บทที่ 1035 เป็นห่วงจนวุ่นวาย
จิ่งหนึ่งคิดดูแล้วรู้สึกว่าแบบนี้ก็ได้
ดังนั้นจึงตอบตกลง
“ได้ งั้นถ้าเธอวาดเสร็จแล้วก็ส่งเข้ามาในมือถือฉันเลย
“ได้ ไม่มีปัญหา”
หลังจากที่วิ่งหนึ่งบอกเรื่องนี้ให้เฉียว รู้แล้วก็ไม่ได้สนใจอีกเลย
กลางวัน พวกเขาก็ได้ไปเดินเที่ยวที่อื่นๆ ในเมืองต่อ โม่ไฉ่เวย ไปด้วยกันตลอด ส่วนเชวเนื่องจากห้องปฏิบัติการฝั่งนั้นยุ่งเกิน ไป ไม่สามารถไปไหนได้ จึงไม่ได้ออกมาด้วย
เที่ยวจนถึงกลางคืนเวลาประมาณสองทุ่ม ทุกคนถึงยอมกลับ
มาอย่างพอใจ
กลับถึงบ้านปุ๊บ จิ่งหนิงก็ได้รับสายจากเฉียว
“หนิงหนิง ฉันส่งรูปที่วาดเสร็จไปที่มือถือของเธอแล้ว เธอลองดูสิ”
“โอเค”
จิ่งหนิงวางสายลงและเปิดข้อความขึ้นมา ต่อมาก็เห็นรูปภาพ ที่เฉียวฉีส่งมา
ภาพ วาด โดยจิตรกรมืออาชีพที่ฟังจากคำบรรยายของเฉียว
พื้นฐานของจิตรกรดีมาก เห็นแต่บนนั้นเป็นภาพคนที่เสมือน จริงมาก เมื่อจิ้งหนึ่งเห็นรูปวาดคนนั้น ทั้งคนซึ่งอยู่กับที่ทันที
เธอคิดไม่ถึงเลย บนโลกนี้จะมีเรื่องที่บังเอิญเช่นนี้
ถึงแม้คนในภาพวาดนั้นจะไม่ได้เหมือนผู้ชายชื่อหนานจีนที่ พวกเขาเจอ ในเมื่อคืนคนนั้นเต็มสิบ แต่อย่างน้อยก็เหมือนเจ็ดถึง แปดแล้ว
ถึงอย่างไรก็เป็นภาพวาดที่ออกมาโดยการบรรยายด้วยคำ พูด ไม่มีทางทำได้สมบูรณ์เต็มร้อย
ฉะนั้นในนั้นมีการแตกต่างเล็กน้อยก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถึงจะเป็นอย่างนี้ก็พอทำให้จิ้งหนึ่งรู้สึกคาดคิดไม่ถึงแล้ว ขณะที่ประหลาดใจ เธอรีบนำภาพวาดนี้ไปให้ลู่วิ่งเซินดูทันที หลังจากลู่วิ่งเซินได้ดูแล้วก็ตกใจมากเช่นกัน
เขานึกไม่ถึงเลยว่าคนนั้นที่เจอเมื่อคืนนี้จะเป็นหนานกงจิ๋น จริงๆ
เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
ไม่สิ ควรพูดว่าถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้จักหนานกงจั่น แต่ด้วยกล อุบายและฝีมือวิธีการของหนานกงจีนคนนั้น เขาคงเคยสืบคน รอบข้างทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเฉียวและกู้ซื้อเฉียนมาหมดแล้ว
เพราะฉะนั้น เขาก็น่าจะรู้จักวิ่งหนึ่งกับลู่จึงเป็นแน่นอนอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เขาอยู่ในที่มืด ส่วนกู้ซื้อเฉียนพวกเขาอยู่ในที่แจ้ง อยู่ตลอด
เขาก็เหมือนทอดเงาที่ลึกลับคนหนึ่ง ครอบคลุมอยู่บนหัวของ
ทุกคน
แม้แต่อยากหาเรื่องเขายังไม่รู้ต้องไปหาที่ไหนเลย แต่ตอนนี้เขากลับกระโดดออกมาเองแล้ว
ทําไมเหรอ
ทั้งจิ่งหนิงกับลู่วิ่งเซินต่างคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ
อีกอย่าง จริงๆ แล้วเขารู้จักลู่วิ่งเซินกับจิ่งหนึ่ง แล้วทำไมเมื่อ คืนยังต้องทำเป็นไม่รู้จัก และยังปลอมตัวเป็นช่างถ่ายภาพอะไร นั่นตั้งใจมาตีสนิทกับพวกเขา
ใช่แล้ว ถึงเวลานี้แล้ว จึงหนิงกับลูจึงเป็นจะไม่คิดอีกแล้ว ว่าการพบเจอในเมื่อคืนเป็นแค่เรื่องบังเอิญอย่างใสซื่ออีกแล้ว
ถึงอย่างไรบนโลกนี้จะไปมีความบังเอิญเยอะขนาดนี้ได้ยังไง อันที่จริงเป็นคู่อริ แต่ดันมาเจอกันในที่ที่ไกลขนาดนี้ เขาต้องมีแผนจงใจยอมรับพวกเขาล่วงหน้าแน่เลย แต่ว่าทำไมเหรอ
จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเป็นครุ่นคิดแล้วนานมากก็คิดไม่ออก ในที่สุดก็ ต้องโทรหาเจียว ปรึกษากับพวกเขา
พวกเขาไม่ได้ให้โม่ไฉ่เวยกับเชวซูรู้เรื่องนี้ กังวลเขาสองคนจะ
คิดมากและเป็นห่วง ดังนั้นเขาสองคนแอบโทรคุยในห้องนอนหลังจากฟ้ามืดและ
ทุกคนกลับเข้าไปพักผ่อนในห้องนอนแล้ว
พวกเขาวิดีโอคอลกัน หลังจากโทรติดแล้ว อีกฝั่งก็ขึ้นเป็น ภาพของเฉียวฉีกับกู้ซือเฉียน
เฉียวฉีดูมีความสุขมาก แต่ดูพื้นหลังเหมือนเป็นโรงแรม เขา สองคนน่าจะไม่ได้อยู่เมืองหลิน จิ่งหนึ่งนึกถึงครั้งก่อนลู่วิ่งเซินบอกเบาะแสเกี่ยวกับเตียน
หนานให้พวกเขา ในใจคาดว่าตอนนี้เขาสองคนน่าจะอยู่ที่เตียน
หนานตรงนั้น ดังนั้นจึงไม่ได้ถามอะไรมาก
พอโทรติดแล้ว เจียวก็ยิ้มถามว่า: “ภาพวาดของหนานกง นที่พวกเธอขอฉันก่อนหน้านี้ฉันได้ส่งให้พวกเธอแล้ว พวกเธอได้ รับหรือยัง”
จึงหนิงพยักหน้า “ได้รับแล้ว”
“พวกเธอเอาภาพวาดของเขาทำไมเหรอ”
จิ่งหนิงเม้มปาก ผ่านไปสักพักถึงบอกว่า: “บอกแล้วเธอคงไม่ เชื่อ พวกเราเจอเขาทีนี่
“อะไรนะ”
อีกฝาง ดูออกได้ว่ากู้ซื้อเฉียนกับเดียวก็อึ้งเหมือนกัน เพราะอย่างไรแล้ว ไม่ว่าไปบอกที่ไหนก็เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ เหมือนกัน
เดาไม่ผิดเลย จากนั้นก็เห็นเฉียวขมวดคิ้วขึ้นมา
“เธอสองคนไปที่ทะเลทรายแล้วไม่ใช่เหรอ อยู่ดีๆ เขาไปที่นั่น ทําไม”
“ใครจะไปรู้” จึงหนิงยิ้มแห้งเสียงหนึ่ง “ไม่เพียงเท่านี้เอง เมื่อ คืนเขายังปลอมตัวเป็นช่างถ่ายภาพที่เดินผ่านคนหนึ่งมาตีสนิท กับเรา ตอนนั้นรถของเขาเสียแล้วจอดอยู่ข้างทาง เพราะว่าก่อน หน้านั้นเขาได้ช่วยอานอานไว้ เราก็เลยจอดรถลงมาและส่งเขา กลับบ้าน ตอนนี้คิดดูดีๆ แล้ว รถน่าจะไม่ได้เสีย คือเขาจงใจจอด รอพวกเราอยู่ตรงนั้น แล้วทำไมเขาถึงรู้ว่าพวกเราจะผ่านถนน เส้นนั้น”
พอคำพูดนี้ออกมา สีหน้าของเฉียวเปลี่ยนทันทีเลย “เธอหมายถึง เขาเคยสืบเรื่องพวกเธอ?”
“ใช่แล้ว”
อันที่จริงจิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินเคยคิดคำตอบนี้มาก่อนแล้ว
จิ่งหนิงพูดเสียงเคร่งว่า “เขาต้องไปสืบพวกเราก่อนตอนที่เขา มาถึงที่นี่แล้วแน่เลย รู้ว่าพวกเราอาศัยอยู่ที่ไหน ตอนกลับไปกลางคืนจะผ่านถนนเส้นไหนบ้าง ดังนั้นจึงจงใจจอดรอพวกเรา อยู่ที่นั่น แต่ที่มันแปลกคือหลังจากเขาขึ้นรถแล้วไม่ได้ทำอะไร เลย แค่ทิ้งเบอร์ติดต่อเลขหนึ่ง ให้อ่านอ่านไว้ จากนั้นก็ลงจากรถ ไปแล้ว จนถึงตอนนี้ ฉันยังไม่เข้าใจเลยว่าจุดมุ่งหมายที่เขาทำ แบบนี้คืออะไร”
เฉียวฉีกขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยเช่นกัน
กู้ซื้อเฉียนถามเสียงเคร่งอยู่ข้างๆ ว่า “แล้วเขาได้พูดเรื่อง อะไรแปลกๆ กับพวกเธอไหม”
จิ่งหนึ่งลองคิดดู หันหลังมองไปที่จึงเป็น “มีคำพูดอะไร แปลกๆ ไหม”
ลู่จิ่งเซินส่ายหัว
จิ่งหนิงจึงกล่าวว่า: “จำได้ว่าไม่มีนะ อีกอย่างที่เขาปลอมตัว เป็นช่างถ่ายภาพ ก็คงไม่อยากให้พวกเรารู้ตัวตนของเขาเร็ว ขนาดนี้ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าฉันจะติดต่อเธอ และยังขอภาพวาดกับ เธออีกด้วย เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาน่าจะยังไม่รู้ว่าฉันรู้ตัวจริงของ เขาแล้ว”
“แล้วพวกเธอคิดจะทำยังไง”
กู้ซือเฉียนถาม
จิ่งหนิงเงียบลงมา
พูดตามตรงแล้ว ตอนนี้เธอไม่รู้แม้แต่จุดมุ่งหมายของหนานถึง จีนคืออะไร จะไปรู้ได้ยังไงว่าควรทำยังไง
ความคิดของลู่จิ่งเซินก็คล้ายๆ ของเธอ ดังนั้นทั้งสองคนต่าง ส่ายหัวกัน
“ตอนนี้เขายังไม่ได้ลงมือ เราไม่รู้จุดมุ่งหมายที่เขามาในครั้งนี้ ดังนั้นวิธีเดียวที่สามารถทำได้ในตอนนี้ก็มีแต่อยู่นิ่งเฉย ทหารมา ก็ใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาก็ใช้ดินต้านไว้แล้ว
“แบบนี ”
ขณะที่เฉียว พูดอยู่ ในน้ำเสียงกลับแสดงความกังวลออกมา
“แต่ฉันกังวลว่าที่เขาจงใจมาเข้าใกล้พวกเธอเพราะมีความ คิดอย่างอื่น ถ้าเขาลงมือท่าพวกเธอจะทำยังไง”
ลู่วิ่งเป็นฟังแล้วยิ้มอย่างเย็นชา
“ผมไม่กลัวเขาลงมือหรอก ถ้าเขาลงมือจริงๆ ผมอยู่ที่นี่ยังจะ กลัวเขาเหรอ”
ทันใดนั้นเฉียวยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
เธอเป็นห่วงจนวุ่นวาย ลืมไปได้ยังไงว่าลู่วิ่งเซินเป็นใคร
นั่นคือบุคคลที่ทำให้คนแค่ได้ยินข่าวก็กลัวจนเสียขวัญ จะไป กลัวหนานกงจีนได้ยังไง
ได้ยินมาว่าคุณแม่ของจิ้งหนึ่งก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน และ เชวยังเป็นคนใหญ่คนโตในท้องถิ่นอีกด้วย มีพวกเขาอยู่ที่นี่ ถึง จะเป็นสถานที่ไม่รู้จักก็ไม่ต้องเป็นห่วงเลย
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ