บทที่ 1023 คนในครอบครัวได้พบหน้ากัน
และปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเสียงนั้น ซึ่งเป็นเงาที่ผอมบางของ
ไม่ไฉ่เวย
จิ่งหนิงยิ้มเล็กน้อย สีหน้าเต็มไปด้วยความดีอกดีใจ “แม่”
เมื่อไม่ไฉ่เวยเห็นพวกเขา ก็คือกดีใจเป็นอย่างมาก
และก็ไม่ได้สนใจคนรับใช้ที่คอยประคองอยู่ด้านหลัง หล่อน ปลีกตัวออกมาและวิ่งไปหาเธออย่างรวดเร็ว
“หนิงหนิง”
ทั้งสองกอดกัน แม้ว่าจะเป็นช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือนที่ไม่ได้ เจอกัน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะดีใจจนน้ำตาไหล
จิ่งหนิงกอดหล่อน เวลาผ่านไปค่อนข้างนาน จึงได้ปล่อยมือ ออก
ในเวลานี้ เด็กน้อยทั้งสองที่อยู่ในอ้อมอกของลู่จึงเป็นก็ตื่นขึ้น
พวกเขาขยี้ตา มองไปยังทิวทัศน์ที่แปลกตาเบื้องหน้า รวม ทั้งคนแปลกหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าที่มึนงง
เป็นเพราะว่าที่นี่คือสภาพแวดล้อมที่ไม่ไฉ่เวยคุ้นเคย ดังนั้น สําหรับคนนอกแล้ว หล่อนจึงไม่ได้รู้สึกไวต่อความรู้สึกหรือต่อ ต้านแล้ว ดังนั้นเมื่อเห็นเด็กน้อยทั้งสอง หล่อนจึงยิ้ม แม้ว่าจะไม่ได้พุ่งเข้าหาเหมือนคนที่สนิทสนมคุ้นเคย แต่แววตาและสีหน้า ก็ได้สื่อถึงความตื่นเต้นหรือหยาบกร้านเหมือนครั้งแรกที่วิ่งหนึ่ง เห็นแล้ว
หล่อนยิ้มพลางพูดขึ้นว่า “นี่คืออานอานกับจิ้งจื้อใช่ไหม? สวยไม่เบาเลย ด้านนอกอากาศร้อน พวกคุณอย่ายืนอยู่ที่นี่เลย รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ”
ลู่วิ่งเซินพยักหน้า พลางอุ้มเด็กน้อยทั้งสองเดินเข้าไปด้วยกัน จิ่งหนิงก็ยังคงประคองไม่ไฉ่เวยเช่นเคย
โม่ไฉ่เวยเมื่อเห็นสีหน้าของเธอไม่ค่อยดีนัก ขณะที่เดินเข้าไป ข้างในก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงว่า : “ตลอดการเดินทางที่มา ที่นี่ก็คงลำบากไม่น้อยใช่ไหม? สภาพแวดล้อมที่นี่ดีเลย เพียง แต่ว่าห่างไกลจากสนามบินไปหน่อย ทุกครั้งที่จะมาที่นี่ จาก สนามบินนั่งรถกลับมาที่ปราสาท จำเป็นต้องเดินทางในระยะที่ ไกลพอสมควร พวกเราชินแล้วเลยไม่ได้รู้สึกอะไร แต่สำหรับคน ท้องอย่างเธอ ระหว่างทางพระอาทิตย์จ้าขนาดนั้น ก็คงจะเหนื่อย แย่แน่ๆ”
จิ่งหนิงยิ้มพลางสายศีรษะ”ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ ในรถมีแอร์ และ ยังมีน้ำเย็นที่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ได้ร้อนเท่าไหร่ แต่อาจจะ เป็นอายุครรภ์มากแล้ว เลยรู้สึกอยากอาเจียน ทำให้รู้สึกไม่ สบายนิดหน่อย
โม่ไฉ่เวยพูดขึ้นด้วยความดีใจว่า: “แพ้ท้องไม่เป็นไร เดี่ยว อีกสักพักฉันจะให้คุณอาเซวสั่งยาให้สองเม็ด พอคุณกินเข้าไปแล้วก็จะช่วยบรรเทาอาการลงได้มาก เป็นวิธีการรักษาอาการแพ้ ท้องของเขา”
จิ่งหนึ่งพยักหน้า
เมื่อคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไป ไม่ไฉ่เวยก็รีบสั่งให้คนไปจัด เตรียมอาหารว่าง
แท้ที่จริงแล้ว สิ่งเหล่านี้หล่อนได้สั่งคนพวกนั้นไปตั้งแต่เช้า
แล้ว ในเวลานี้ทำเพียงยกขึ้นมาเสิร์ฟก็เรียบร้อยแล้ว
ไม่นาน ของทุกสิ่งทุกอย่างก็ยกขึ้นมาเสิร์ฟ ในเวลานี้ไม่ไฉ่เวย จึงได้เรียก ให้พวกเขามานั่งในห้องรับแขกพลาง โทรศัพท์หาคุณ อาเซว ให้เขารีบกลับมา
หลังจากโทรศัพท์เสร็จ หล่อนจึงได้นั่งลงพลางยิ้มและพูดขึ้น ว่า “เดิมที่คุณอาเซวของคุณก็นั่งรอพวกคุณอยู่ที่บ้าน แต่ว่ามี โทรศัพท์เข้ามากะทันหัน แจ้งว่าห้องห้องปฏิบัติการมีเหตุการณ์ ฉุกเฉิน ก็เลยเดินออกไป เดี๋ยวแม่จะบอกให้เขากลับมาเดี๋ยวนี้ แหละ”
วิ่งหนึ่งยิ้มพลางพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ถ้าคุณอาเซวมีธุระก็ให้ เขาจัดการธุระของเขาให้เสร็จก่อนเถอะ ฉันตั้งใจที่จะมาเยี่ยมแม่ มากกว่า”
เมื่อเธอพูดประโยคนี้ออกมา ดวงตาของโม่ไฉ่เวยก็แดงขึ้น ทันที
ก็อาจจะเป็นเพราะว่าหล่อนดีใจ และก็อาจจะเป็นเพราะว่าเวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว ทำให้หล่อนสามารถยอมรับได้อย่าง เต็มอกแล้วว่าวิ่งหนึ่งเป็นลูกสาวของหล่อน
และเมื่อพบเธออีกครั้งจึงทำให้เกิดความรู้สึกมากมายผสม ปนเปกัน
หล่อนรีบกดทับน้ำตาที่อยู่ใต้ดวงตา จากนั้นยิ้มพลางพูดขึ้น
ว่า อานอานและจิ้งเจ๋อน้อย
“เด็กคนนี้อายุเท่าไหร่? ”
อานอานรีบลุกขึ้นและพูดขึ้นอย่างรู้ประสาว่า “ปีนี้หนูอายุ เก้าขวบแล้วค่ะคุณยาย”
จิ้งเจ๋อน้อยก็พูดขึ้นว่า “ผมอายุสี่ขวบแล้วครับ”
โม่ไฉ่เวยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ มานี่สิมา ให้ยายดูหน่อย
เด็กน้อยทั้งสองคนเหลือบหันไปมองวิ่งหนึ่งครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่า หล่อนไม่ปฏิเสธ จึงรีบวิ่งเข้าไป
โม่ไฉ่เวยอุ้มเด็กทั้งสองคนไว้ ในใจเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ก่อนหน้านี้หล่อนคิดไม่ถึงเลยว่า ตนเองจะยอมรับได้เร็วขนาด
เดิมทีตอนแรกเริ่ม จิ่งหนึ่งเสนอให้เด็กน้องทั้งสองมาพบ หล่อน หล่อนก็ยังต่อต้านอยู่เลย
แต่ว่าตอนนี้เมื่อได้พบกับเด็กน้อยทั้งสองคนเข้าจริงๆ ในใจของหล่อนไม่เพียงแต่ไม่ต่อต้าน แต่กลับรู้สึกไม่เหมือนเดิม แต่ ไหนแต่ไรไม่เคยมีความอบอุ่นไหลเวียนอยู่ในหัวใจเธอเช่นนี้มา ก่อน
และในเวลานี้ หล่อนก็มีคำถามผุดขึ้นมาหนึ่งคำถาม
หล่อนเงยหน้ามองไปยังจิ้งหนึ่ง พลางถามขึ้นด้วยความสงสัย ว่า “อานอานก็อายุเก้าขวบแล้ว? ถ้าอย่างนั้นพวกลูก
เมื่อจิ้งหนิงได้ฟังดังนั้น ก็รู้ทันทีว่าหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่ แววตาสื่อถึงความกระอักกระอ่วน ยิ้มแห้งผากพลางพูดขึ้นว่า : “ฉันไม่ใช่แม่แท้ๆของอานอาน”
“an? ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของโม่ไฉ่เวยก็เย็นยะเยือกขึ้นมา
ในทันที
หล่อนหันไปมองนิ่งเซิน เดิมที่ลูกเขยคนนี้มองแล้วก็เจริญหู
เจริญตาดี แต่ตอนนี้ยิ่งมองก็ยิ่งขัดหูขัดตา
“ที่แท้ประธานแต่งงานรอบสองเหรอ? แม่ก็คิดว่าพวกลูก รู้จักและแต่งงานกันมาตั้งนานแล้ว ดังนั้นลูกก็เลยโตขนาดนี้”
จิ่งหนิงไม่อยากที่จะพูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าลูกๆ
อานอานเป็นเด็กที่ไวต่อความรู้สึก คราวที่แล้วถูกลู่หลินจือ ยั่วยวน และด้วยเรื่องแม่แท้ๆของหล่อนนี้แหละที่เกือบจะทำให้ หล่อนต้องแตกคอกัน
ดังนั้น นับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นไป ซึ่งหนึ่งก็ให้ทุกคนปิดปาก เงียบ และไม่อนุญาตให้ใครพูดเช่นนี้อีก
ดังนั้น เธอทำอะไรไม่ได้ จึงขยิบตาให้กับลู่จึงเป็นหนึ่งที
ลู่วิ่งเซินเข้าใจในความหมาย จึงได้รีบลุกขึ้นยิ้มพลางพูดขึ้น ว่า “แม่เข้าใจผิดแล้ว ผมแต่งงานครั้งแรก แต่ว่าอานอาน……. เขายิ้มพลางพูดขึ้นว่า “ในใจของอานอาน หนิงหนึ่งก็คือแม่
แท้ๆของหล่อน”
อานอ่านไม่พูดไม่จาพลางพยักหน้า หล่อนเกรงว่าไม่ไฉ่เวย จะ ไม่เชื่อ จึงพูดขึ้นอย่างตั้งใจว่า: “คุณยาย หนูมีหม่ามีคนเดียว แต่คุณยายก็อย่าได้สงสัยในตัวของปะป๊าเลย
ที่จริงแล้วหล่อนก็ฟังผู้ใหญ่คุยกันทั้งสองคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง หรอก แต่ก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์ของโมไฉ่เวยได้ รู้ว่าคุณยายท่านนี้ ไม่ชอบปะป๋าของตนแล้ว ดังนั้นจึงรีบช่วยเขาอธิบาย การที่
โมไฉ่เวยพูดออกมาเช่นนี้แท้ที่จริงแล้วก็เพียงเพื่อต้องการที่จะ ปกป้อง
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ได้มีเจตนาร้าย
อีกทั้ง แม้ว่าอานอานจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของสิ่งหนึ่ง แต่ว่าเว็บ แรกที่เห็นเด็กคนนี้ หล่อนก็มีความรู้สึกว่าสิ่งหนึ่งหน้าตาคล้าย หล่อน
อาจจะเรียกได้ว่านี่คือพรมลิขิตของสองแม่ลูกที่ฟ้ากำหนด
แม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ว่าเมื่ออยู่ด้วยกัน นานวันเข้า ก็ทำให้หน้าตาและบุคลิกคล้ายกันมากขึ้นเรื่อยๆ
หล่อนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา พลางลูบที่ศีรษะของยานอาน และพูดขึ้นเสียงเบาว่า
– “ดี ฉันรู้แล้วว่าอานอานเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักที่สุดและสวย ที่สุด ฉันไม่สงสัยปะป้าหม่ามีของหนูหรอก ถ้างั้นหนูอยู่ที่นี่เล่น เป็นเพื่อนน้องชายและปะป๋าของหนูก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะพา หม่ามีของหนูไปคุยธุระกันด้านหลังได้ไหม?
อานอ่านเบิกตาที่เป็นประกายกว้าง มองไปที่หล่อนอย่าง
งงวย
ไม่นาน จึงพยักหน้าถึงเข้าใจและไม่เข้าใจ “ค่ะ” ลู่วิ่งเป็นมองดูหล่อนลุกขึ้น ด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง แต่กลับไม่ได้พูดอะไร และเรียกเด็กทั้งสองเข้าไปอย่างเป็น ธรรมชาติ
จึงหนิงก็รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย มองดูสีหน้าที่เฉยเมยของโม่ ไฉ่เวย พลางพูดขึ้นว่า “แม่”
“หนิงหนิง ตามแม่มา
โม่ไฉ่เวยกลับไม่ให้โอกาสเธอ เรียกเธอด้วยคำพูดประโยค หนึ่ง จากนั้นก็หันหลังแล้วจากไป
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ