินเหวินจนดูไม่ดีนัก เซวซูดูเหมือนจะนึกอะไรได้ จึงพูดไกล่เกลี่ย: “ในประเทศไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ไหม คุณเอาของสิ่งนี้ไป รอจนคุณทำการศึกษามันจนเสร็จแล้วส่งคืน กลับมาให้เรา

เวินเหวินจวนตาลุกวาว

“แบบนี้ก็ได้”

แต่วินาทีต่อมาเขาก็นิ่งไปเล็กน้อยแล้วหันไปมองจึงเป็นและ จิ่งหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง

“แต่พวกคุณจะวางใจเหรอ? ของสิ่งนี้คือของล้ำค่าประเภทที่มี เงินก็หาซื้อไม่ได้ ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าพวกคุณได้มันมาได้ยังไง แต่ผมมั่นใจว่าบนโลกนี้มีของสิ่งนี้อยู่ไม่มาก หากผมเอามันไป แล้วไม่ส่งคืน พวกคุณจะเสียมากกว่าได้”

จิ่งหนึ่งใช้ความคิดและยิ้มแล้วพูด: “ไม่กลัว ในเมื่อจะใช้ใคร ก็ต้องเชื่อใจ พวกเราเชื่อใจคุณเป็นค่ะ”

เวินเหวินจวินหัวเราะทันที

“ได้ เช่นนั้นผมของไม่เกรงใจ พวกคุณวางใจ ผมจะปฏิบัติกับเรื่องนี้เหมือนเป็นเรื่องของผมเอง หากมีข่าวจะรีบบอกให้คุณ ทราบทันที

ในเมื่อการพูดคุยตกลงกันแล้วจึงไม่มีอะไรให้พูดคุยอีก

เงินเหวินจนเป็นคนที่มีความสามารถในการจัดการ เมื่อพูด คุยเสร็จก็คิดที่จะทำในทันทีโดยไม่รีรอ

ดังนั้นเขาจึงไม่แม้แต่จะอยู่ค้างเพียงสักคืน และให้คนมาคน ของไปและใช้เวลาข้ามคืนบนเครื่องบินเพื่อกลับไปยังที่พักใน เมืองของเขา

ในตอนเย็นจึงหนิง โทรหาเฉียวเพื่อบอกเล่าเรื่องราวกับเธอ เฉียวไม่พูดอะไรและเห็นด้วยกับวิธีการของเธอ

พวกเขาไม่ใช่คนตระหนี่ ถึงแม้ว่าของสิ่งนี้จะเกี่ยวพันถึงชีวิต

ของเฉียว จะละเลยไม่ได้ แต่ในเมื่อขอให้คนอื่นช่วยแล้วก็จ

ต้องไว้ใจเขา

ยิ่งกว่านั้น มันก็เป็นเพียงแค่หน่อหนึ่ง ไม่ได้มีค่าอะไรสักเท่า

ไหร่

ตอนนนี้พวกเฉียวฉีก็มีแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ชิ้นหนึ่งอยู่ในมือ และจะได้ชิ้นที่สองมาในไม่ช้า

ตามที่เธอเล่า สถานการณ์ทางเตียนหนาน มันราบรื่นกว่าที่คิด ไว้ พวกเขาได้พูดคุยกับอีกฝ่ายแล้ว เพียงใช้เงินจำนวนหนึ่งก็จะขายหยกชิ้นนั้นให้ และจะทำซื้อขายกันในตอนเย็น

สำหรับกู้ซือเจียนกับเฉียวแล้ว ขอเป็นอะไรที่ใช้เงินจัดการ ได้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

จิ่งหนึ่งได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าและวางใจลงบ้าง

ทันทีหลังจากนั้น เธอพูดถึงหนานกงจีนกับเฉียวอีกครั้ง

เรื่องที่หนานกงจีนมาถึงที่นี่และจงใจพยายามเข้าใกล้พวกเขา จนถึงตอนนี้ จึงหนิงก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีเส้นสนกลในอะไร

ไม่รู้ถึงจุดมุ่งหมายที่เขาทำ

เฉียวได้ยินแล้วก็ตกใจมาก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้รู้จักหนานกงจีนมากนัก ดังนั้นจึงคิดไม่ออกว่าเขาไปถึงที่นั่นเพื่ออะไร?

จิ่งหนิงจึงถอนหายใจ

“ในเมื่อคิดไปก็คิดไม่ออก งั้นก็อย่าไปคิดเลย ยังไงซะทหาร มาใช้ขุนพลด้าน น้ำมาใช้ดินต้าน ไม่กลัวว่าเขาจะทำอะไร จะ กลัวก็แต่สะกดทัพไว้ไม่เคลื่อนไหว ถึงเวลานั้น ฉันจะแจ้งข่าว พวกเธอนะ”

“ได้”

หลังจากวางสาย จึงหนิงก็เล่าเรื่องนี้ให้จึงเป็นฟัง ลู่จิ่งเซินมีปฏิกิริยาเหมือนกับเฉียว นั่นก็คือทหารมาใช้ขุนพลต้าน น้ำมาใช้ดินด้าน ถึงเวลาแล้วค่อยว่ากัน เธอจึงไม่คิดมากอีก

ตกดึกเธอจึงเข้านอนอย่างสบายใจ

เช้าวันต่อมาในที่สุดหิมะก็หยุดตก

หิมะตกถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงแม้จะตกเม็ดไม่ใหญ่ แต่ก็ปกคลุม ทำให้เมืองทั้งเมืองเป็นสีขาวบาง ๆ

เพราะด้านนอกนั้นหนาวมากดังนั้นจึงหนึ่งและพวกจึงไม่คิดจะ ออกไปข้างนอกและนั่งล้อมวงเตาผิงและพูดคุยกันอยู่ในห้อง รับแขก

คุยไปคุยมาไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นเรื่องของอานอาน

จากการที่ได้อยู่ด้วยกันหลายวันมานี้ ไม่ไฉ่เวยรู้สึกชอบเด็ก อย่างอานอานขึ้นมาด้วยใจจริง

และรู้สึกเจ็บปวดใจเรื่องที่เธอไม่มีแม่ตั้งแต่เด็ก ๆ ด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น จากการที่ได้ใช้เวลาร่วมกันหลายวันมานี้ทำให้ เธอเห็นว่าลู่วิ่งเซินดีกับจิ่งหนึ่งจริง ๆ

ดังนั้นเธอจึงไม่มีไม่ถือสาหาความกับเรื่องที่ผ่านมาของลู่วิ่งเซิ นอีก

สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะตนเองเคยถูกทำร้ายมาก่อน ดังนั้นจึง กลัวว่าจิ่งหนิงจะเป็นแบบเธอที่ถูกคนทำร้ายและหลอกลวง ดัง นั้นจึงได้มีความคิดแบบนั้นเท่านั้นเอง
ตอนนี้ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าลู่จึงเป็นเป็นที่รักของจิ้งหนึ่ง ดังนั้นเธอจึงไม่มีอะไรจะพูด

ส่วนเรื่องแม่ที่ให้กำเนิดอานอาน ในเมื่อตั้งแต่แรกจนถึงตอน นี้เธอก็ยังไม่ปรากฏตัว เช่นนั้นก็เป็นไปได้สูงว่าต่อไปในอนาคต คงจะไม่ปรากฏตัวแล้ว

ต่อให้ปรากฏตัวออกมา ก็เชื่อว่าคงจะไม่ได้ส่งผลอะไรต่อ

ความรู้สึกของพวกเขาสองคนมากนัก

เมื่อจิ่งเห็นเธอคิดแบบนี้จึงได้วางใจ

ที่จริงแล้วตัวเธอเองก็มองออกแล้วจึงไม่ได้รู้สึกอะไร

อานอ่านก็คือลูกของเธอ เธอรักเด็กคนนี้หมดหัวใจจนเธอไม่ สนใจเรื่องความสัมพันธ์ทางสายเลือด

ทั้งสองคุยกันครู่หนึ่ง จิ่งหนึ่งที่กำลังตั้งท้องและง่วงนอนเล็ก

น้อย ดังนั้นเธอจึงกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน

เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง

เป็นสายจากท่านย่าประเทศ F

หลังจากเที่ยวเล่นอยู่บ้านตระกูลจิ้นอยู่นาน ท่านย่ากับท่าน เตรียมตัวจะกลับประเทศแล้ว

ที่โทรมาก็เพียงอยากจะบอกให้พวกเขารู้ไว้เท่านั้น

จิ่งหนิงได้ข่าวแล้วจึงได้ยิ้มและกำชับกับท่านย่าเล็กน้อย ท่านย่ากลับเป็นห่วงเธอ ช่วงนี้เธอกำลังท้อง เดินทางไปไหนก็ไม่สะดวก เมื่อได้ข่าวว่าหลายวันนี้อากาศไม่ดี อีกทั้งยังมี พยากรณ์อากาศว่าหิมะตกใจช่วงนี้จึงได้โทรมาถามเธอว่าไม่ สบายตรงไหนหรือไม่

จิ่งหนึ่งหัวเราะและเล่าถึงสถานการณ์ช่วงนี้ของเธอให้ฟังและ ไม่ให้หญิงชราต้องเป็นห่วง

หญิงชรารู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินว่ากินอิ่มนอนหลับสบายที่นี่

และได้รับการดูแลอย่างดี

แต่เธอก็ยังคงกำชับว่าทางที่ดีที่สุดคืออย่าออกไปไหนเพื่อ หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ

จิ่งหนึ่งไม่คิดมากอะไรและรับปากด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแล้ว จึงวางสายไป หลังวางสาย ลู่จิ่งเซินก็เข้ามาพอดีและเห็นเธอถือ โทรศัพท์มือ

ถือจึงถาม: “ใครโทรมา?”

จิ่งหนึ่งพูด: “ท่านย่าค่ะ ท่านย่ากับท่านจะกลับประเทศแล้ว” “เร็วขนาดนั้นเลย?”

ลู่วิ่งเป็นคิดไม่ถึงอยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เจอท่านย่า จิ้นกับท่านปู่นานแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เจอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ