วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 1013 เด็กๆทะเลาะกัน



บทที่ 1013 เด็กๆทะเลาะกัน

ในเมื่อพวกเฉียวมาถึงแล้ว ถ้างั้นเธอก็ไม่มีความจำเป็นที่จะ ต้องกังวลอะไร

ไม่นาน รถก็จอดอยู่ที่ด้านหน้าคฤหาสน์ตระกูลจิ้น

เมื่อท่านย่าจนรู้ข่าวว่าท่านย่าเชื่นจะมา จึงรออยู่ที่หน้าประตู ตั้งแต่เช้าแล้ว

ท่านย่าทั้งสองก็สนิทสนมกันตั้งแต่วัยรุ่น แน่นอนว่าเรื่องของ มิตรภาพนั้นไม่ต้องพูดถึง

เมื่อรู้ว่าท่านย่าเงินจะมา ท่านย่าจิ้นก็ดีอกดีใจเป็นอย่างมาก

เช้าตรู่ หากคนของตระกูลไม่ใจแข็งรั้งไว้ หล่อนก็ยังยืนหยัด ที่จะมาต้อนรับด้วยตนเอง

หลังจากที่ผู้คนลงจากรถแล้ว ท่านย่าทั้งสองต่างโอบกอดกัน ภาพที่เห็นต่างทำให้คนรู้สึกซาบซึ้งใจ

แต่ว่าอากาศไม่ค่อยดี ด้านนอกค่อนข้างหนาว แม้ว่า ครอบครัวของคนแก่ทั้งสองจะรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก แต่ทุก คนก็ไม่อยากให้พวกหล่อนอยู่ข้างนอกนานๆ

จิ้นชิงซานประคองท่านย่าจิ้น พลางพูดขึ้นว่า “แม่คะ แม่ดูสิ คะว่า อากาศเย็นขนาดนี้พวกเราเข้าไปในบ้านกันเถอะ”

ท่านย่าจิ้นจึงพยักหน้า
“ได้ ควรที่จะเข้าไปคุยกันข้างในบ้าน พี่สาว ฉันจะพาคุณ เข้าไปเอง”

เมื่อทุกคนต่างเข้าไปในบ้าน ก็มีคนออกมาต้อนรับ

จี้หลินยวนและหัวเหยาเป็นคนของตระกูลจิ้น จึงมาที่นี่ตั้งนาน

แล้ว

เนื่องจากครั้งนี้เป็นงานฉลองวันเกิดอายุเจ็ดสิบปี ตระกูลจิ้น ต้องการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ มีของจำนวนมากที่ต้องจัดเตรียม ธุรกิจก็มีบางเรื่องที่ต้องจัดการ

ดังนั้นหัวเหยาจึงพาเด็กและหลินยวนเข้ามาด้วยกัน

ก่อนที่จิ่งหนึ่งใกล้จะมาถึง ก็ส่งข้อความหาหัวเหยา

ในเวลานี้หัวเหยาก็ได้ยินเสียงจากห้องโถง ก็รู้ได้ทันทีว่าพวก เขามาถึงแล้ว

และส่งเด็กๆ ให้กับพี่เลี้ยง แล้วรีบเดินเข้ามา

“หนิงหนิง”

“เหยาเหยา”

เพื่อนรักทั้งสองดีใจที่ได้พบกัน จึงทิ้งให้ลู่วิ่งเซินยืนโดดเดี่ยว อยู่ข้างๆ

เมื่อท่านย่าจิ้นเห็นเด็กน้อยทั้งสอง ก็ดีใจเป็นอย่างมาก แล้ว เรียกพวกเขาเข้ามาพูดคุย ถามชื่อถามอายุ เด็กน้อยทั้งสองตอบ กลับอย่างเชื่อฟัง
ดวงตาทั้งสองข้างของท่านย่าจิ้นยิ้มจนกลายเป็นเส้นเดียวกัน พลางพูดขึ้นกับหัวเหยาว่า “หลินนอนหรือยัง? ถ้ายังไม่นอน ก็เรียกเขามาเล่นเถอะ ให้เขาได้มาพบกับพี่สาวและน้องชาย

หัวเหยายิ้มพลางพูดขึ้นว่า “ยังไม่ได้นอน ที่นี่คนเยอะ เดี๋ยว อีกสักพักฉันจะพาเขาไปเล่นที่สวนดอกไม้

ท่านย่าพยักหน้า

ในห้องโถงมีผู้ใหญ่อยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ค่อยเหมาะที่เด็กจะ มาวิ่งเล่นกัน

หัวเหยาและวิ่งหนิงพูดคุยกันครู่หนึ่ง และให้เธอพาเด็กทั้งสอง ไปที่สวนดอกไม้ด้านหลัง

คฤหาสน์ของตระกูลจิ้นมีขนาดใหญ่ เมื่อมาถึงสวนดอกไม้ ด้านหลัง จิ้งหนิงจึงพบว่า พวกเขาได้สร้างสวนสนุกไว้ให้กับพวก เด็กๆ

ในเวลานี้ ลูกๆของหัวเหยาและหลินยวน ชิ้นลี่หลินกำลังนั่ง อยู่ที่นั้น ใบหน้าจิ้มลิ้มสีชมพูมีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก ก้มหน้า บูดเบี้ยว ไม่รู้เหมือนกันว่าโกรธใคร

หัวเหยาเดินเข้าไป พลางยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “หลิน รีบเข้ามา หาพี่สาวกับน้องชายสิ”

เสี่ยวหลินเงยหน้าขึ้นเหลือบมองเธอครู่หนึ่ง แม้ว่าจะไม่ เต็มใจ แต่ว่าก็เข้ามาด้วยมารยาท

หัวเหยาจูงมือของเขา พลางแนะนำเขาว่า “คนนี้คือพี่สาว ชื่อว่าอานอาน คนนี้คือน้องชาย ชื่อว่า ลู่จิ้งจื้อ จำได้แล้วใช่ไหม ครับ?

เสี่ยวหลินเบิกดวงตาที่ชุ่มชื้น พลางกะพริบตามองพวกเขา

อานอนอายุมากที่สุดในบรรดาเด็กๆ ดังนั้นจึงค่อนข้างที่จะ ปล่อยวางที่สุด รีบยื่นมือน้อยๆของตนออกไป

“น้องลี่หลิน สวัสดี พีชื่ออานอาน”

เสียวลี่หลินกะพริบตาไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในขณะที่ทุกคนต่างคิดว่าเขาไม่ชอบ จู่ๆเขาก็ยื่นมือออกไป พุ่งเข้าไปกอดอานอนแน่น

“พี่สาวสุดสวย ผมชอบพี่สาวสุดสวย

จิ่งหนึ่งและหัวเหยาตกตะลึง

เห็นเพียงเล็กน้อยที่มีหน้าไม่พอใจเมื่อสักครู่นี้ ในเวลานี้กลับ ยิ้มออกมาอย่างสดใส

มองไปยังศีรษะของอานอานที่สูงกว่าตน ดีที่น้ำลายไม่ไหล ในเวลานี้เอง เสียงโมโหของเด็กน้อยก็ดังขึ้น

“ไม่อนุญาตให้กอดพี่สาวของผม

จิ้งเจ๋อน้อย โกรธจนหน้าแดง พุ่งเข้าไปแล้วผลักเขาออก

จิ้งเจ๋อน้อยแม้ว่าจะอายุน้อยกว่าเสี่ยวหลินปีครั้ง แต่ว่าแม้ว่า เขาจะตัวเล็กแต่ก็มีแรงมหาศาล อีกทั้งเสี่ยวหลินก็คิดไม่ถึงว่าจะมีคนผลักตน ดังนั้นเท้าของเขาจึงไม่มั่นคงและล้มลงไปกับพื้น ในทันที

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าความเป็นมิตรของตนจะได้รับการ ตอบแทนเช่นนี้ เขาตะลึงงันครู่หนึ่ง จากนั้นก็นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น

ทันใดนั้นจึงหญิงและหัวเหยาก็รู้สึกหวาดหวั่น

“หลินหลินไม่ร้องนะคะ เด็กดี น้องชายไม่ได้ตั้งใจ หยุดร้อง ก่อนนะครับ”

จิ่งหนึ่งก็เดินเข้าไป พลางคุกเข่าลงแล้วพูดกับจิ้งเจ๋อน้อยอย่าง เคร่งขรึมว่า “เจ๋อเจ้อ หม่ามีบอกลูกแล้วไม่ใช่เหรอว่าห้าม ลงมือทำร้ายคนอื่น? แล้วลูกผลักพี่หลินหลินได้ยังไง? ”

จิ้งเจ๋อน้อยกะพริบตามองไปที่เธอ ดวงตากลมโตราวกับลูก องุ่นสีดำสองลูก เมื่อมองไปแล้วก็ทำให้คนรู้สึกน่าสงสารไม่น้อย

อาจเป็นเพราะเขารับรู้ได้ถึงความเคร่งขรึมของจิ่งหนึ่ง เขาจึง ทำปากมุ่ย และพูดขึ้นด้วยความรู้สึกน้อยใจว่า: “หม่ามีบอก แล้วว่า ผมเป็นเด็กผู้ชาย จะต้องปกป้องพี่สาว

ขณะที่พูด จู่ๆก็หันไปยังเสี่ยวหลินเด็กผู้ชายที่กำลังร้องไห้

“เขาแกล้งพี่สาว!

อยู่

จิ่งหนิงตะลึงงัน เธอรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง สีหน้า เคร่งขรึมเมื่อสักครู่นี้ก็ค่อยๆคลายออกมา พร้อมกับทันใดนั้นก็หัวเราะออกมา

“เขาไม่ได้แกล้งพี่สาว เขาชอบพี่สาว

จิ้งเจ๋อน้อยส่ายหน้า

“ไม่ เขาทำร้ายพี่สาวอยู่ ในหนังสือบอกว่า พี่สาวเป็นผู้หญิง ผู้ หญิงจะให้ผู้ชายกอดง่ายๆไม่ได้ เขากอดพี่สาว เขาเป็นคน หวย! ”

อานอาน ในเวลานี้ก็รู้สึกจนปัญญา ด้านหนึ่งเป็นน้องชาย ส่วน อีกด้านหนึ่งก็เป็นน้องชายเช่นเดียวกัน จู่ๆเธอก็ไม่รู้ว่าควรจะทำ อย่างไรดี

ในเวลานี้หัวเหยาก็พอที่จะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

ก็พยายามที่จะช่วยเหลือ

หล่อนปลอบเสียวลี่หลินที่กำลังร้องไห้เสียใจอยู่ไปด้วย พลาง ชี้ไปที่ จิ้งเจ๋อน้อย

“เจ๋อเจอหนูทำถูกแล้วค่ะ พี่ชายผิดแล้ว พี่ชายไม่ควรที่จะกอด พี่สาวโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต

หล่อนพูดไปพลาง ปลอบเสี่ยวลี่หลินเบาๆ

“หลินหลิน คุณได้ยินไหม? ต่อไปหากต้องการกอดพี่สาวจะ ต้องได้รับอนุญาตจากพี่สาวก่อนรู้ไหม?

เสี่ยวหลินยังคงร้องไห้อยู่สะอึกสะอื้น เมื่อวิ่งหนึ่งเห็นดังนั้นก็ พูดกับอ่านอ่านว่า “อานอาน ลูกปลอบน้องชายหน่อยสิ”
อานอาหลังเลเล็กน้อย

หล่อนไม่ได้รู้สึกถึงการถูกคนอื่นกอดจะผิดอะไร แต่หลักๆ คือ หล่อนกลัวว่าหากตนไปปลอบ จิ้งเจ๋อน้อยที่คอยปกป้องหล่อนจะ รู้สึกเสียใจ

จากนั้น เมื่อหันกลับไปก็เห็นว่าหม่ามีกำลังกอดจิ้งเจ๋อน้อยอยู่ จึงรู้ได้ทันทีว่าคงไม่มีเรื่องอะไรแล้ว จึงก้าวเท้าเดินไปหาเสี่ยว หลิน

“หลินหลิน สวัสดี ไม่ต้องร้องแล้วนะคะ พวกเรามาเล่นเกมกัน

ดีไหม!

ไม่เสียแรงที่อานอานเป็นพี่สาว หล่อนมีวิธีการปลอบเด็กที่ไม่ เลวเลย

เดิมทีเสียวลี่หลินก็ชอบหล่อนอยู่แล้ว แม้ว่ากำลังร้องไห้ด้วย

ความเสียใจอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะร้องไห้จนฟังอะไรไม่รู้เรื่องเลย เขาเงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา แล้วมองไปที่หล่อน ร้องไห้สะอึกสะอื้น พลางถามขึ้นว่า เล่น เล่นอะไรเหรอ ครับ?”

อานอานครุ่นคิด “พวกเรามาเล่นซ่อนแอบกันดีไหม? ” เสียวลี่หลินครุ่นคิดครู่หนึ่ง ไม่นาน จึงพูดขึ้นอย่างน่าสงสาร ว่า: “ก็ได้”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ