บทที่ 1036 ครั้งแรกที่เจอหญิงงาม
เฉียวฉีคิดแบบนี้แล้วถึงรู้สึกโล่งใจ
“ก็ได้ ถ้าพวกเธอพูดแบบนี้งั้นฉันก็โล่งใจแล้ว พวกเธอรออีก หน่อยก็ได้ ถ้าเขามีวี่แววอะไร เธอสองคนรีบบอกให้ฉันเลย ฉัน กับซื้อเฉียนจะรีบไปให้เร็วที่สุด”
“ได้”
พอพูดเรื่องนี้จบ จิ่งหนิงก็ถามต่อว่า “สถานการณ์ของพวก เธอที่เตียนหนานฝั่งนั้นเป็นยังไงบ้างแล้ว
พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา บนหน้าเฉียว กลับเผยความดีใจออก มา
“ได้ผลแล้ว ข่าวเป็นเรื่องจริง ที่นี่มีแผ่นหยกหนึ่งก้อนจริง แต่ กระบวนการอาจจะยุ่งยากหน่อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่ ต้องใช้เวลาหน่อย
จิ่งหนึ่งพยักหน้า “งั้นก็ดีแล้ว”
ทุกคนถามทุกข์ถามสุขต่ออีกกี่ประโยค จากนั้นถึงวางสายลง หลังจากวางสายลงแล้ว จึงหนิงดูภาพวาดในมือถือยังรู้สึกไม่ น่าเชื่ออยู่เลย
“ตอนแรกฉันแค่ลองหาเฉียวให้ช่วยสืบให้หน่อย คิดไม่ถึง เลยว่าจะเป็นเขาจริงๆ!”
ลูจึงเป็นก็รู้สึกคาดคิดไม่ถึงเช่นกัน
ก่อนหน้านี้แค่รู้สึกว่าคนนี้ไม่ธรรมดา ไม่เหมือนคนทั่วไป แต่
ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเป็นหนานกงจีนจริงๆ นึกถึงก่อนหน้านี้เขาตั้งใจเข้าใกล้จึงหนิงกับอานอาน ดวงตา
ของเขาก็อดลึกซึ้งขึ้นมาไม่ได้
จิ่งหนึ่งถามว่า “คุณว่าที่เขาหาทุกวิถีทางเข้าใกล้เราเพื่อ อะไร”
ลู่จิ่งเซินส่ายหัว
“ไม่รู้” เขาชะงักและพูดด้วยเสียงต่ำว่า “พอแล้ว อย่าคิดไป เรื่อย ผมจะไปจัดการเรื่องนี้เอง หม?”
จิ่งหนิงพยักหน้า
ไม่นาน ลู่วิ่งเซินก็โทรสั่งให้คนไปสะกดรอยตามร่องรอยการ
เดินทางของหนานกงจีน
ที่พวกเขามาครั้งนี้ ถึงแม้ดูภายนอกเป็นลู่วิ่งเซินกับจิ้งหนึ่งพา ลูกสองคนมา
แต่ความเป็นจริงแล้ว จึงหนึ่งรู้ดีว่ารอบข้างลู่วิ่งเซินมีกลุ่มลับ หนึ่งแอบตามหลังและคอยปกป้องพวกเขาอยู่
เมื่อเจอความอันตราย คนเหล่านั้นก็จะออกมาเป็นฉากกำลัง สุดท้ายของพวกเขาทันที
หลังจากลู่วิ่งเซินสั่งคนเรียบร้อยแล้ว จึงหนึ่งก็ไม่คิดมาก ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็นอนแล้ว
ส่วนขณะนี้ อีกฝั่ง
ภายในห้องของโรงแรม ชายหนุ่มหน้าตาดียืนอยู่ข้างหน้า หน้าต่าง
หน้าต่างเปิดไว้ใหญ่ๆ ความสูงหลายสิบชั้นเต็มๆ ลมกลางคืน พัดเข้ามา มีความเหน็บหนาวและเงียบเชียบที่มีแค่ในทะเลทราย เขาหลับตาลง ดมกลิ่นทรายที่ลมพัดพามา หายใจเข้าลึกๆ ช่างเป็นกลิ่นที่ไม่เจอมานานเลยจริงๆ
ไม่ว่าคนไหนก็คาดคิดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าคนนี้ไม่เพียงแค่เคย มาที่นี่ และยังเป็นสมัยที่ทุกคนยังไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้เมื่อนาน มามากแล้วด้วย
ตอนนั้นที่นี่ยังเป็นแค่ดินแดนรกร้างอยู่ เขาก็ได้เจอหินใหญ่ที่
แตกแล้วก้อนนั้นตอนมาถึงที่นี่โดยไม่ได้ตั้งใจ
ใช่แล้ว ถึงแม้ทุกวันนี้ทุกคนล้วนกราบไหว้ตำนานเรื่องนี้และ หินก้อนนี้ แต่ไม่มีคนไหนชื่อจริงๆ ว่าสมัยนั้นมีหินก้อนนี้อยู่จริงๆ
เขาเคยเห็นหญิงสาวคนนั้นตัวเปลือยนั่งอยู่กลางก้อนหินกับ ตา สีหน้าตื่นตกใจและงงงัน
ก็เหมือนกับลูกกวางที่หลงทางและแยกกับฝูงเพื่อนตัวนั้นตอน ที่เขาไปล่าสัตว์ครั้งก่อนอย่างนั้น
ดวงตาคู่หนึ่งสดใสสวยงาม กลมและสว่าง ในนั้นเต็มไปด้วยแสงน้ำ ดูแล้วทำให้คนใจอ่อน
ตอนนั้นเขาก็ใจอ่อนแล้วด้วย จึงช่วยเธอเอาไว้และพาออกไป นั่นเป็นผู้หญิงที่แปลกประหลาดมากเลยนะเนี่ย
อยู่ในทะเลทรายที่เงียบเหงาไม่มีคนไหนอยู่ด้วยตัวคนเดียว ไม่มีเพื่อนฝูง และไม่มีเหตุผล
แม้จะถามเธอ เธอก็พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ
ไม่ ไม่ใช่ ควรบอกว่าเธอพูดภาษาคนไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ พวกอีๆ อาๆ ที่พูดออกมาจากปากเธอนั้น พวกเขาฟังไม่รู้เรื่อง เลย
ดังนั้น หลังๆ มาเขาเข้าใจแล้ว เธอน่าจะไม่ใช่คนในประเทศ ของพวกเขา อาจจะเป็นคนอื่นของสักที่ใด เข้ามาในนี้โดยไม่ได้ ตั้งใจ หรืออาจจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตในดินแดนแผ่นนี้เลยด้วยซ้ำ
แต่ถึงจะเป็นอย่างนี้ก็ตาม เนื่องจากจิตใจอันแปลกประหลาด ซึ่งอธิบายไม่ถูก เขายังคงพาเธอไปด้วยกัน
แม้ว่าเหล่าลูกน้องของเขาต่างไม่เห็นด้วยทุกคน แต่เขายังคง ไม่สนใจไยดี พาเธอออกจากทะเลทรายแผ่นนั้น
ตอนนั้นเขายังไม่ใช่ราชครูใหญ่ แต่เป็นรุกฆาตที่มีกิตติมศักดิ์
สูงระดับหนึ่งในกองทัพแล้ว
ทุกคนต่างรู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้จู่ๆ ปรากฏตัวออกมาที่นี่ ไม่ ทราบที่มา ตัวตนน่าสงสัย มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นมือฆ่ามาก
แต่มีแค่เขาคนเดียวที่รู้ว่าเธอไม่ใช่
เมื่อเห็นเธอตอนแวบแรกเขาก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีความ อันตรายต่อตนเอง
อาจจะเป็นดวงตาอันน่าสงสารเอ็นดูคู่นั้น หรืออาจจะเป็น ความลังเลและต้องการความช่วยเหลือที่เปล่งออกมาจากส่วน ลึกของหัวใจอันไร้เสียงของเธอ
อย่างไรก็ตาม เขาใจอ่อนแล้ว และยังหวั่นไหวแล้วด้วย ใน สถานการณ์ที่ตัวเองไม่รู้ตัวเลย
เขาพาเธอเดินไปทิศตะวันออกตลอดทาง ออกไปจากทะเล ทราย กลับไปถึงประเทศของตัวเอง หญิงสาวพัฒนาเรื่องการเรียนรู้ได้เร็วมากกว่าที่คิด ไม่นาน
เธอก็พูดเป็น ใส่เสื้อผ้าและทำเรื่องต่างๆ อย่างที่คนธรรมดา
อย่างพวกเขาต้องทำในชีวิตประจำวันเป็นแล้ว
ยิ่งวันผู้หญิงก็จากการเงียบกลายเป็นเจี๊ยวจ๊าว นิสัยสดใสขึ้น มาเยอะเลย เหมือนตัวเองก็ยอมรับความจริงที่ตัวเองมาถึงที่นี่ แล้ว
แต่ไม่ว่าเขาถามยังไง เธอหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามสำหรับ เธอมาจากที่ไหนตั้งแต่ตอนแรก
หรือก็พูดได้ว่าคือไม่รู้ต้องตอบยังไงเลยด้วยซ้ำ
ยิ่งวันเขาก็ไม่ถามแล้ว
เธอก็ถูกเขาเลี้ยงไว้ในวังของตัวเอง เนื่องจากอยู่ในวังไม่ค่อย ออกไปข้างนอก บวกกับคนในวังของเขาไม่ค่อยเยอะอยู่แล้ว และยังสั่งลงไปแล้วว่าห้ามพูดเรื่องนี้ออกไปข้างนอก ทุกคนล้วน ปิดปากไว้ไม่เคยบอกสถานการณ์ในวังให้คนนอกเลย ดังนั้นคน ที่รู้เรื่องนี้กลับมีน้อยมาก
ความสัมพันธ์ระหว่างเขาสองคนในช่วงนั้นดีมาก หญิงสาวก็ พึ่งพาเขามาก เหมือนบนโลกใบนี้มีแค่เขาคนเดียวเป็นที่พึ่ง เดียวและคนที่เชื่อใจได้ของตัวเอง
ทุกวัน เวลาที่เขาเข้าเฝ้าจักรพรรดิในท้องพระโรง เธอก็คอย รอเขาอยู่ที่บ้าน
หลังจากรอเขากลับมาแล้วก็คอยตามอยู่ข้างตัวเขาอย่างมี ความสุข เขาไปไหน เธอก็ไปไหนด้วยเหมือนกัน
อย่างกับหนอนตามก้นน้อยตัวหนึ่ง
เขาก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน แต่ก็แอบมีความสุขกับการ พึ่งพาแบบนี้ แม้จะเป็นกลางคืนตอนที่สองคนอืดอาดอยู่บนเตียง เธอก็กอดเขาไว้ตลอดไม่ยอมปล่อย
มีช่วงเวลาหนึ่ง เขาคิดอยู่ในใจว่า ให้เป็นไปตามแบบนี้ต่อไป เถอะ
แบบนี้ก็ดีอยู่ ผู้ชายในสมัยนั้น มีคนไหนบ้างที่ไม่เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงน้อยสองสามตัวอยู่ข้างตัวบ้าง
ถึงแม้จะไม่รู้ที่มาของหญิงสาวคนนี้ แต่ก็ไม่มีอันตรายต่อเขาอีกอย่าง เธอพึ่งพาเขา เอาใจเขาเป็น มีหญิงสาวที่เข้าใจเขา สามารถทำให้เขามีความสุขและผ่อนคลายได้หลังจากกลับมา จากท้องพระโรงก็ถือว่าดีมาก
ดังนั้น วันเวลาก็ล่วงไปวันแล้ววันเล่าท่ามกลางความเรียบง่าย แต่ว่าถ้าเป็นไม่มีที่มา วันเวลาก็จะไม่เรียบง่ายอย่างนี้ตลอด มีวันหนึ่ง เขารู้ความลับเรื่องหนึ่ง โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นเขาเป็นถึงราชครูใหญ่แล้ว แต่แนวโน้มในท้องพระ โรงเปลี่ยนแล้ว ไม่เหมือนแนวโน้มในท้องพระโรงอย่างราชครู ใหญ่รุ่นก่อนๆ แล้ว
ตอนนั้นพระราชินีป่วยหนัก แต่ไม่มีลูกหลานสามารถสืบทอด บัลลังก์ ส่วนความคิดเห็นด้านการเมืองของเธอกับราชครูใหญ่ ไม่ถูกกันมาตลอด ตั้งแต่หนานจีนขึ้นตำแหน่งนี้แล้ว ก็แอบมี ความคิดอยากรวบอำนาจกลับมาอย่างหนึ่งอยู่ตลอด
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ